I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 570 การต่อสู้อย่างไร้ความหมาย?
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 570 การต่อสู้อย่างไร้ความหมาย?
บทที่ 570 การต่อสู้อย่างไร้ความหมาย?
SC:บทที่570 การต่อสู้อย่างไร้ความหมาย?
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายหลินเฉิงก็เข้าใจความกังวลของอีกฝ่ายได้ในทันที มันอดไม่ได้ที่จะขำเบาๆ จากนั้นเขาก็หยิบเอาดาบยาวออกมาและใช้ปลายดาบนั้นทำให้คอของอีกฝ่ายเป็นแผลตื้นๆให้มีเลือดไหลออกมา!
ฉันว่าฉันพูดไปแล้วนะว่าตราบใดที่นายร่วมมือกับฉัน ฉันจะไม่ทำร้ายนายง่ายๆ แต่นายดูเหมือนจะไม่สนใจข้อเสนอนี้สินะ?
มองสีหน้าตื่นกลัวของชายหนุ่มหลินเฉิงก็หยุดปลายดาบไว้ก่อนที่มันจะสร้างแผลใหญ่กว่านี้บนคอของอีกฝ่าย
ได้โปรดได้โปรดอย่าทำร้ายฉันเลย! นายอยากรู้อะไร ฉันสัญญาว่าจะบอกทุกอย่างเลย!! ความเจ็บปวดที่วิ่งเข้ามาที่คอทำให้ชายหนุ่มกลัวมากๆขณะที่สัมผัสแผลนั้นด้วยมือไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพราะสีหน้าของเขานั้นแสดงออกชัดเจนหมดแล้ว เขาไม่ใช่คนโง่ สังเกตได้ง่ายๆจากพฤติกรรมของชายหนุ่มตรงหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก จากตอนแรกนั้นดูแข็งเป็นตอหินซะอย่างงั้น
ฮึ่ม!
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันแล้วหลินเฉิงก็ถอนหายใจจากนั้นก็เก็บดาบยาวกลับไป ต่อจากนี้ ฉันถาม นายตอบ ถาไม่อยากตาย อย่าทำอะไรไร้สาระอีก เข้าใจนะ?
เข้าใจเข้าใจแล้ว นายถามได้เลย!
ได้ยินคำขู่ของหลินเฉิงชายหนุ่มก็รีบพยักหน้าเหมือนกำลังโขลกกระเทียมอยู่เลย
บอกฉันมาว่าพวกนายมีกันกี่คนแล้วมีอาวุธอะไรติดตั้งไว้ภายในสถาบันวิจัยตอนนี้บ้าง หลังจากคิดนิดหน่อยหลินเฉิงก็เลือกที่จะถามถึงการป้องกันของฐานนี้ก่อน หลังจากนั้น ถ้าคนอื่นๆจะมาที่นี่ หากเขาต้องการหลักฐานที่มากขึ้น เขาคงต้องจัดการกับพวกการ์ดพวกนั้น
ไม่มากจริงๆนะ! ความจริงแล้ว พวกเราเองก็เป็นแค่นักวิจัยฐานใต้ดินที่นี่ นอกจากนักวิจัยที่จำเป็นแล้ว ฉันคิดว่าน่าจะมีเพียงแค่การ์ด 2 ทีม รวมๆแล้วก็น่าจะราวๆ 20 คนได้…
เมื่อเห็นหลินเฉิงที่เข้ามาและถามถึงเรื่องความปลอดภัยของสถาบันวิจัยเขาก็ช็อกไปเลย เขารู้สึกว่าคนๆนี้กำลังหาอะไรบางอย่าง แต่ยังไงเขาก็ยังต้องตอบไปตามตรงอยู่ดี
ประมาณ20 คนเหรอ…
ฟังคำตอบของชายหนุ่มแล้วหลินเฉิงก็นวดแก้มตัวเองพร้อมกับคิดถึงเรื่องนี้ไปด้วยจากนั้นเขาก็ถามกลับ แล้วความสามารถล่ะ? ที่นี่มีพวกคนมีความสามารถอยู่กันขนาดไหน แล้วอยู่ระดับไหนกัน? ความสามารถเหรอ…
ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็ดูลังเลเพราะถ้าเขาบอกข้อมูลทั้งหมดแก่อีกฝ่าย เขาก็จะไม่มีการ์ดบนมือที่เอาไว้ต่อรองกับอีกฝ่ายอีก
เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายหลินเฉิงก็มองด้วยความเยือกเย็น เขายื่นมือขวาไปบีบคอของอีกฝ่ายที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นตกใจสุดๆไปเลย
ฉันมีเวลาไม่มากนะ!เร็วเข้า ถ้ายังไม่อยากตาย!
เขาจับคอของอีกฝ่ายอย่างมั่นคงพร้อมๆกับฟังการเคลื่อนไหวนอกห้องไปด้วยเมื่อเห็นว่าด้านนอกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขาจึงตะโกนใส่อีกฝ่ายด้วยเสียงเบาเลย!
2-20!มันจุคนได้ 20 คน! ส-ส่วนระดับจะอยู่กันที่ระดับ 3! มีแค่กัปตันที่อยู่ในระดับ 4 เป็นผู้ที่สั่งการทุกอย่างได้!
เมื่อรู้สึกว่าเริ่มหายใจลำบากดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดขืนหลินเฉิงไปมากกว่านี้ จึงต้องรีบบอกข้อมูลทั้งหมดไป
ฮึ่ม!
หลังจากที่อีกฝ่ายยอมที่จะอธิบายแล้วหลินเฉิงก็ส่งเสียงฮึดฮัดและปล่อยคอของอีกฝ่าย คำถามต่อไป มีนักวิจัยกี่คนภายในนี้ที่ไม่ได้มีค่าขนาดต้องมีการ์ดดูแล?
67…
พอโดนหลินเฉิงสั่งสอนบ่อยเข้าชายหนุ่มก็ไม่กล้าที่จะนอกเรื่องด้วยโชคที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งของเขาเลย ดังนั้นเขาจึงตอบไปตามตรง
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็หรี่ตามองและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด เพราะงั้นมีคนทั้งหมด 87 คนในสถาบันวิจัยแห่งนี้ ถูกมั้ย?
ใช่…
ด้วยการพยักหน้าช้าๆชายหนุ่มก็ยิ้มแบบแปลกๆ ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายจะมาทำอะไรที่นี่ แต่พวกเราเป็นเพียงสถาบันวิจัยใต้ดิน พวกวัตถุดิบน่ะ มันมีแค่พอให้คนในนี้เท่านั้นถ้านายจะมาหาวัตถุดิบล่ะก็ ฉันบอกได้เลยว่านายมาผิดที่แล้ว…
ใครบอกนายกันว่าฉันมาที่นี่เพื่อหาวัตถุดิบ?
หลินเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหลังจากที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ฉันจะถามนายอีก มีนักวิจัยที่ชื่อ เฉินเจี่ยเจี้ย อยู่ภายในสถาบันวิจัยนี้หรือเปล่า?
เฉินเจี่ยเจี้ย?
สีหน้าของชายหนุ่มดูสับสน ไม่นะ แต่ก็แค่ตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่นะ แบบว่ายังไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย นายแน่ใจหรือว่าไม่ได้มาหาผิดที่น่ะ?
ระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังตอบหลินเฉิงก็สังเกตสีหน้าของเขาไปด้วย หลังจากอีกฝ่ายพูด ในใจเขาก็เริ่มบ่นนู่นบ่นนี่อีกครั้ง นั่นก็เพราะว่าจากการสังเกตของเขาในตอนนี้ อีกฝ่ายดูจะไม่ได้พูดโกหกเสียด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจสุดๆ นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ? หลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้หลินเฉิงก็ถามขึ้นมา แล้วนายมาทำงานที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
อืม…
เขาขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณครึ่งเดือนก่อนวันสิ้นโลกนะ? โอ้ แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนั้นเหมือนจะมีการรายงานแจ้งให้นักวิจัยทุกคนในตอนนั้นทราบ จากที่ปรึกษาระดับสูงว่าก่อนก่อนที่พวกเราจะเข้ามาที่นี่ มันเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่สถาบันวิจัยแห่งนี้ และนักวิจัยเก่าหลายๆคนก็ถูกส่งไปทำงานที่อื่นๆแทน…
แบบนั้นเหรอ?
เมื่อชายหนุ่มอธิบายเสร็จหลินเฉิงก็ย่นคิ้วเข้ามาในทันที นั่นเพราะว่าจากตามข้อมูลที่ได้จากหลินโหยวเหว่ย ครึ่งเดือนก่อนจะเกิดวันสิ้นโลก มันคือช่วงเวลาที่เฉินเจี่ยเจี้ยเข้าไปยังมหาวิทยาลัยหยานหนานเพื่อที่จะ บอกข่าว !
พอเอามันมารวมกับข้อมูลที่ได้จากชายหนุ่มนี่หลินเฉิงก็เข้าใจในทันที เขาคิดว่าเฉินเจี่ยเจี้ยน่าจะเอาความลับบางอย่างมาเปิดเผย เพราะงั้นพวกนักวิจัยคนอื่นๆที่ทำงานร่วมกับเขาจึงถูกไล่ออกแบบลับๆในตอนแรก!
บ้าเอ้ย!
หลินเฉิงอดที่จะกร่นด่าไม่ได้เขารู้แล้วว่าเขานั้นกำลังลงแรงช่วยแบบเสียเปล่า พวกที่ปรึกษาระดับสูงพวกนี้ระวังตัวมากเกินไป แม้แต่ถ้าหากแค่เฉินเจี่ยเจี้ยจะไม่ได้ให้ข้อมูลไม่มาก แต่นั่นก็น่าจะมีข้อมูลที่สำคัญหลุดออกมาด้วย เพราะงั้นพวกนักวิจัยทั่วทั้งสถาบันจึงโดนไล่ออกทั้งหมด เท่านี้ก็พอจะจินตนาการได้แล้วว่าความลับที่พวกเขาครอบครองอยู่นั้นมันสำคัญขนาดไหน ณ ตอนนั้น!
หลังจากกร่นด่าพวกที่ปรึกษาระดับสูงไปพักใหญ่ๆหลินเฉิงก็ถอนหายใจก่อนจะถามชายหนุ่มตรงหน้า แล้วพวกนายกำลังศึกษาอะไรกันอยู่? ถึงแม้ว่าพวกนักวิจัยชุดเก่าจะไม่อยู่กันแล้ว แต่ตั้งแต่ย้ายจากข้างบนลงมาข้างล่างนี้มันคงไม่ง่ายที่จะศึกษาต่อสินะ หรือมันไม่เป็นปัญหา?
เอ๋…
ได้ยินแบบนั้นเขาก็งุนงงเล็กน้อยก่อนจะตอบ ฉันไม่รู้ว่านายหมายถึงอะไรนะ แต่พวกเรานั้นศึกษาพวกกายภาพและโครงสร้างของพวกซอมบี้รวมถึงพวกนักล่าที่กินมนุษย์เป็นอาหารตั้งนานแล้ว นี่เลยเป็นเหตุผลง่ายๆว่าทำไมพวกเรา พวกนักวิจัยที่วึ่งไม่มีพลังอะไรในวันสิ้นโลก ถึงได้อยู่รอดมาจนถึงปัจจุบันแบบนี้…
ฟังคำตอบนั้นแล้วหลินเฉิงก็พยักหน้าช้าๆ งั้นในเมื่อนายศึกษาเรื่องนี้มานานแล้ว นายเจออะไรที่น่าทึ่งบ้างหรือยัง?