I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 536 เหินฟ้า!
SC:บทที่536 เหินฟ้า!
หลินเฉิงสามารถขับข้ามประเทศได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆด้วยรถที่เฒ่าเหลียงมอบให้เขาเขาขับมันออกจากฐานสมุทรสีครามได้อย่างราบรื่นจากนั้นก็ขับขึ้นไปตามถนนบนเขาที่ซึ่งเขาเคยใช้มันเดินเข้ามายังที่นี่
มือหนึ่งจับพวงมาลัยส่วนอีกมือก็คีบบุหรี่ไว้ด้วย หลินเฉิงฟังเพลงเรื่อยเปื่อยจากวิทยุ และยามที่เห็นต้นไม้ต้นใหญ่ค่อยๆปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา มันก็ดึงดูดความสนใจเขาไปอย่างมาก
รถค่อยๆวิ่งช้าลงเมื่อใกล้จะถึงต้นไม้นั้นในท้ายสุด หลินเฉิงก็จำได้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ๆเขาหยุดเพื่อฟื้นฟูตัวเองแล้วก็ได้เจอหลี่เหมิงเตี๋ยที่นี่ด้วย
ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินเฟยหยู่และจางซวน หลังจากที่จำต้นไม้ต้นนี้ได้หลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอะไรนิดหน่อย ถ้าเฉินเฟยหยู่ไม่ได้โชคดีพอที่จะพบกับเจ้าของเรือข้ามฟากในเขตเซาเจียง เขาคงต้องได้เสียเวลาอีกมากในการหาเรือเพื่อที่จะข้ามทะเลแน่ๆ
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่เขาเข้ามายังฐานสมุทรสีคราม ท่ามกลางจุดประสงค์ที่ต่างกัน เขา เฉินเฟยหยู่ รวมไปถึงฉาเพงที่พาเขาเข้ามายังฐานสมุทรสีคราม แทบจะไม่ได้เจอกันอีกเลย หลังจากที่จัดการปัญหาความขัดแย้งกับพวกเผ่ารัตติกาลและฐานบัญชาการ เขาเองก็แทบจะลืมทั้งสามคนนี้ไปเลย
ตอนนี้ที่ได้เห็นต้นไม้ใหญ่นี้หลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะระลึกถึงความหลังที่มีกับต้นไม้ต้นนี้พร้อมๆกับคน 3 คนนั้นไปด้วย
ในความจริงเขาไม่ได้ต้องการที่จะติดต่อพวกเขา เพราะตั้งแต่เขารู้ถึงจุดประสงค์ที่มายังฐานสมุทรสีครามแห่งนี้ในหัว หลังจากนั้นเขาก็เข้าใกล้ความลับบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้ความสงบสุขที่ปรากฏให้เห็นในฐานแห่งนี้ เขาไม่อยากจะมีความสัมพันธุ์ใดกับพวกนั้น เพราะพวกเขาเองก็แตกต่างจากเมื่อก่อน ถึงแม้ว่าแต่ก่อนเขาจะยังแค่แข็งแกร่งแบบทั่วๆไป แต่นี่มันผ่านมานานแล้วที่อยู่ภายในฐานสมุทรสีคราม เพราะงั้นเขามีความสามารถมากพอที่จะปกป้องตัวเองแล้ว แต่เฉิงเฟยหยู่กับผู้ติดตามนั้นเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่เลย ถ้าหลินเฉิงและพวกเขายังอยู่ด้วยกัน บางทีเขาอาจจะทำให้พวกนั้นต้องได้รับบาดเจ็บก็ได้!
เมื่อคิดเรื่องนี้กว่าเขาจะรู้ตัวอีกทีเขาก็ข้ามยอดเขามาแล้ว 2 ลูกผ่านถนนที่คดเคี้ยวของภูเขาฉีชาน รถ SUV คันนี้ออกมาจากเขตเทือกเขาได้แล้วและกำลังเข้าในเมืองเซียงโจวขึ้นเรื่อยๆ
เขาไม่ได้จะขับรถเข้าไปตรงๆยังเมืองนั้นตรงบริเวณพื้นที่ว่างเปล่ารกร้างที่อยู่ห่างจากเมืองเซียงโจวราวๆ 10 กิโลเมตร หลินเฉิงเลือกจะหยุดรถที่นั่น
หลังจากที่ลงมาจากรถและเปิดประตูหลังเพื่อเอากระเป๋าต่างๆลงมาเขาก็ผิวปากเพื่อเรียกให้โคล่าที่หลับอยู่บนรถให้ตื่นขึ้น เมื่อโคล่าสะบัดหน้าแล้วลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว หลินเฉิงก็เดินไปลูบเจ้ารถ SUV คันใหม่เอี่ยมที่ฝ่าฟันถนนหนทางมาด้วยกันหลายชั่วโมง จากนั้นเขาก็หันหลังออกและเดินไปตามฝั่งถนนที่ทอดยาวต่อไป
ยืนอยู่กลางถนนในขณะที่สองมือถือวัชพืชไว้ทั้งสองมือหลินเฉิงค่อยๆสังเกตการณ์สถานการณ์รอบๆตัวช้าๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครหรืออะไรอยู่แถวๆนั้นเขาก็เรียกเมนูระบบเพื่อจะเรียกเอาแคปซูลเครื่องบินสุดที่รักออกมา!
*คลิก*
ด้วยเสียงที่คุ้ยเคยทันใดนั้น เครื่องบินใบพัด VX-1C ที่ทรงพลังก็ปรากฎขึ้นมาอีกครั้งตรงหน้าหลินเฉิง!
ฉันจะได้บินแล้วสินะ?จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะเป็นยังไง…
หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าตัวถังเครื่องนั้นไม่มีปัญหาอะไรหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะบ่นนิดๆหน่อยๆจากนั้นก็ค่อยๆปีนขึ้นไปในเครื่องตรงด้านซ้ายของตัวถังและกระโดดเข้าห้องนักบินไปเหมือนลิงภูเขาที่ร่างกายยืดหยุ่น
มาเร็วโคล่า!วันนี้ฉันจะพานายขึ้นสวรรค์เอง!
เมื่อเข้าไปในห้องนักบินได้แล้วหลินเฉิงก็หลับหูหลับตากับแผงควบคุมหลักตรงหน้าเขาอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่แตกต่างจากการควบคุมของ G65 มากเกินไป จากนั้นจึงค่อยผิวปากเรียกโคล่าให้เข้าไปด้านใน
โคล่าเห่า2 ครั้งเพื่อตอบรับที่หลินเฉิงเรียก ในใจของโคล่านั้นค่อนข้างจะคิดเกี่ยวกับเจ้าสิ่งประหลาดที่มีปีกใหญ่ๆนี่อยู่ มันไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร แต่มันก็ไม่ได้สงสัยในการตัดสินใจของหลินเฉิง โคล่ากระโดดเข้าไปในห้องนักบินแคบๆนั้นและไปอยู่บริเวณที่นั่งด้านหลังคนขับ
หลังจากที่รอจนโคล่าเข้ามานั่งด้านหลังเขาแล้วหลินเฉิงก็กดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ที่อยู่บริเวณขาขวาของเขา เสียง ครืน ดังขึ้นพร้อมกับเครื่องยนต์ที่เริ่มติดขึ้นมา ใบพัดด้านหน้าค่อยๆหมุนช้าๆ หลินเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็ค่อยๆเหยียบคันเร่งที่เท้า ความรู้สึกที่เหมือนหลังกำลังถูกดูดไปนั้นแสดงให้เห็นว่าเครื่องบินกำลังเคลื่อนไปข้างหน้า!
หลินเฉิงคิดว่าเครื่องบินจำเป็นต้องใช้เวลาบนพื้นอยู่พักหนึ่งแต่เขาไม่คาดคิดเลยว่า ไอ้ความรู้สึกหนักที่หลังแบบนี้ หลังจากที่เครื่องบินเริ่มที่จะวิ่งไปได้ราวๆ 10 เมตร พร้อมกับพวงมาลัยที่ค่อยๆยกขึ้นและทันใดนั้นเครื่องบินทั้งลำก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเลย!
นี่มันไม่มีเหตุผลเลยนี่นา!
เมื่อเห็นว่าเครื่องบินแคปซูลนี้เหินฟ้าได้อย่างง่ายดายหลินเฉิงก็รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่พักใหญ่ๆ
แม้เขาจะไม่ได้กินหมูแต่เขาก็เคยเห็นหมูวิ่ง! เท่าที่เขารู้มานั้นคือความยาวที่เครื่องบินต้องใช้ในการสะสมความเร็วก็จัดว่ามากอยู่ เพราะงั้นมันไม่ควรใช้ระยะทางเพียงแค่ 10เมตรในการสะสมความเร็วเช่นนี้!
อย่างไรก็ตามด้วยการที่เครื่องบินลำนี้กำลังบินสูงขึ้นๆเรื่อยๆ หลินเฉิงก็ค่อยๆที่จะ ปรับ เจ้าเครื่องบินลำนี้ไปด้วย เพราะยังไงก็ตาม นี่คือผลิตภัณท์ระดับสูงของระบบแคปซูลเลย บางทีการที่สามารถบินขึ้นได้ในระยะทาง 10 เมตรนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกก็ได้!
10นาทีหลังจากนั้น ด้วยเสียงเตือนที่ดังมาจากแผงควบคุม หลินเฉิงมองลงไปเขาก็พบว่าแถวที่เป็นสัญญาณแจ้งเตือนเหมือนหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นกำลังแสดงข้อความว่า เครื่องบินเข้าสู่เพดานบินที่คงที่ และอยู่ห่างจากพื้น 4.5 กิโลเมตร
มากกว่า4 พันเมตรแล้วเหรอ!?
เมื่อเห็นการแจ้งเตือนนั้นหลินเฉิงก็รีบหันไปมองนอกหน้าต่างและเขาก็เห็นได้ว่าเขานั้นลอยสูงจากพื้นดินมาไกลขนาดนี้ด้วยเวลาเพียงแว้บเดียวจริงๆ! พวกอาคารรกร้างด้านล่างนั้นดูเล็กลงไปราวกับเป็นเมืองของคนตัวเล็กไปเลย!
นี่เป็นมุมมองในแบบที่เขาไม่เคยได้รู้จักมาก่อนแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฉิงก็ไม่ได้ตื่นกลัวอะไร กลับกันเขากับรู้สึกภูมิใจในขณะที่มองไปยังภูเขาและสถานที่เล็กๆเหล่านั้น!
การที่บินอยู่บนเครื่องบินนั้นแตกต่างจากการขับรถมากๆแม้แต่ตัวเขาเองที่มีทักษะในการขับรถค่อนข้างมาก เขายังต้องตื่นตัวตลอดเวลาขับรถอยู่บนท้องถนน เพราะรู้ว่าจะมีสัตว์ประหลาดและนักล่าโผล่มาจากสองข้างทางได้ตลอดเวลา แต่เมื่ออยู่บนเครื่องบินด้วยความสูงในระดับที่มากกว่า 4 พันเมตรเช่นนี้ เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับอะไรพวกนั้นเลย ไม่มีสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่ พวกมันบินไม่ได้ และในเมื่อมันบินไม่ได้มันจะกัดเราที่บินอยู่สูงขนาดนี้ได้อย่างไร?
เส้นทางนี้นั้นไม่ได้น่ากังวลมานานแล้วแม้จะเป็นก่อนวันสิ้นโลกก็ตามโอกาสที่เครื่องบิน 2 ลำจะมาชนกันนั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยซะอีก ปล่อยเรื่องวันสิ้นโลกไป สิ่งเดียวที่หลินเฉิงจะต้องกังวลคือนก นกในตอนนี้ เขาไม่รู้ว่ามันจะกลายพันธุ์ไปด้วยหรือไม่
นั่นเพราะเขาอยู่ในระดับความสูงที่เรียกได้ว่าสูงมากถึงแม้เครื่องบินจะบินด้วยความเร็ว 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลินเฉิงก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเร็วเลย ถ้าไม่เห็นว่าตำแหน่งของเครื่องบินและความเร็วมันปรากฏอยู่บนจอ LCD ด้านหน้าแล้วล่ะก็ เขาคงคิดว่าตัวเองนั้นลอยอยู่นิ่งๆบนอากาศแน่ๆ
———————