I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 544 หลินหยงเจี่ยน
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 544 หลินหยงเจี่ยน
SC:บทที่544 หลินหยงเจี่ยน
อย่างไรก็ตามพวกนี้นั้นต่างจากผู้รอดชีวิตคนอื่นๆก่อนหน้า พวกเขาล้วนขาดสารอาหาร แต่สภาพจิตใจดูเหมือนจะยังปกติอยู่ มีแค่บางส่วนที่ตื่นกลัวจากการปะทะเมื่อครู่เท่านั้น นอกจากนั้นก็ไม่ได้แสดงอาการเซื่องซึมออกมาเหมือนกับหลินเฉิงเลย
นี่มันน่าสนใจอยู่นิดหน่อยหลินเฉิงมองไปรอบๆและมองไปยังชายผู้ที่อยู่ตรงหน้าที่ซึ่งเหล่าผู้รอดชีวิตเรียกเขาว่า พี่ใหญ่หลิน
เมื่อมองอย่างละเอียดรอบคอบแล้วเขาก็พบได้ทันทีว่าพี่ใหญ่หลินนั้น แม้จะดูตัวใหญ่มากๆ แต่เขาก็เด็กมากๆเช่นกัน ถ้ามองจากลักษณะ คนๆนี้ก็น่าจะอยู่ราวๆชั้นมัธยมปลายเอง
นายพี่ใหญ่หลิน สินะ? ปีนี้นายอายุเท่าไหร่แล้ว? มองไปยังชายที่รูปร่างแปลกประหลาดรูปร่างที่แตกต่างกับลักษณะนิสัยที่ปรากฎอย่างชัดเจน หลินเฉิงอดไม่ได้แต่ก็ต้องถามออกไปเสียงดัง
ครั้นได้ยินหลินเฉิงถามพี่ใหญ่หลินก็เกิดอาการงุนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กระอั่กกระอ่วมขึ้นมา ฉ-ฉันอายุ 21 ปีแล้ว!
พูดจริงหรือเปล่า?
ได้ยินเช่นนั้นหลินเฉิงก็ไม่เชื่อแบบไม่เชื่อจริงๆ ฉันก็อายุ 21 ปีนี้ พวกเราดูเหมือนวัยเดียวกันหรือเปล่าล่ะ?
ฉ-ฉันตัวเล็กกว่านิดหน่อย!!
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงนั้นไม่เชื่อพี่ใหญ่หลินก็ดูร้อนรนขึ้นมา จริงๆแล้วบุคลิกของเขาเองนั้นก็เป็นสิ่งที่กวนใจเขามานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังวันสิ้นโลก นั่นก็เพราะว่าหน้าของเขานั้นเด็กมากๆ ถึงแม้ว่าเขาจะตัวใหญ่ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยเขาในการข่มขู่ผู้อื่นเลย
หลังจากที่เกาหูตัวเองอยู่เป็นเวลานานพี่ใหญ่หลินก็ตาเปล่งประกายขึ้นมา เขาวิ่งเข้าไปในส่วนที่ลึกสุดของห้องและหยิบเอากระเป๋านักเรียนที่พังแล้วออกมา หลังจากที่กว่าครึ่งวันที่ต้องเกลือกกลิ้งอยู่ในห้อง เขาก็หยิบเอาหนังสือเล่มเล็กๆและวิ่งออกมาหาหลินเฉิง เขาวางมันลงไปบนมืออีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้น นาย ดูนี่! นี่เป็นบัตรนักศึกษาของฉัน พอจะเป็นหลักฐานได้หรือยังว่าฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว?
หลินเฉิงรับสมุดเล่มเล็กๆดังกล่าวมาจากพี่ใหญ่หลินและเมื่อเขาเปิดออกมาดูด้วยความสงสัย เมื่อนั้นเขาก็ต้องขมวดคิ้วทันที!
หลินหยงเจี่ยนคณะสื่อสารคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยหยานหนาน อายุ 21 ปี…
หลังจากอ่านข้อมูลพวกนั้นที่อยู่บนบัตรนักศึกษาจนหมดแล้วหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วและมองเขาอีก นายเป็นนึกศึกษาของหมาวิทยาลัยหยานหนานงั้นเหรอ?
มันเหมือนของปลอมเลย
เมื่อเห็นว่าจู่ๆหลินเฉิงก็ดูจริงจังขึ้นมาถึงแม้ว่าหลินหยงเจี่ยนจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็พยักหน้า
ดีมาก!
มันถูกยืนยันโดยหลินหยงเจี่ยนแล้วหลินเฉิงเองก็หัวเราะออกมา มันยากมากๆที่จะหาที่ซักแห่งเพื่อที่จะไป ที่ซึ่งใช้เวลาไม่นาน…
นาย…หมายความว่ายังไง?
ถึงจะพูดงั้นก็เถอะแต่หลินเฉิงก็ไม่มีความคิดอะไรหรอก ในหัวเขาตอนนี้มีแต่คำโบราณผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ทางฝั่งหลินหยงเจี่ยนนั้นก็กำลังสับสนไปหมด ในความจริงที่หลินเฉิงนั้นสามารถทำลายเซฟเฮาส์ที่พวกเขานั้นใช้หลบซ่อนมาได้เกือบจะ 2 เดือนลงไปแบบง่ายๆ มันทำให้ทางหลินหยงเจี่ยนเองก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือ เขาจะต้องทำอย่างไรเพื่อปกป้องตัวเขาเองรวมไปถึงกลุ่มผู้รอดชีวิตที่อยู่ด้านหลังด้วย
หลินเฉิงส่ายหน้าและเลือกที่จะไม่อธิบายอะไรทั้งนั้นแต่กระนั้นเขาก็ปรบมือเพื่อให้คนทั้งหมดหันมามองที่เขาก่อนจะพูดขึ้น ฉันค่อนข้างจะยุ่งน่ะ เพราะงั้นฉันคงไม่มีเวลามาฟังประวัติแต่ละคน เพราะงั้นตอนนี้ ถ้าใครไม่พอใจฉันและอยากจะสั่งสอน ก็ช่วยรีบลุกขึ้นมาตอนนี้เลย อย่าเสียเวลา
พูดไปสายตาก็กวาดมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นไปด้วยและเขาก็ไปหยุดอยู่ที่มุมห้องมุมหนึ่ง ที่ซึ่งมีหนุ่มน้อยอายุราวๆ 15-16 ปีอยู่ นาย เออ นายนั่นแหละ! นายคนที่บอกว่า ‘ตราบใดที่หมอนั่นทำลายประตูได้ ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง’ จำได้ใช่ไหม? ออกมานี่ ถึงเวลาที่นายจะต้องรับผิดชอบแล้ว ฉันล่ะอยากจะรู้จริงๆว่านายจะทำยังไง
มองตามสายตาของหลินเฉิงผู้รอดชีวิตทั้งหมดก็หันไปมองเด็กหนุ่มเป็นตาเดียวกันอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเด็กหนุ่มรับรู้ถึงทุกสายตาที่มองมาที่เขา เขาก็เกิดหวาดกลัวและโบกมือตอบทันที ม-ไม่..ไม่ได้พูด…
ไม่งั้นเหรอ?
เด็กหนุ่มที่กลัวจนเหมือนกระต่ายตื่นตูมนั้นไม่ได้อวดเก่งอีกแล้วหลินเฉิงก็เลยเยาะเย้ยอีกฝ่าย ทุกๆคนต่างก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ในเมื่อนายพูดแล้วว่านายจะรับผิดชอบ เพราะงั้นนายก็ต้องรับผิดชอบไปจนจบ!
นายอย่าไปกดดันเขาสิ!เขายังเป็นแค่เด็กเองนะ! ถ้าจะดุหมอนี่ล่ะก็ มาลงที่ฉันดีกว่า!
พอเห็นเด็กหนุ่มโดนหลินเฉิงกดดันจนร้องไห้หลินหยงเจี่ยนที่หมดความอดทนก็เตรียมเข้ามาช่วยพูดเพื่อหนุ่มน้อยคนนั้นนิดๆหน่อยๆ หากแต่เขาก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ระเบิดออกมาจากความแออัดเสียก่อน
ในขณะเดียวกันเด็กสาวที่สวมชุดทำงานสีเทาก็ลุกขึ้นมาจากกลุ่มคน เธอเดินมายืนตรงหน้าหลินเฉิง ทั้งสองห่างกันเพียง 2-3 ก้าวเท่านั้น ถึงแม้ว่าเธอจะกลัว แต่เมื่อเธอมายืนเผชิญหน้ากับหลินเฉิงแล้ว เธอก็กล้าที่จะเงยหน้ามองเขา!
เด็กสาวตรงหน้านี้ทำเอาหลินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้สนใจเธอ
หลังจากผลักเธอให้พ้นทางแล้วเขาก็หันไปถามกลุ่มคนอีกครั้ง ดูประสิทธภาพของพวกนายตอนนี้สิ! แล้วแบบนี้ยังจะไม่ให้ฉันช่วยอีกหรือไง!
เข้าใจผิดแล้ว!
ได้ยินดังนั้นหลินหยงเจี่ยนที่รู้สึกใจหล่นว่าบไปครู่หนึ่งก็รีบเดินเข้ามาและพูดกับเขา พวกเราน่ะ เป็นเพียงผู้รอดชีวิตที่มีพลังกันนิดหน่อยแต่ก็ยังทำได้แค่ประทังชีวิตไปวันๆเพื่อรอวันตาย พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะต่อต้านนายนะ สิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ นายก็รู้ว่าโลก ณ ตอนนี้มันอยู่ยากขนาดไหน มันไม่ง่ายเลยที่ผู้รอดชีวิตอย่างเราจะอาศัยอยู่รอดมาได้เรื่อยๆ มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เพราะงั้นพวกเราเลยจะระมัดระวังตัวเองมากเป็นพิเศษ…
อ่า…
ฟังคำอธิบายของหลินหยงเจี่ยนหลินเฉิงก็หัวเราะและไม่ได้ปฏิเสธออกไป แต่กระนั้นเขาเองก็ไม่อยากจะเสียเวลามากกับคนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้ไม่ได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาพูดนั้นก็เพื่อทำให้คนพวกนี้กลัว เพื่อให้เวลาเขาไปทำงานของเขา จะได้ไม่มีใครไปคอยขัดแข้งขัดขาได้
ดีในเมื่อไม่มีใครจะเสนอความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิด เพราะงั้นมันจบแล้ว
เขาเหลือบมองไปยังโคล่าหลินเฉิงถึงได้รู้ว่ามันกำลังหลับและกรนอยู่บนพื้น ไม่ได้มาช่วยข่มขู่ให้ผู้รอดชีวิตพวกนี้กลัวเลย เพราะงั้นเขาจึงกวักมือเรียกหลินหยงเจี่ยนมาและพูด นาย ตามฉันมา ฉันมีคำถามบางอย่างจะถามนาย
หลังจากเรียกอีกฝ่ายแล้วเขาก็เตะโคล่าไปทีนึงก่อนจะเดินออกไป
หลินหยงเจี่ยนที่ลังเลกับคำสั่งที่ดูเหมือนว่าหลินเฉิงอยู่เหนือกว่าเขาไม่รู้ว่าหลินเฉิงกำลังจะเรียกเขาไปพูดอะไร แต่หลังจากการปราบปรามเมื่อครู่ ความระวังตัวที่มีต่อหลินเฉิงมันก็พุ่งสู่จุดสูงสุด และเขานั้นไม่อยากจะเดินออกไปจากเซฟเฮาส์แห่งนี้ที่ซึ่งซ่อนตัวมาอย่างยาวนาน
แต่พอคิดแล้วไม่ว่าเขาจะไม่เต็มใจขนาดไหน แต่เพื่อตัวเขาเองและความปลอดภัยของผู้รอดชีวิตภายในห้องนี้ เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องได้รับบาดเจ็บจากคนนอก เขาทำได้แค่หดหัวและเดินตามหลินเฉิงไปด้วยเท้าที่หนักเหมือนโดนโซ่ตรวนไว้