I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 546 เหตุผลของหลินหยงเจี่ยน
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 546 เหตุผลของหลินหยงเจี่ยน
มันจะไปมีได้ยังไง…
ได้ยินแบบนั้นหลินหยงเจี่ยนก็ยิ้ม จริงๆแล้วก่อนที่โลกาวินาศจะมาถึง เฉินเจี่ยเจี้ยเป็นเหมือนวีรบุรุษในมหาวิทยาลัยหยานหนาน แต่ตอนนั้นน่ะฉันก็ไม่ได้สนใจหมอนั่นซักเท่าไหร่จนกระทั่งวันหนึ่ง…
หลินเฉิงที่ฟังอยู่นั้นก็เอ่ยถึงเรื่องๆหนึ่งขึ้นมา เฉินเจี่ยเจี้ย ชายผู้ที่ทำงานอย่างหนักในสถาบันวิจัยชีวภาพ ได้กลับไปยังมหาลัย ใช่หรือเปล่า?
ใช่…
เมื่อเห็นว่าหลินเฉิงรู้แม้แต่เรื่องนี้หลินหยงเจี่ยนก็ประหลาดใจ นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้เป็นนักศึกษาของมหาลัยนี้น่ะ? ถึงเรื่องมันจะดังอยู่บ้างแต่มันก็ถูกมหาลัยปิดเรื่องอย่างรวดเร็วเลย ถ้านายไม่ใช่นักศึกษาที่นี่ มันไม่มีเหตุผลที่นายจะต้องรู้เรื่องนี้เลย ถูกหรือเปล่า? เพียงโบกมือหลินเฉิงก็แต่งประโยคเสร็จแล้ว ก็แค่เผอิญไปได้ยินเรื่องของชายคนนี้มาจากผู้รอดชีวิตคนอื่น…
แน่ใจนะว่าผู้รอดชีวิตคนนั้นเป็นเด็กมหาลัยหยานหนาน?โชคดีจังแฮะ ตอนเกิดปัญหาเรื่องฐานประชากรของมหาลัย เกือบทั้งมหาลัยแทบจะเจอหายนะกันเลยล่ะช่วงนั้น ทั้งครูทั้งนักเรียนรวมๆกันกว่า 60000 คนภายในมหาลัยเหลือรอดมาได้ไม่ถึงพันคน…
ฟังคำตอบของหลินเฉิงแล้วหลินหยงเจี่ยนก็ไม่ได้สงสัยอะไรเมื่อคิดถึงการที่ต้องเฉียดความตายมาหลายต่อหลายครั้งในการที่จะหลบหนีออกมาจากขุมนรกศพเดินดินพวกนั้นมาได้แล้วมันช่างเหนื่อยนัก เขาเอ่ยด้วยความรู้สึกที่หนักหน่วง
เมื่อรู้สึกว่าหัวข้อเรื่องมันเริ่มจะไปไกลแล้วหลินเฉิงก็ส่ายหัวเบาๆก่อนจะดึงหัวข้อหลักกลับมาอีกครั้ง ในเมื่อนายดูจะรู้จักเฉินเจี่ยเจี้ย เพราะงั้นฉันไม่คิดว่าเขาจะเป็นแค่คนธรรมดาในมหาลัยหรอกนะ? ใช่แล้ว
หลินหยงเจี่ยพยักหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนๆหนึ่งในมหาลัย แต่ฉันที่เป็นโอตาคุที่ชื่นชอบการเล่นเกมกับศึกษาเรื่องโปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่ทุกๆวันน่ะ ไม่ได้สนใจข่าวคราวทั่วๆไปหรอกนะ ตอนที่ฉันจำชื่อนี้ได้ก็เป็นตอนที่เขานั้นไปยืนอยู่ที่สนามเด็กเล่นในวันที่ฝนตกหนัก…
วันที่พวกนายกำลังจะตายกันถูกไหม?
เมื่อเห็นว่ามันถึงเวลาแล้วหลินเฉิงก็รีบเร้าอีกฝ่ายด้วยคำถาม
ใช่…
ดูเหมือนว่าหลินเฉิงจะรู้เยอะกว่าที่เขาคิดเพราะงั้นหลินหยงจี่จึงไม่พูดอะไรไร้สาระ จากนั้นเขาก็พูด แต่ฉันไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับประโยคเมื่อตอนนั้น จริงๆไม่ใช่แค่ฉัน แต่เป็นคนทั้งมหาลัย ทั้งอาจารย์ทั้งนักศึกษา ต่างไม่มีใครคิดอะไรเลยเกี่ยวกับประโยคนั้น เพราะยังไงซะตอนนั้นโลกก็ยังคงสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง พวกเราผ่านช่วงต่างๆมาด้วยความสนุกสนานไม่ว่าจะร้องเพลงหรือเต้น…
เมื่อพูดถึงจุดนี้หลินหยงเจี่ยก็เริ่มจะแสดงให้เห็นถ้อยคำที่ฟังแล้วรู้สึกว่าประชดขึ้นมาเลย ด้วยถ้อยคำตอกย้ำตัวเองนั้นมันแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเขาโง่มาตั้งแต่ต้น แต่ด้วยการมาถึงของวันโลกาวินาศ รวมไปถึงการเกิดขึ้นของซอมบี้และพวกนักล่า(ตัวกินคน) ฉันก็รู้ได้ทันทีเลยว่า สิ่งที่เฉินเจี่ยเจี้ยพูดนั้นเป็นความจริง! ในตอนนั้นฉันเข้าใจจริงๆแล้วว่าเฉินเจี่ยเจี้ยไม่ได้เป็นบ้า แต่เขาต้องการที่จะมาบอกทุกๆคนที่อยู่มหาลัยเก่านี้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น…
ทำไมนายถึงมั่นใจว่าเฉินเจี่ยเจี้ยมาเตือนนาย?บางทีเขาอาจจะแค่บ้าก็ได้ บางทีนะ?
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็หัวใจเต้นแรงขึ้นมาจนต้องถามกลับไป
หลินหยงเจี่ยนส่ายหน้าน้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นการยืนยัน เป็นไปไม่ได้! ฉันเป็นนักศึกษาสาขาคอมพิวเตอร์ ดังนั้นฉันให้ความสำคัญกับเหตุผลเชิงตรรกะ เฉินเจี่ยเจี้ย ในฐานะที่เป็นคนโปรดของสถาบันวิจัยชีวภาพหยานดา เขามีอนาคตที่สดใส และเขายังออกไปสังสรรค์และพูดถึงแฟนสาวของเขาอยู่เลย นายคิดว่าคนแบบนี้จะจู่ๆเกิดบ้าขึ้นมาได้เหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าวันโลกาวินาศไม่มาถึงจริงๆ ฉันอาจจะคิดว่าเขาบ้าได้แต่ก็ยังสงสัยถึงเรื่องนี้อยู่ดี แต่ความจริงก็คือความจริง วันโลกาวินาศมันมาแล้ว ทั่วทั้งสถาบันหยานดารวมไปถึงทั่วทั้งเขตหยางจิง ผู้คนต่างบาดเจ็บและล้มตายกันอย่างหนักหน่วง เพียงแค่ครึ่งปี มันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆเหลืออยู่ในหยางจิงเลย เหตุการณ์นี้ตรงตามที่เขาทำนายไว้ตั้งแต่ต้นทุกอย่าง นายคิดว่าฉันไร้เดียงสาขนาดที่จะคิดว่า การเอาความจริงนี้มาพูดเป็นเพราะเขาเป็นบ้างั้นเหรอ?
โฮ่?ฉันก็ไม่ได้คิดแบบนั้นมานานแล้ว แต่สมองนายนี่ดูจะยังคงปราดเปรื่องอยู่นี่ มันไม่ง่ายเลยที่จะคิดแบบนี้ได้!
หลังจากที่ฟังหลินหยงเจี่ยนอธิบายรายละเอียดและเหตุผลอย่างถี่ถ้วนแล้วหลินเฉิงก็อดที่จะจ้องอีกฝ่ายไม่ได้ ถ้าคนอื่นๆสามารถใจเย็นได้เท่ากับที่นายเป็น บางทีผู้เสียชีวิตอาจจะไม่มากขนาดนี้…
แต่หลินหยงเจี่ยก็ส่ายหัวอีกครั้ง เปล่าประโยชน์ กว่าจะมาบอกความจริงกับนายได้ ฉันก็ต้องผ่านเรื่องเลวร้ายมาเยอะเหมือนกันก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง ตลอด 4 ปีในมหาลัยของฉันหมดไปกับเกมออนไลน์ เพราะงั้นมันยังมีอีกหลายคนที่ฉลาดกว่าฉันอยู่ในมหาลัย แต่พวกนั้นต่างก็พากันตายหมดแล้ว ฉันแค่โชคดีกว่าคนพวกนั้นเฉยๆ…
เข้าใจละ
เมื่อเห็นว่าหลินหยงเจี่ยนดูจะมีความรู้ที่แสวงหาด้วยตัวเองอยู่มากหลินเฉิงก็เลิกพูดถึงเรื่องนี้จากนั้นก็ถาม จะให้ฉันรู้สึกยังไง? นายดูเหมือนจะใส่ใจเรื่องนี้อยู่? แม้แต่การสืบสวนเรื่องของเฉินเจี่ยเจี้ยที่ค่อนข้างจะพิเศษ ตั้งแต่ต้น มันมีศิษย์เก่ามากมายที่ได้ยินเรื่องที่เฉินเจี่ยเจี้ยเตือนนี้ แล้วพวกเขาได้ใส่ใจเรื่องนี้เหมือนที่นายทำหรือเปล่า?
จะเป็นอย่างงั้นไปได้ยังไงเล่า!
หลินหยงเจี่ยช่วยอะไรไม่ได้เขายิ้มแหยๆก่อนจะพูด สถานการณ์ตอนนั้นมันรุนแรงมาก นักศึกษาพวกนั้นต่างก็พากันวิ่งเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดกันก่อน ไม่มีใครมีเวลามาคิดอะไรแบบนี้หรอก หลังจากที่คลื่นลูกแรกของความตื่นกลัวมันผ่านไป ตอนนั้นก็เหลืออาจารย์กับนักศึกษาในหยานหนานไม่เยอะแล้ว แถมยังมีคนส่วนน้อยเท่านั้นด้วยที่จะจำเหตุบังเอิญนี้ได้…
แต่นายก็ถูกนี่เปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ฉันก็ใส่ใจเรื่องนี้เหมือนกัน! ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีพลังในการเปลี่ยนสถานะ แต่ฉันก็ยังต้องการที่จะทำหน้าที่ของฉันให้ดีที่สุดในการตามหาความจริงของวันโลกาวินาศก่อนฉันจะตาย เพราะงั้นแล้วถ้าหากฉันตายก็ไม่อยากเป็นพวกผีโง่นั่น แม้แต่ตอนตาย…
นี่คือ…
หลินเฉิงเหลือบตามองช้าๆ ในเมื่อนายอยากจะตามหาความจริงขนาดนี้ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว นายพอจะมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ในการสืบหาหรือเปล่า?
นี่…
หลินหยงเจี่ยนเปลี่ยนความรู้สึกทันทีเขาขมวดคิ้วแล้วมองไปยังหลินเฉิง จากนั้นก็ก้มหน้าลงต่ำพร้อมกับไม่พูดอะไรอีก
จากท่าทางของอีกฝ่ายหลินเฉิงก็อ้าปากหวอเลย เขาไม่อยากจะพูดกับใคร แต่เขาก็รู้ว่าไอ้หน้าเด็กนี่กำลังคิดอะไรอยู่!
จริงๆแล้วการสนทนาก่อนหน้า เขามีความรู้สึกว่าคนๆนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับเฉินเจี่ยเจี้ยมากกว่าหลินโหยวเหว่ย นั่นก็เพราะว่า เขาบอกว่าเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเฉินเจี่ยเจี้ยมาตั้งแต่ก่อนวันโลกาวินาศ เพราะงั้นในกรณีนี้ คนๆนี้รู้จักเฉินเจี่ยเจี้ยผู้ที่ซึ่งออกจากมหาลัยและไปมอบดอกไม้ให้แฟนสาวได้อย่างไรกัน?