I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 478: หลิงเชิง
SC:บทที่478: หลิงเชิง
นายคือหลินเฉิงงั้นหรอ?
ขณะที่หลินเฉิงกำลังจมอยู่กับภาพวาดพวกนี้ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงแหบดุดังมาจากด้านข้าง
ทันใดนั้นหลินเฉิงก็ถูกขัด เขาขัดใจเล็กน้อย แต่เพื่อเป้าหมายของเขาที่มาที่นี่เขาก็ข่มความไม่พอใจของเขาไว้ เมื่อหันกลับไปมอง เขาก็เห็นชายวัยกลางคนที่อายุน่าจะประมาณ40ปีกำลังขมวดคิ้วมองมาที่เขาอย่างพิจารณา
ถึงแม้ว่าชายวัยกลางคนจะไม่ได้ดูหนุ่มมากนักแต่อีกฝ่ายสูง ดูแข็งแรง พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลา และการเคลื่อนไหวร่างกายที่สุขุมนั้นทำให้ผู้คนมองข้ามเรื่องอายุของเขาและถูกข่มด้วยท่าทางนี้
หันกลับไปมองด้านหลังหลินเฉิงชี้ไปที่ชายวัยกลางคนและเอ่ยถามหลิงเหมิง นี่พ่อเธอหรอ?
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงไม่สนใจตนแต่กลับหันไปถามหลิงเหมิง ชายวัยกลางคนก็ขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้โกรธอะไร เขาแต่ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ จากนั้นจึงกอดอกและไม่เอ่ยอะไร
ใช่!
ถึงแม้ว่าหลิงเหมิงจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพลังน้ำแข็งแต่เธอก็สังเกตเห็นความอึดอัดจากการเผชิญหน้ากันครั้งแรกของพ่อเธอและหลินเฉิงได้ เธอจึงรีบพยักหน้าและเอ่ยแนะนำ นี่ท่านพ่อของฉันเอง และในขณะเดียวกันเขาก็คือ หลิงเชิง ท่านหัวหน้าของเผ่ารัตติกาล!
อ๋อ…
เมื่อได้ยินที่หลิงเหมิงแนะนำหลินเฉิงก็พยักหน้า ราวกับว่าเขาไม่เห็นหลิงเชิง หัวหน้าของเผ่ารัตติกาลเลยสักนิด
เมื่อเห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหลินเฉิงในที่สุดหลิงเชิงก็ทนไม่ไหวและพูดขึ้นอย่างโมโห เด็กน้อย หยิ่งยโสไปหน่อยรึเปล่า?
ยังไง?
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็มองอย่างดูถูก หึ ออกไป ก็ผมเห็นคุณทำท่าทางเย่อหยิ่งแบบนั้น ผมเองก็เลยทำบ้าง! เราจะได้ขำกันเองไง
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงไม่กลัวท่าทางของเขาเลยสักนิดหลิงเชิงที่ตั้งใจจะข่มขู่อีกฝ่ายก็ถอนหายใจในใจ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมาก็ทำให้เขาเข้าใจว่าจริงๆแล้วชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายตรงหน้านี้มีใจคอโหดร้ายที่ตั้งใจจะฆ่าคนของเผ่ารัตติกาลทุกคน แต่เมื่อได้เจอกันครั้งแรก เขาก็ไม่พบท่าทางข่มขู่อะไรพวกนั้น เขาจึงทำได้แค่ยอมทิ้งท่าทางข่มขู่ไปและเลือกที่จะคุยกับหลินเฉิงดีๆ
ฉันได้ยินมาจากเหมิงแล้ววันนี้นายมีเรื่องอะไรที่ต้องทำนี่สินะ? หลังจากทำลายบรรยากาศเยือกแข็งด้วยการกระแอมเล็กน้อยหลิงเชิงก็เรียกให้หลินเฉิงเข้าไปใกล้ๆและถามเอ่ยถามอย่างสบายๆเมื่อหลินเฉิงเดินเข้าไป
ครับ
เมื่อเห็นว่าในที่สุดชายมีอายุหน้าหล่อก็เลิกทำ ท่าทางเขย่าขวัญและน่าหวาดกลัว ก่อนหน้า หลินเฉิงก็หัวเราะออกมาและไม่สนใจอะไร เขาเดินตามหลังหลิงเชิงไปและเอ่ยตอบ
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงพยักหน้าหลิงเชิงจึงถามอย่างสงสัย นานแล้วสิ่นะตั้งแต่นายติดต่อกับพวกเราครั้งแรก? ในขณะเดียวกัน นายก็ชนะตลอด และจับตัวหลิงเหมิงของพวกเราไปถึงสองครั้ง เมื่อดูจากพื้นฐานแล้ว นายคงต้องการที่จะถามถึงความลับของเผ่ารัตติกาลของพวกเราใช่รึเปล่า?
ใช่แต่คนพวกนี้เป็นแค่บทบาทเล็กๆเท่านั้นเมื่อเปรียบเทียบกับคุณ พวกเขาไม่สามารถตอบสิ่งที่ผมสงสัยได้ ขณะที่หลิงเชิงถามออกไปทั้งสามคนก็เดินเข้ามาในที่ทำงานที่กว้างขวางของหลิงเชิง หลังจากนั้นทั้งสามจึงนั่งลงตามหลิงเหมิง หลินเฉิงก็เอ่ยตอบออกไปพร้อมกับรับถ้วยชาร้อนๆมาจากหลิงเหมิง
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหลินเฉิงหลิงเชิงก็ต้องขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ในฐานะลูกสาวและพ่อตาของเขา หลิงเหมิงและหลิงฉงต่างเป็นสมาชิกอาวุโสของเผ่ารัตติกาล ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองคนนี้ก็ไม่ได้รู้ความลับน้อยกว่าเขาสักเท่าไหร่ และการที่แม้แต่ทั้งสองคนยังไม่สามารถตอบคำถามของหลินเฉิงได้ นั่นแสดงให้เห็นแค่ว่าสิ่งที่มนุษย์ผู้นี้ต้องการจะรู้นั้นมีความสำคัญกว่าที่เขาคิดเอาไว้!
โอเค…
เมื่อตระหนักได้ว่าคำถามของหลินเฉิงดูเหมือนจะไม่ใช่คำถามง่ายๆหลิงเชิงก็ครุ่นคิดอย่างละเอียดอยู่นานก่อนจะพยักหน้า นายอยากรู้อะไร? ฉันอยู่นี่แล้ว ถ้านายมีคำถามอะไร นายถามพวกมันมาได้เลย ตราบใดที่มันไม่เกี่ยวกับแก่นความลับมากจนเกินไป ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ปิดบัง!
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาและส่ายหัว ผมเกรงว่ามันอาจจะทำให้คุณต้องผิดหวัง เพราะคำถามที่ผมอยากจะถามนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับแก่นความลับของเผ่ารัตติกาล….
หืม?
เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของหลินเฉิงหลิงเชิงก็ต้องขมวดคิ้วและเอ่ย แต่อย่างไรซะ นายก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ความลับของเผ่ารัตติกาลของพวกเราก็คงไม่มีประโยชน์สำหรับนาย ถูกรึเปล่า?
หลินเฉิงส่ายหน้าอีกครั้งและถอนหายใจเบาๆ คุณพูดถูก ในฐานะมนุษย์คนนึง มันไม่มีเหตุผลที่ผมจะต้องสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ในเมื่อผมถาม มันก็เหมือนความว่าผมไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาๆอีกต่อไป และความลับของเผ่ารัตติกาลของพวกคุณก็ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับแผนของผม!
นี่นาย…
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลิงเชิงก็ขมวดคิ้วและมองหลิงเหมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเขาก็คิดว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นไกลเกินกว่าความเป็นมนุษย์มากทีเดียว แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของอีกฝ่าย จะบอกว่าคนที่แปลกแหวกแนวแบบนี้ไม่มีความลับอะไรซ่อนอยู่ เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!
เมื่อคิดได้แบบนี้หลิงเชิงก็ทำได้แค่สูดหายใจเข้าลึกๆและเอ่ย ช่างเถอะ ถ้านายอยากจะถามอะไรฉัน ฉันก็จะบอกนายเท่าที่ฉันจะสามารถบอกได้! แล้วหวังว่านายจะไปจากที่นี่ทันทีที่นายได้คำตอบที่นายต้องการนะ….
ตามธรรมชาติมันก็ต้องเป็นแบบนั้นเพราะยังไงซะ ผมก็ไม่ได้ชอบที่นี่อยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลิงเชิงก็เลือกที่จะประนีประนอมหลินเฉิงก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่กลัวการต่อสู้ไหนเลย แต่มันก็ดีกว่าถ้าหากเขาสามารถได้ข้อมูลที่ต้องการมาโดยที่ปราศจากการต่อสู้ใดๆ ดังนั้นเขาจึงถามออกไป ที่ผมอยากจะรู้นั้นง่ายมาก คำถามแรกก็คือ มันมีประตูหินบานอื่นที่อยู่ในโพรงแห่งนี้นอกจากประตูทางเข้าใหม่กับทางเข้าเก่ารึเปล่า?
ประตู?
ตอนแรกที่ได้ยินคำถามของหลินเฉิงหลิงเชิงประหลาดใจมาก เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะถามเกี่ยวกับพลังบางอย่างของกลุ่มเขา แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดถึงอะไรที่อาจจะส่งผลอันตรายต่อความปลอดภัยของเขา กลับกัน หลินเฉิงถามคำถามที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลยสักนิด
ใช่ประตู! ยิ่งไปกว่านั้น มันยังมีรอยสลักอักษรรูนกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบอยู่บนประตูหินด้วย
เมื่อเห็นท่าทางของหลิงเชิงหลินเฉิงก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เขารู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถามประหลาดใจ แต่กำลังคนและตัวช่วยเสริมของเผ่ารัตติกาลนั้นไม่มีค่าให้เขาต้องพูดถึง แน่นอน เขาไม่สนใจจะทำความเข้าใจสิ่งพวกนี้
เมื่อได้ยินรายละเอียดของประตูหินที่หลินเฉิงอธิบายออกมาหัวใจของหลิงเชิงกระตุก ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าประตูหินถูกสลักข้อความเอาไว้ มันหมายความว่าเขาจะต้องเคยเห็นประตูมาจากที่ไหนสักที่แน่!
ถึงแม้ว่าหลิงเชิงจะปกปิดมันได้ดีแต่เขาก็ไม่สามารถหลบหลีกสัญชาตญาณความอยากรู้ของหลินเฉิงได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับกัน เขายืนขึ้นและเดินไปรอบๆ จากนั้น จู่ๆเขาก็หยุดอยู่ตรงข้างๆหลิงเหมิง
ตอนนี้หลิงเหมิงกำลังหนักใจ เพราะถึงแม้ว่าหลิงเชิงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ แต่เขาก็ได้แสดงท่าทีบางอย่างที่บอกว่าพ่อของเธอรู้ถึงการมีอยู่ของประตูหินนี่!
————————————-