I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 477: พ่อของหลิงเหมิง
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 477: พ่อของหลิงเหมิง
SC:บทที่477: พ่อของหลิงเหมิง
หลังจากได้ยินคำอธิบายของหลิงเหมิงหลินเฉิงก็กลอกตา เพราะแบบนั้นคนพวกนั้นถึงยังทำกับฉันเหมือนฉันเป็นไอ้หน้าขาวสินะ!
นาย!ช่างเถอะ นายสมควรโดนแล้ว!
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงถูกเรียกว่า ไอ้หน้าขาว หลิงเหมิงก็หันไปมองอีกฝ่าย จากนั้นก็ไม่พูดอะไรนอกจากทำมือใช้อีกฝ่ายเดินต่อ
จะว่าไปขอถามอะไรหน่อย เธอรู้รึเปล่าว่าที่นี่มีประตูบานอื่นนอกจากบานที่เราเข้ามารึเปล่า? แน่นอน ฉันหมายถึงประตูบานเก่านะ ไม่ใช่ว่าบานที่เธอเพิ่งสร้างขึ้นมา
หลังจากเดินตามหลังหลิงเหมิงมาประมาณครึ่งวันหลินเฉิงก็เอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่ได้พบว่าการเดินไปเรื่อยๆนั้นไม่ได้ผล เมื่อได้ยินคำถามหลิงเหมิงก็ขมวดคิ้ว เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงเอ่ยตอบ ฉันไม่คิดว่ามีนะ เพราะเท่าที่ฉันจำได้ นอกจากประตูบานเก่าและบานใหม่แล้ว มันก็ไม่มีแล้ว! แต่… เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ จู่ๆหลิงเหมิงก็หยุดพูด
เมื่อได้ยินที่หญิงสาวพูดหลินเฉิงก็ไม่ปล่อยผ่าน แต่อะไร? ถ้าเธอรู้อะไรก็พูดออกมา อย่างลังเล! ไม่งั้นฉันจะตีเธอ!
นี่!ฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ถูกพวกคนแก่ๆดุทุกวัน คำขู่แบบนั้นมันอะไรกัน!
เมื่อได้ยินคำขู่ของหลินเฉิงหลิงเหมิงก็หันหน้าหนี แต่เธอก็ไม่กล้าขัดใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี เธอเอ่ยต่อ ถึงแม้ว่าฉันจะคิดว่าตัวเองรู้จักสถานการณ์ที่นี่ดี แต่มันก็ยังน้อยกว่าพ่อแม่ของฉัน ถ้านายมีคำถามอะไร นายก็ถามพวกท่านได้เลย มาถามฉันจะมีประโยชน์อะไร….
ใช่!
เมื่อได้ยินที่หลิงเหมิงพูดหลินเฉิงก็ปรบมือทันที เขารู้สึกว่าตัวเองโง่ขึ้นมาทันที เขาหยุดเดินและหมุนตัวเดินกลับไปหาหยุนเฟิงทันที
นั่นนายจะไปไหน?
เมื่อเห็นว่าจู่ๆหลินเฉิงก็กลับหลังหันและเดินไปหลิงเหมิงตกตะลึง เธอคว้าแขนของเขาไว้ทันที จะถึงที่ทำงานของท่านพ่อแล้ว ถ้านายอยากจะถามอะไร นายก็ถามท่านได้เลย นายจะกลับไปหาท่านแม่ทำไม?
หรอ?
เมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายพูดหลินเฉิงก็หยุดเดิน งั้นก็เร็วเข้า! ฉันจะกลับทันทีที่จัดการเรื่องที่นี่เสร็จ เธอจะได้เป็นอิสระสักที!
เมื่อได้ยินที่หลินเฉิงพูดหลิงเหมิงก็แสยะยิ้มออกมา นายคิดว่าฉันกังวลที่จะพานายไปหาท่านพ่อรึไง? ตอนนี้นายเหมือนเป็นเทพเจ้าแห่งความวิบัติ ตราบใดที่ฉันส่งนายเสร็จ เรื่องยุ่งยากทั้งหมดก็จะจบ!
อืม…ฉันคิดว่าสภาวะอารมณ์ของฉันดีขึ้นนะไม่อย่างนั้นถ้าเธอกล้าพูดกับฉันแบบนี้ก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวเธอล่ะก็ ฉันจะโยนเธอไปเป็นอาหารซอมบี้ซะ!
เมื่อเห็นว่าหลิงเหมิงดูกลัวตัวเองขึ้นเรื่อยๆหลินเฉิงก็ถอนหายใจออกมา ตั้งแต่ที่เขามาเซียงโจว เขาก็พบว่าตัวเองโมโหน้อยลงเรื่อยๆ และนิสัยของเขาก็สงบขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่
นี่เห้! ให้เกียรติฉันด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฉิงหลิงเหมิงไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด หลังจากต่อสู้กัน เธอก็เข้าใจนิสัยของหลินเฉิง ตราบใดที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรต่างจากปกติ ผู้ชายคนนี้ไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองตัวเองยังไงและจะไม่ทำร้ายใครที่เขาไม่เกี่ยวข้องด้วย หลังจากรู้แบบนี้เธอถึงกล้าเถียงเขาอยู่หลายครั้ง
มาเถอะน่าพูดอะไรไร้สาระนักหนา? ไม่ใช่ว่าเธอต้องพาฉันไปเจอพ่อของเธอรึไง? ไม่ไปรึไง?
เขาไม่อยากจะเถียงกับหญิงสาวไปมากกว่านี้หลินเฉิงทำมืออย่างทนไม่ได้และเร่งอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงเหมิงก็ปิดปากและไม่พูดอะไรอีก เธอกลับหลังและพาหลินเฉิงไป
หลังจากเดินตามทางมืดๆมาเกือบสิบนาทีในที่สุดหลิงเหมิงก็เดินออกมาจากทางเดินพร้อมกับหลินเฉิงและเดินไปที่วงเวียนที่เล็กกว่าวงเวียนก่อนหน้า บนผนังของวงเวียนเองก็มีหลุมอยู่ แต่มันใหญ่กว่าและเล็กกว่าหลุมก่อนหน้ามาก
นี่คือสถานที่ที่พวกผู้อาวุโสของเผ่ารัตติกาลและพวกต่ำแหน่งสูงทำงานตอนนี้ท่านพ่อน่าจะยังอยู่ในที่ทำงาน เร็วเข้า ไม่อย่างนั้นฉันเกรงว่าท่านจะไปประชุมกับพวกผู้อาวุโสอีกครั้งเสียก่อน พวกเขาใช้เวลาประชุมกันประมาณวันนึงเวลาเจอกัน มันเลยไม่มีเวลาให้ฉัน….
หลิงเหมิงพาหลินเฉิงไปที่ทางเข้าของถ้ำที่มีพื้นที่กว้างที่สุดขณะที่สังเกตสถานการณ์โดนรอบ หลิงเหมิงก็อธิบายให้อีกฝ่ายมองคร่าวๆ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจกับอาการบ้างานของพ่อตัวเอง
โดยปกติแล้วหลินเฉิงไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่เขาก็พยักหน้าเพื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารู้เรื่องและจากนั้นก็มองไปรอบๆถ้ำที่อยู่ตรงหน้าและเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
หลินเฉิงไม่ค่อยรู้สึกประหลาดใจที่ผู้คนที่นี่อาศัยอยู่ในหลุมโพรงเพราะอย่างไรแล้ว แม้แต่มนุษย์เองก็มีประวัติศาสตร์ที่เคยอาศัยอยู่ในถ้ำมาก่อน และแม้แต่ในศตวรรษที่21เอง มันก็ยังมีผู้คนที่อยู่บนภูเขาห่างไกลจำนวนมากที่ยังอาศัยอยู่ในถ้ำ
แต่ความแตกต่างก็คือคนพวกนั้นเลือกเองที่จะอาศัยอยู่ในถ้ำในขณะที่เผ่ารัตติกาลเลือกที่จะอยู่ในถ้ำเพราะพวกเขาไม่มีตัวเลือกอื่น หลิงฉงเคยให้เหตุผลกับเขาว่าทุกคนคิดว่าตัวเองจะได้สามารถฝึกฝนตัวเองได้โดยที่ไม่มีอะไรมารบกวน
เพราะเหตุนี้หลินเฉิงถึงสนใจคนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก ถึงพวกเขาเก่งกว่ามนุษย์มากอยู่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่พอใจ กลับกัน พวกเขาต่างพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะฝึกฝนตัวเอง และเพราะความคิดแบบนั้น เมื่อปัญหาเรื่องจำนวนประชากรของเผ่ารัตติกาลถูกแก้ไขได้ อนาคตของฐานทัพสมุครสีครามจะต้องตกอยู่ในมือของพวกเขาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่ามนุษย์จะสามารถจัดการกับปัญหาเรื่องซอมบี้และมนุษย์กินคนได้ แต่ก็คงไม่สามารถเขาชนะคนกลุ่มนี้ได้อยู่ดี!
หลินเฉิงไม่รู้ว่าคนของเผ่ารัตติกาลเป็นมนุษย์ต่างดาวหรือว่ากลุ่มของ ชาวพื้นเมือง ที่แต่เดิมเป็นคนของโลกแต่แรกกันแน่ แต่สิ่งที่เขารุ้ก็คือ ถ้าหากมนุษย์ไม่รีบตามและพัฒนาตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ คนทั้งหมดจะต้องตกลงมาเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสามในห่วงโซ่อาหารของโลกในเวลาสั้นๆแน่นอน!
ส่วนเรื่องเหตุผลว่าทำไมคนของเผ่ารัตติกาลถึงตื่นขึ้นมาใต้พื้นดินที่ลึกแบบนี้เขาคิดว่าคนอื่นๆที่เจอพวกเขาก็คงไม่รู้เหมือนกันและเขาเองก็คงทำได้แค่เก็บมันเอาไว้ในหัวก่อนชั่วคราวและเตรียมหาคำตอบหลังจากที่เจอคนที่สามารถช่วยเขาได้
ด้วยความคิดมากมายในหัวโดยไม่รู้ตัว หลินเฉิงก็เดินตามหลิงเหมิงเขาไปในถ้ำขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าถ้ำอื่นๆที่อยู่รอบๆ ผนังของถ้ำนี้เต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่มันเหมือนกับว่าภาพพวกนี้เพิ่งถูกสลักขึ้น เพราะร่องรอยของมันดูใหม่มาก
นายรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวฉันจะไปสวัสดีท่านพ่อ
หลินเฉิงสนใจภาพพวกนั้นเขาหยุดเดินและมองดูมันอย่างจริงจัง หลิงเหมิงที่ไม่สนใจในภาพพวกนี้เลยสักนิดก็เอ่ยบอกเขา จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปในประตูหินที่อยู่ลึกเข้าไปในถ้ำ
พยักหน้ารับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายพูดตอนนี้ หลินเฉิงไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาสนใจหลิงเหมิง ความสนใจทั้งหมดของเขาถูกดึงดูดไปโดยภาพวิญญาณพวกนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าภาพวาดพวกนี้หมายถึงอะไรหลังจากที่มองมันมาเป็นเวลานาน แต่เขารู้สึกเหมือนกับว่ามันจะต้องมีความลับอะไรมากมายซ่อนอยู่ในภาพวาดพวกนี้แน่ๆ!
—————————–