I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 572 ผู้อำนวยการเหม็ง
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 572 ผู้อำนวยการเหม็ง
บทที่ 572 ผู้อำนวยการเหม็ง
SC:บทที่572 ผู้อำนวยการเหม็ง
หลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้หลินเฉิงก็ไม่ได้เข้าควบคุมแล็บทันที เพราะหากยึดตามชายที่อยู่ในห้องนอนนั้นแล้ว นักวิจัยในห้องแล็บนี้ น่าจะเป็นพวกที่อยู่ระดับล่างๆเลย มันไม่มีประโยชน์ที่จะควบคุมคนเหล่านี้หรือแม้แต่จะจับตัวไว้ก็เช่นกัน เพราะงั้นเขาจึงเก็บโอกาสไว้จับปลาตัวใหญ่ดีกว่า
*ครึก*
ดูเหมือนว่่ามันไม่มีทางไปต่อหลินเฉิงจึงหันหลังและไปดูสถานการณ์อื่นๆแทน แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงประตูเปิดขึ้นมาตรงหน้า จากนั้นก็เห็นหญิงสาวที่สวมชุดกาวน์สีขาว แต่งหน้าแต่งตาสวยเดินเข้ามา
นายเป็นใคร!นายคนนั้นน่ะ! มานี่!
เธอยื่นนิ้วออกมาหญิงสาวชี้ไปทางหลินเฉิงที่กำลังหันไปมาทันที ฉัน?
เมื่อเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขาหลินเฉิงก็กังวลขึ้นมานิดหน่อย แต่สีหน้าของเขานั้นก็แสดงความผิดคาดขึ้นมาทีละนิด
ใช่นายนั่นแหละ! มานี่
เธอพยักหน้าเบาๆหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้ว่าหลินเฉิงเป็นใคร เธอโบกมือเรียกให้เขาไป
นี่…
หลังจากพบว่าเธอนั้นน่าจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักวิจัยภายในนี้แล้วหลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าช้าๆและหัวเราะน้อยๆ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้อู้ที่จะก้าวเท้าและเดินไปอยู่ข้างๆเธอ
ช่วยฉันเอากางเอกสารพวกนั้นเข้าไปในห้องฉันให้หน่อย
เมื่อหลินเฉิงเดินเข้าไปหญิงสาวก็ชี้ให้หลินเฉิงมองกองเอกสารที่อยู่ข้างๆห้อง ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็มองลงไปและพบว่ากองเอกสารที่ว่านั่นเหมือนกับภูเขาที่เป็นถุงขนาดเล็กๆเลย เพราะงั้นก็ไม่แปลกใจถ้าเธอจะยกไม่ขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะก้มลงและหยิบเอาเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาด้วยความยากลำบาก
ดูเหมือนว่าหลินเฉิงจะแข็งแรงมากๆเธอที่เหลือบมองเขาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นไม่ได้พูดอะไรนอกเสียจากเดินนำและกวักมือเรียกเขาให้เข้าไปในห้องของเธอ
ขณะที่ถือกองเอกสารขนาดใหญ่นั้นหลินเฉิงก็มองเห็นประตูรางๆ และพบว่ามันไม่มีอะไรที่ผิดปกติ เพราะงั้นเขาจึงเดินช้าๆและค่อยๆเข้าไปในห้องนั้นตามหลังเธอไป
เมื่อหลินเฉิงเข้ามาในห้องแล้วเธอก็หันหลังไปปิดประตูพร้อมเสียง *ติ๊ด* มาจากในประตู ชัดเจนเลยว่าประตูที่ดูเหมือนจะธรรมดานี้มีระบบล็อคด้วยไฟฟ้าอยู่
เพราะนี่แหละนักวิจัยหลายๆคนเลยต้องไปพักก่อน มันเลยทำให้คนมือไม่พอ เพราะงั้นฉันเลยต้องขอให้นายช่วยหน่อย…
หลังจากที่ประตูปิดแล้วหญิงสาวก็อธิบายในสองประโยคให้หลินเฉิงฟัง เธอที่เป็นฝ่ายพาเขาเข้ามาในห้องนั้นหยุดขาไว้ก่อนที่จะเดินถึงตัวเขา 2 ก้าว!
ร่างเล็กนั้นหันกลับมามองหลินเฉิงอีกครั้งพร้อมขมวดคิ้วช้าๆเธอมองหน้าหลินเฉิงอยู่ครู่หนึี่งก่อนจะถามออกมา นายเป็นใคร? ฉันไม่คิดว่าฉันจะเคยเห็นนายที่นี่มาก่อน…
อ๋า?
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็ไม่รู้จะตอบอะไรเลยแต่กระนั้นเขาก็ยังรีบตอบไปอยู่ ฉันอยู่ในกลุ่มที่ 3! เพิ่งจะเปลี่ยนเวรกับหลี่เฉินมา บางทีเธออาจจะไม่ค่อยได้เห็นฉัน เพราะตัวฉันเองก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย…
ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากการ์ดประจำตัวที่อยู่บนอกที่ซึ่งมากับชุดที่หลินเฉิงสวมนั้นด้วยการที่มีความจำเป็นเลิศ เพียงแค่ได้เหลือบมองนิดหน่อยเขาก็สามารถจำทุกอย่างได้หมดแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาใช้มันเร็วขนาดนี้
ได้ฟังหลินเฉิงอธิบายเธอก็โล่งอกขึ้นนิดหน่อยจากนั้นจึงถาม กลุ่มที่ 3 เหรอ? แล้วตอนนี้กลุ่มที่ 3 ทำอะไรอยู่ล่ะ?
โอ้ฉันมาเพื่อช่วยแบกเอกสารบางอย่างอยู่ไง!
ถึงแม้จะเห็นว่าเธอดูอึ้งไปกับคำตอบอยู่ครู่หนึ่งแต่หลินเฉิงก้ไม่ได้เชื่อเธอซะทีเดียว เขายังคงหลอกเธอเพิ่มเพื่อให้ไม่มีข้อกังขาอะไร
ช่างมันแต่ว่านะ ครั้งหน้าครั้งหลังก็หัดทักทายหัวหน้ากลุ่มตอนทำงานบ้างล่ะ เวลาไปทำงานกับกลุ่มอื่นจะได้ไม่มีปัญหาตามมา เข้าใจนะ?
ในตอนนั้นเธอไม่ได้รู้เลยว่ากำลังโดนหลินเฉิงหลอกอยู่หลังจากที่ฟังเขา ‘อธิบาย’ เธอก็พยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เข้าใจแล้ว!
เมื่อเขารู้แล้วว่าเขาสามารถหลอกอีกฝ่ายได้หลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนุกขึ้นมาและพยักหน้ารับกลับไป
ดีถ้างั้นวางเองสารตรงโต๊ะนั่น จากนั้นจะออกไปเลยก็ได้
เธอหันกลับไปชี้ที่โต๊ะตรงหน้าเธอหญิงสาวพูดเพียงสองประโยคจากนั้นก็เดินไปยังตู้จ่ายน้ำเพื่อกดน้ำมาดื่ม
เขาพยักหน้าช้าๆหลินเฉิงที่แบกกองเอกสารหนาอยู่แสร้งทำเป็นยากลำบากและเดินไปยังโต๊ะช้าๆ ระหว่างที่เดินก็สังเกตสถานการณ์ภายในห้องนั้นไปด้วย
ดูเหมือนว่าภายในห้องจะถูกตกแต่งเหมือนๆกันทั้งสถาบันเลยมั้งนี่เพราะห้องนี้เองก็ถูกตกแต่งไว้เหมือนกับห้องของหลี่เฉิงก่อนหน้าเลย ถ้าเตียงถูกวางไว้ที่มุมกำแพง หลินเฉิงคงได้คิดว่าเขากลับไปยังห้องเดิมอีกแล้วแน่ๆ
รอบๆผนังนั้นเต็มไปด้วยภาพร่างและภาพถ่ายมากมายเมื่อมองดีๆแล้วก็พบว่าภาพร่างเหล่านั้นไม่สามารถเข้าใจได้เลย แต่ภาพถ่ายของพวกนักล่านั้นทำให้เขาเข้าใจชัดเจนว่า ฐานวิจัยใต้ดินนี้กำลังทำการวิจัยที่เกี่ยวของกับซอมบี้และพวกนักล่าอยู่โดยที่ไม่เคยหยุด!
*ปัง!*
หลังจากที่วางกองเอกสารไปบนโต๊ะอย่างมั่นคงแล้วหลินเฉิงก็ลังเล นั่นเพราะประตูที่ล็อคด้วยระบบไฟฟ้านั่นไม่เหมือนกับประตูของห้องแล็บที่อยู่ด้านนอกนั่นเลย ตัวตนของเธอคนนี้ดูจะไม่ใกล้เคียงกับหลี่เฉินแม้แต่นิด หากยึดตามแผนก่อนหน้า ในตอนนี้มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้ เพราะงั้นมันเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือแล้ว!
แต่กระนั้นไม่รู้ทำไม หลินเฉิงยังรู้สึกว่านี่ไม่ปลอดภัยที่จะเปิดเผยตัวตอนนี้ ตั้งแต่ที่เขาเจอช่องลม ถึงแม้ว่าจะสามารถเข้ามาได้อย่างราบลื่น แต่เขาก็ยังไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากพอ ถ้าเกิดเขาเริ่มตอนนี้ บางทีเธอคนนี้อาจจะให้ข้อมูลแก่เขาได้ไม่เพียงพอ หรือไม่ก็เธออาจจะรู้เรื่องที่จำเป็นน้อยมากเกินไป บวกกับเขาเองก็ยังไม่เข้าใจถึงระบบเตือนภัยของสถาบันวิจัยแห่งนี้ด้วย ถ้าเกิดเธอแอบกดปุ่มสัญญาณเตือนภัย บางทีเขาอาจจะโดนกองกำลังรักษาความปลอดภัยที่นี่มารุมจับเลยก็ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น สถานการณ์คงไม่ง่ายที่จะควบคุมและเขาเองก็จะไม่สามารถหาข้อมูลจากที่นี่ได้อีกต่อไป
*ก็อกก็อก*
ขณะที่หลินเฉิงกำลังลังเลเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจากด้านนอก พอมองไปเขาก็พบว่ามันยังมีประตูอีกบานหนึ่งอยู่ในห้องนั้น
เข้ามา
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูหญิงสาวก็ขมวดคิ้วก่อนจะหยิบแก้วน้ำร้อนขึ้นมาและส่งให้หลินเฉิง ในขณะเดียวกันเธอก็พูดขึ้น
สวัสดีผู้อำนวยการเหม็ง!
ด้วยการตอบรับของเธอประตูนั้นถูกผลักให้เปิดออกมา จากนั้นชายวัยกลางคนที่อายุราวๆ 40 ก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เขาไม่ได้มองหลินเฉิงและพยักหน้าและกล่าวทักทายเจ้าหล่อน
เกิดอะไรขึ้น?
เธอพยักหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าผู้อำนวยการเหม็งนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไรกับหลินเฉิงในตอนนี้ เธอหันไปและถามผู้ที่เข้ามาตรงหน้าเธอไปทันที