I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 409 เอกฉันท์
แม้ว่าผู้เฒ่าจะสงสัยเกียวกับผู้ใช้พลังที่หลินเฉิงพูดถึงพลังที่สามารถล็อคตัวเป้าหมายได้ แม้ว่าเขาจะอายุมากแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นพลังในรูปแบบนั้นมาก่อนเลย แต่ยังไงมันก็มีความเป็นไปได้
ถ้าหลินเฉิงมีแผนที่จะซ่อนตัวในฐานทัพแห่งนี้หลังจากที่จัดการเรื่องของฉางเหวินฉวนไปแล้วแม้ว่าเขาจะทำให้งานสอบสวนเป็นไปได้อย่างยากลำบากได้บ้าง แต่ความเสี่ยงก็ยังคงสูงอยู่ดี ยังไงๆ ฐานทัพแห่งนี้ก็เหมือนกับบ้านของฉางเหวินฉวน อาจจะมีคนคอยเอาคืนอยู่ก็เป็นได้
แต่ถ้าหนีไปเลยหลังจากที่เสร็จเรื่องเขาจะกลายเป็นผู้ต้องสังสัยในทนที และครอบครัวของเขาต้องรับศึกหนักต่อจากนี้อย่างแน่นอน
ก่อนที่จะต้องเจอปัญหาที่ยุ่งยากนั้นหลินเฉิงต้องร่วมมือกับทีมดาบรัตติการก่อน เพื่อแก้ไขปัญฆหานี้ให้มีผลกระทบตามมาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!
เพราะหน่วยงานลึกลับที่ทำงานอย่างเป็นเอกเทศจากแผนกอื่นๆสมาชิกของดาบรัตติการยังไม่เคยเปิดเผยตัวตนกับสาธารนะเลยแม้แต่คนเดียวนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้น ที่ต้องทำตัวให้ลึกลับก็เพื่อไม่ให้ใครสามารถเข้ามารบกวนการทำงานของทีมงานเฉพาะกิจนี้ได้ แถมยังสามารถป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีที่ต้องการมาทำลายองค์กรอีกด้วย!
เพราะกฏเหล็กของหน่วยนี้เป็นกฏแบบพิเศษตราบใดที่ผู้เฒ่าเหลียงเป็นคนดำเนินการให้กับเขา เหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกของดาบรัตติการ มอบข้อมูลพิเศษให้กับทีมแล้วรับภาระกิจสำคัญออกไป เขาก็จะสามารถชำละล้างข้อสงสัยทั้งหมดที่จะติดตัวเขาหลังทำภาระกิจได้ พร้อมกับมีคนคอยดูแลครอบครัวของเขาตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปอีกด้วย!
โดยเฉพาะอย่างหลังถ้ามีคนคอยมารังควานครอบครัวของเขา ดาบรัตติการก็จะคอยจัดการเรื่องนี้ให้กับเขา เท่ากับว่าความกังวลทั้งหมดของหลินเฉิงก็แทบจะหายไปทั้งหมดเลยก็ว่าได้ โดยแลกเปลี่ยนกับการที่เขาต้องแแชร์ข้อมูลเรื่องฉางเหวินฉวนกับพวกเขา
หลังจากที่เรียบเรียงเหตุการณ์อีกครั้งผู้เฒ่าเหลียงก็พบว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีตามที่เขาต้องการแล้ว นั้นเท่ากับว่า วิน-วิน กันทั้งสองผ่ายแล้ว ทั้งในฝ่ายของหลินเฉิงและของหน่วยดาบรัตติการ!
หลินเฉิงมีปัญหาเรื่องฉางเหวินฉวนก็เพราะไอหมอนั้นไปยุ่งกับน้องสาวของเขาในขณะที่ทางดาบรัตติการนั้นมีปัญหากับความลึกลับที่อาจจะเป็นอันตรายของฉางเหวินฉวน ตอนนี้ข้อมูลที่ได้มาจากหลินเฉิงก็ยังเป็น ’ด้านมืด’ ของพระเจ้าที่คอยปกป้องฐานทัพคนนั้นอีก ถ้าเป็นภัยใหญ่หลวงขนาดนี้ ดาบรัตติการก็ไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ แต่ที่แย่ที่สุดคือการคงสถานะภาพของฐานทัพแห่งนี้ให้ได้หลังจากที่สูญเสียงเสาหลักไป!
คิดได้แบบนี้เหลียงก็พยักหน้าและถามกลับมาด้วยความกังวล ตอนนี้ฉันเข้าใจสิ่งที่นายต้องการจะสื่อแล้ว เราต้องทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้! แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขอถามหน่อย หลังจากที่นายรู้แล้วว่าเขามีพลังที่ร้ายกาจขนาดไหนแล้ว อะไรทำให้นายมั่นใจว่าจะจับเขามาเป็นๆ ได้หละ? พลังที่ครองฟ้าครองมหาสมุทรได้แบบนั้น น่าจะเกินระดับ 5 ไปแล้วด้วยซ้ำนะ!
ก็นะ….
เห็นชายแก่ยังคงรู้สึกกังวลหลินเฉิงก็ยิ้ม เขาเอามือขวาขึ้นมาลูบโต๊ะไม้ ทันใดนั้นมันก็ถูกน้ำแข็งเกาะคลุมอย่างรวดเร็ว โตะไม้ที่ยาวเกือบ 2 เมตร กลายเป็นไอติมก้อนทันที!
พลังของฉางเหวินฉวนนั้นแข็งแกร่งก็จริงแต่ถ้าผมพลั้งมือไปก็อาจจะจบชีวิตเขาลงทันทีได้ แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะระวัง เขาจะไม่มีจังหวะแม้แต่จะถอยด้วยซ้ำตอนที่ผมลงมือ! หลินเฉิงค่อยๆเอามือสไลท์ไปบนโต๊ะน้ำแข็งพร้อมกับพูดกับชายแก่ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
ได้เห็นความมั่นใจขนาดนี้ของหลินเฉิงแล้วเขาก็เข้าใจความหมายทันที ต่อให้ฉางเหวินฉวนเร็วขนาดไหนก็ไม่สามารถรอดไปจากหลินเฉิงได้จริงๆ !
หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายมั่นใจแล้วหลินเฉิงก็ยิ้มและพยักหน้า แต่ผมจะบอกว่าฉางเหวินฉวนนั้นมีพลังสายฟ้าระดับ 5 ที่เป็นขั้นต้น ถึงอย่างงั้นถ้าต้องปะทะกับเขาก็จะเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมาก
ถ้าตอนนั้นผมไม่สามารถปกปิดฐานะตัวเองได้ถึงเวลานั้นคงต้องสังหารอีกฝ่ายมากกว่าที่จะไกล่เกี่ยกัน อย่างไงซะความปลอดภัยของผมเองก็ต้องมาเป็นอันดับแรก! หวังว่าอะไรต่อมิอะไรจะไม่ยุ่งยากขนาดนั้นขอให้พวกผู้เฒ่าเข้าใจด้วย…
มันก็….
แม้ว่าเหลียงเองก็อยากจะเห็นด้วยหลังจากที่พูดคุยกับหลินเฉิง ความคิดของหลินเฉิงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เมื่อได้ยินหลินเฉิงพูดแบบนี้ เขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าต้องมีปํญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เห็นชายแก่กำลังไม่มั่นใจหลินเฉิงก็รู้เรื่องที่ชายแก่กำลังคิดดี เขาได้แต่ยิ้มและโบกมือให้ ไม่ต้องห่วงครับ มันจะเป็นแบบนั้นเฉพาะสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น ถ้าไม่มีอะไรเกินกว่าเหตุ ผมไม่ทำแบบนั้นอย่างแน่นอน เพราะอย่างไงพวกเราก็ยังต้องการคำตอบของความลับทั้งหมดจากปากของเขาเองเหมือนกัน
ฮื่ม!ก็ได้ ถ้ามันเกินกว่าที่จะควบคุมแล้วจริงๆ น่าจะฆ่าเขาทิ้งก็ได้ แล้วพวกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลยหลังจากนั้นโอเคไหม…
หลินเฉิงเห็นว่าชายแก่ยังไม่มั่นใจเต็มร้อยแต่ก็พยักหน้าให้เขา
พวกคุณจะมั่นใจในตัวเองกันเกินไปรึเปล่า?
เมื่อเห็นทั้งสองมีมัตติเป็นเอกฉันท์กันแล้วฉีเซี่ยวฮันที่นิ่งอยู่นานก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้พวกนายกำลังคุยกันเรื่องฉางเหวินฉวนนะ ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน นอกจากหลินเฉิงอาจจะไม่รอดแล้ว พวกเราเองก็แย่พอๆ กันเลยนะ เพราะงั้นคิดดูดีๆ ก่อนนะ เข้าใจไหม?
ฮือ?เด็กไม่เอาไหนอย่างเธอเนี่ยนะ เธอยังจะให้เราจับกุมตัวฉางเหวินฉวนอีกรึไง? ตอนนี้พวกเรากับหลินเฉิงก็ลงรอยกันแล้วเธอจะมาสร้างปัญหาอีกรึไง?
เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนกับสาดน้ำเย็นใส่เหลียงก็ได้แต่จ้องหน้าฉีเซ๊่ยวฮันกลับไป ฉีเซี่ยวฮันลุกขึ้นและเดินไปข้างๆ หลินเฉิงเป็นครึ่งวงกลม ก่อนที่จะชี้หน้าหลินเฉิงพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า เพราะฉันยังไม่เคยเห็น ชายคนนี้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาให้เห็นเลยสักครั้งเดียว ฉันเลยไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจให้เขาทำงานนี้ดีหรือไม่! ไม่งั้นฉันจะขอตามเขาไปเพื่อสนับสนุนด้วย!
เธอเนี่ยนะ? เมื่อถูกเด็กตัวเล็กชี้หน้าหลินเฉิงก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที ฉันไม่ได้ดูถูกเธอหรอกนะ แต่พลังของเธอในตอนนี้ไล่ตามฉันไม่ไหวหรอก แล้วเรื่องงานสอดส่องที่เธอต้องทำอีกหละ?
เหอะ!ถ้าเธอตามความเร็วของฉันไม่ทัน จะทำให้ฉันช้าลงเปล่าๆ นะ!!
เห็นหลินเฉิงไม่สนใจเธอแล้วเธอก็วิ่งเข้าไปหา นายเองก็ชอบทำตัวเป็นปริศนาตลอดเลย ในฐานะที่ฉันเป็นสมาชิกของทีมนี้ ฉันยังไม่แน่ใจเลย ถ้าอยากจะทำงานร่วมกันจริงๆ ก็ให้ฉันตามนายไปด้วย!
———————-SC: บทที่ 410 การประณีประนอมของผู้เฒ่าเหลียง