I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 476: “เค้กที่หอมกรุ่น”
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 476: “เค้กที่หอมกรุ่น”
SC:บทที่476: เค้กที่หอมกรุ่น
แต่หลังจากที่บทสนทนาเพิ่งจบลงเธอก็ค่อยๆรู้ว่าชายหนุ่มอายุน้อยคนนี้ ไม่ใช่คนที่มีจิตวิญญาณปีศาจอย่างที่คนหลายคนพูด หลังจากที่พูดคุยกันต่อหน้า เธอก็เข้าใจทันทีว่าชายหนุ่มที่เก่งรอบด้านคนนี้เป็น อารยชน อย่างที่เขาพูด
โดยธรรมชาติแล้วคนแบบนี้จะไม่เหมือนกับฆาตกรที่ฆ่าทุกคนที่มีความคิดต่างจากตัวเอง ด้วยกำลังและใจที่สงบสุขของพวกเขา หลินเฉิงได้เปิดเส้นทางให้เขาผู้มีพลังธรรมดา และแม้แต่คนของเผ่ารัตติกาลเองก็เช่นกัน มันอาจจะไม่น่าพูดนัก แต่ในสายตาของเขา คนพวกนี้อาจเป็นแค่สิ่งมีชีวิตต่ำต้อยสำหรับเขาเท่านั้น ตราบใดที่คนพวกนั้นไม่ขัดอะไรอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็เลือกที่จะไม่สนใจคนพวกนั้น!
แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ดี ความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายและความรับผิดชอบในการปกป้องบางสิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขามาที่นี่ในวันนี้ ตราบใดที่เรื่องตำแหน่งแทนฉางเหวินฉวนเสร็จสิ้น เขาจะไม่อยู่ที่นี่ที่เต็มไปด้วย ศัตรู อีก เพราะเมื่อใดที่เกิดความขัดแย้งใหม่อีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายก็จะระเบิดอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเผ่ารัตติกาลจะไม่มีทางจัดการกับเขาได้ แต่มันก็ยังดีกว่าการที่ต้องจัดการกับพวกที่ฐานทัพสมุทรสีคราม
เพื่อที่จะปกป้องคนของฐานทัพสมุทรสีครามหรือเพื่อที่จะปกป้องกลุ่มคนที่เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งมันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ทำให้เขาต้องสู้กับเผ่ารัตติกาล เพราะมันมีวิธีที่มากมายที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งหากเทียบกับการข่มขู่ด้วยกำลัง
ในความจริงแล้วตอนที่หลินเฉิงขอความช่วยเหลือ หยุนเฟิงก็พอจะเดาได้แล้วว่าเขาจะพูดอะไร ยกเว้นก็แต่ สายน้ำจะไม่ไหลทวนน้ำ เผ่ารัตติกาลได้ส่งคนที่ชำนาญพลัง จอมอสูร ไปทำงานที่ฐานทัพสมุทรราตรี ไม่ใช่แค่เพื่อให้ได้รับการรับรองระดับสูงเท่านั้น แค่ยังรวมถึงการสร้างสะพานที่สื่อถึงความสันติภาพด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหลินเฉิงเป็นคนขอให้เธอช่วยด้วยตัวของเขาเอง เธอก็อาจจะไม่ช่วย มันอาจเป็นการส่งตัวให้กับชาติพันธุ์อื่น แต่ในเมื่อหลินเฉิงเป็นฝ่านเปิดปาก นั่นหมายความว่าเขายืนยันความปลอดภัยส่วนบุคคลของกลุ่มคนพวกนี้แล้ว
เมื่อเรื่องนี้เสร็จสิ้นและสิ่งต่อไปที่จะเกิดขึ้นต่อจากนั้น เผ่ารัตติกาลและฐานทัพสมุทรสีครามก็จะละทิ้งความขัดแย้งและข้อสงสัยก่อนหน้าทิ้งไปทั้งหมด และร่วมการสร้างเส้นทางการค้า เมื่อทั้งสองฝ่ายได้รู้ถึงความหอมหวานของการติดต่อกัน ความขัดแย้งและข้อสงสัยก่อนหน้าทั้งหมดจะหายไปโดยธรรมชาติ
หลังจากคิดเรื่องจุดประสงค์ของหลินเฉิงด้วยระยะเวลาอันน้อยนิดหยุนเฉิงก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่มีความสามารถและความแข็งแกร่งผู้นี้ช่างน่ากลัวจริงๆ ถ้าเธอเป็นศัตรูกับผู้ชายคนนี้ ตอนกลางคืนเธอจะต้องไม่เป็นอันนอนแน่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หยุนเฟิงก็ไม่เสียเวลาไปมากกว่านี้ เมื่อเธอเดินไปถึงประตู เธอจึงหันกลับมาหาหลิงฉงและหลิงเหมิงและเอ่ย โอเค ท่านพ่อกับหลิงเหมิงอยู่ที่นี่กับคุณหลินก่อน เดี๋ยวลูกจะกลับมาทันทีที่เจอตัวคนที่ตรงตามข้อเรียกร้อง โอเครึเปล่าคะ?
ได้กลับมาเร็วๆล่ะ!
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงฉงก็พยักหน้า ในขณะที่หลิงเหมิงดูไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นว่าหยุนเฟิงมองตัวเองอยู่ เธอก็ไม่กล้าที่จะขัดอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สอง เพราะฉะนั้นเธอจึงทำแค่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ รับคำ
หลังจากที่หยุนเฟิงออกไปทั้งสามคนที่อยู่ในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอยู่พักหนึ่ง พวกเขารู้สึกว่ามันน่าเบื่อมากที่จะอยู่ในนี้ตลอดเวลา หลังจากรอไปสักพัก หลินเฉิงก็ทำไมไหวในที่สุด เขากวักมือเรียกหลิงเหมิงและเอ่ย ฉันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกแต่ไม่รู้ว่าเจ้าหญิงหลิงจะไปเป็นเพื่อนกันหน่อยได้รึเปล่า?
ฉันไม่สนใจ!
แต่หลิงเหมิงนั้นไม่สนใจที่จะไปเดินเล่นเรื่อบเปื่อยกับอีกฝ่ายในตอนนี้เธอปฏิเสธเขาและจากนั้นจึงนั่งมองเล็บตัวเอง เธอไม่อยากเห็นหน้าหลินเฉิง
เมื่อเห็นว่าหลิงเหมิงไม่ไว้หน้าหลินเฉิงเลยสักนิดหลิงฉงก็ขมวดคิ้วและเอ่ยดุ เหมิง! ในเมื่อมีคนมาที่นี่ เขาก็คือแขกของเรา นี่คือสิ่งที่หลานปฏิบัติกับแขกของเผ่ารัตติกาลหรอ?
ก็ได้ค่ะก็ได้….
แต่ก่อนที่หลิงเหมิงจะเอ่ยตอบออกไปหลินเฉิงก็ทำมือให้หยุด ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นใส่ฉัน ถ้าเธอไม่กลัวว่าฉันจะไปก่อเรื่องอะไรข้างนอก เธอไม่ต้องไปกับฉันก็ได้!
นาย…ฮึ!
เมื่อได้ยินคำขู่ของหลินเฉิงหลิงเหมิงก็หันไปมองอีกฝ่ายอย่างอดไม่ได้ ผู้ชายคนนี้อาจจะดูเป็นคนสุภาพเวลาพูดคุยกับท่านตาหรือท่านแม่ของเธอ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเวลาเขาคุยกับเธอ เธอถึงรู้สึกว่าอยากจะฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆ!
หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อข่มความโมโหในใจหลิงเหมิงก็ยืนขึ้นและพูดกับหลินเฉิง ไปสิ จะให้ฉันไปกันนายไม่ใช่หรอ?
ไม่ได้ถูกบังคับใช่มั้ย?
เมื่อได้ยินหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ รู้มั้ย ฉันไม่ชอบบังคับคนอื่นเท่าไหร่หรอกนะ…
เปล่า!
เมื่อเห็นท่าทีเกี่ยงงอนของหลินเฉิงเธอก็ยังเป็นเด็กดี เพื่อที่จะไม่ทำให้เขาหงุดหงิด หลิงเหมิงก็เลือกที่จะไม่สนใจอีกฝ่านและกวักมือเรียกหลังจากเปิดประตูและพูดออกมา ฉันจะรีบไปรีบกลับ เดี๋ยวท่านแม่ก็จะกลับมาแล้ว! ถึงแม้ว่าหลินเฉิงจะไม่เต็มใจแต่หลินเฉิงก็ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะเมื่อเทียบกับเป้าหมายในการมาที่นี่ของเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะคิดยังไง เขาไม่สนใจและมันก็ไม่มีทางที่เธอจะทำให้เขาโมโหได้
หลังจากพยักหน้าให้หลิงเหมิงหลินเฉิงก็ลุกขึ้นและเดินตามหลิงเหมิงออกไป
หลังจากที่กลับมาที่จัตุรัสที่มีผู้คนมากมายหลินเฉิงก็พบว่าคนพวกนั้นที่ตอนแรกไม่สนใจพวกเขากลับหันมามองพวกเขาด้วยสายตาแปลกประหลาดทันที ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องจับหน้าตัวเองและรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรติดอยู่บนหน้า
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเฉิงหลิงเหมิงก็ไม่ได้อธิบายอะไรจนกระทั่งเธอพาเขาเดินผ่านจัตุรัสมายังทางเดินแคบๆ ไม่ต้องห่วง นายไม่ได้มีอะไรติดอยู่บนหน้าหรอก! มันเป็นเพราะฉันเองที่คนอื่นมองนายแบบนั้น….
หืม?
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็เลิกคิ้วขึ้น สงสัยว่าคนพวกนั้นคงจะคิดว่าฉันเป็นเหยื่อหน้าขาวคนใหม่ของเธอสินะ?
หน้าด้านที่สุด!
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงได้ฉวยโอกาสแหย่เธอเธอยักคิ้วขึ้นและตะคอกใส่เขา นายคิดว่าทุกคนเขาเป็นเหมือนอย่างนายงั้นหรอ นอกจากฆ่าคนไปวันๆ ในหัวนายมีแต่ความคิดเเกลือกกลิ้งไปกับผู้หญิงบนเตียงรึไง?
เมื่อได้ยินคำต่อว่าของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็แสยะยิ้มออกมาและเอ่ย เชื่อเถอะว่าถ้าในหัวฉันมีแค่นี้จริงๆ เธอจะไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อย่างครบสมบูรณ์แบบนี้หรอก!
เมื่อรู้ถึงความหมายในคำพูดของหลินเฉิงหลิงเมิงก็หน้าแดงและพึมพำกับตัวเอง เธอไม่กล้าตะคอกใส่เขาอีก เธอทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องและเอ่ย เพราะว่าฉันอายุมากพอและสามารถหาคู่ได้ ท่านพ่อกับท่านแม่เพิ่งพูดเรื่องนี้ไปก่อนหน้านี้ไม่นานนัก ใครก็ตามที่แต่งงานกับฉันจะมีสิทธิ์ในการเป็นหัวหน้ากลุ่มคนต่อไป! เพราะอย่างนั้นคนพวกนั้นเลยมองนายแบบนั้น เพราะในเมื่อท่านพ่อท่านแม่พูดมาแบบนั้น และนายก็เป็นผู้ชายคนแรกที่อยู่ใกล้ฉัน พวกเขาเลยคิดกันไปแบบนั้น
————————————–