I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 573 E001
บทที่ 573 E001
SC:บทที่573 E001
มันเป็นแบบนี้…
ได้ยินผอ.เหม็งเอ่ยถามชายวัยกลางคนก็หยิบเอาผ้าขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นก็ยิ่มออกมาแบบแปลกๆ E001 นั้นกำลังคลั่งมากๆเลยครับ พวกเรากำลังจะย้ายมันไปยังแล็บที่ 3 เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ แต่ตอนนี้ด้วยจำนวนคนที่น้อยนิดของเรานั้นไม่สามารถควบคุมได้ ก็เลยต้องละทิ้งการเคลื่อนย้ายมาก่อน…
เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?
ฟังคำพูดของชายคนนั้นผอ.เหม็งก็ขมวดคิ้วแล้วพูด ไม่ใช่ว่าฉันบอกไปแล้วเหรอว่าห้ามฉีดยาอะไรก็ตามเข้าไปภายใน E001 ตั้งแต่เริ่มน่ะ?
ต..แต่พวกเราไม่ได้ฉีดยาอะไรเข้าไปเลยนะครับ! พอโดนผอ.เหม็งตำหนิ ชายวัยกลางคนนั้นก็หน้าเสียและอธิบายความยากลำบากออกมา ตั้งแต่คุณออกจากแล็บไป พวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรกับเจ้านี่เป็นพิเศษเว้นแต่เก็บตัวอย่างเลือดไปทดลอง เพราะงั้นไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมเจ้านี่จู่ๆถึงบ้าคลั่งได้! เครื่องกักกันตัวก็มีแค่ในแล็บชีวภาพ ถ้ายังไงคุณพอจะเรียกการ์ดที่ไว้ใจได้มาช่วยได้ไหม? มันยากมากๆที่จะขนย้ายมันไปยังแล็บที่ 3 ถ้ามีเพียงพวกเรา…
ไม่มีทาง!
ก่อนที่เขาจะพูดจบผอ.เหม็งก็ปัดข้อเสนอนั้นทิ้งทันที มันเป็นคำสั่งตายตัวมานานแล้ว ว่านอกจากนักวิจัย ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อนุญาตให้เข้าไปในแล็บชีวภาพแม้แต่ก้าวเดียว! เพราะต่อให้เป็นฉัน ฉันก็น่าจะโดนเด้งออกในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเหมือนกัน!
แต่…แต่…
ฟังคำปฏิเสธอย่างเลือดเย็นของเธอชายวัยกลางคนก็ดูหมดหนทางไปเลย ถ้าคุณปล่อยให้มันไป ผมกลัวว่า…
ขอถามก่อนอาการของ E001 หนักขนาดไหน?
เธอขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามชายคนนั้นไป
เมื่อได้ยินผอ.เหม็งถาม เขาก็รู้สึกงงขึ้นมาแล้วก็รีบตอบไป นี่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่ใช่สถานการณ์เลวร้าย แต่…
ก่อนที่เขาจะได้พูดจบอีกครั้งเธอก็ถามอีก แล้วประสิทธิภาพของตัวรักษาสเถียรภาพล่ะ? มันจะทนได้อีกนานแค่ไหน?
ตัวรักษาสเถียรภาพยังไม่พังครับมันเพิ่งถูกนำเข้าไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าผอ.เหม็งจะถามไปทำไม แต่ชายวัยกลางคนนี้ก็ตอบอย่างซื่อสัตย์
อืม…
หลังจากฟังคำตอบของเขาแล้วผอ.เหม็งก็ขมวดคิ้วและคิดอยู่นาน ทันใดนั้นเธอก็ปรบมือขึ้นมาและพูด ด้วยการควบคุมตัวปรับสเถียรภาพ แม้แต่ร่างทดลองเกิดคุ้มคลั่ง มันก็ทำได้แค่ทุบโต๊ะ มันไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น! ถ้ายังไง ฉันจะไปกับนายด้วย ใช่ นายด้วย!
พูดถึงสิ่งนี้ผอ.เหม็งก็ยื่นนิ้วมาและชี้มายังหลินเฉิงที่กำลังตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องนี้อยู่ด้วย!
เอ๋ฉันเหรอ?
เมื่อเห็นผอ.เหม้งและชายวัยกลางคนนั้นต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียวกันในตอนนี้ หลินเฉิงก็งงไปหมดและถามด้วยความไม่น่าเชื่อเลย
ใช่แล้วถ้านายต้องการที่จะช่วยใครซักคนนึงให้จบสิ้น เพราะงั้นก็ช่วยฉันย้ายร่างทดลองนี่ด้วยละกัน
หลังจากที่เห็นสีหน้าที่ดูงุนงงของหลินเฉิงผอ.เหม็งที่เอาแต่ทำหน้าเย็นชาใส่เขาก็ยิ้มออกมา ยิ้มที่หาชมได้ยาก นายสามารถวางใจได้เลย เพราะร่างนั้นได้รับการรักษาสเถียรภาพไว้แล้ว ดังนั้นชีวิตนายจะปลอดภัย!แล้วก็ที่นายพูดเมื่อครู่ว่านายเป็นนักวิจัยอยู่กลุ่ม 3 ใช่มั้ย? ตราบใดก็ตามที่นายช่วยพวกเราทำเรื่องยากๆนี้ ฉันสามารถนำเรื่องนี้ไปบอกยังพวกคณะผู้บริหารให้ย้ายนายเข้ามาในกลุ่มรวมไปถึงถ้านายทำงานออกมาได้ดี ฉันสามารถให้นายเข้าไปทำงานในแผนกทดลองได้เลย!
จริงเหรอจริงใช่มั้ย!?
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการสัญญากับผอ.เหม็งนี้ หลินเฉิงเองก็ยังแสดงท่าทีดีใจออกมา ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิมและถามแบบเขินอาย แต่…แต่…คนๆนี้เพิ่งบอกว่า E001 นั้นบ้าคลั่งมากๆ…
ไม่..ไม่…
เมื่อเห็นหลินเฉิงมองไปยังเขาชายวัยกลางคนก็อดไม่ได้ที่จะงง จากนั้นก็รีบหันหน้าไปมอง ผอ.เหม็ง เขารีบจูนสมองก่อนจะปลอบหลินเฉิง ฉันแค่จะบอกว่า อาการคุ้มคลั่งนั้นก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นกับร่างทดลองได้อยู่แล้วตามปกติ ขณะที่ร่างทดลองมันเกิดคลั่งขึ้นมานี่ มันก็เหมือนกับทารกที่หิวนมนั่นแหละ…
อ่าใช่แล้ว!
ขณะที่ฟังชายวัยกลางคนพูดหลินเฉิงก็อดที่จะเยาะเย้ยไม่ได้ แต่กระนั้นปากเขาก็พูดออกไปว่าเข้าใจ
แม้เขาจะรู้แล้วว่าร่างทะลองนั้นถูกติดตั้งตัวควบคุมสเถียรภาพไว้ซึ่งพวกมันไม่สามารถทำอันตรายถึงชีวิตได้ก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะคิดว่าร่างทดลองนั้นจะเป็นเหมือนทารกที่ไม่มีพิษภัยหรอก แต่อย่างไรก็ตาม ยึดเอาตามความแข็งแกร่ง ต่อให้ร่างทดลองนั้นจะดุร้ายเหมือนคิงคอง เขาก็มันใจว่าจะสามารถออกมาได้อย่างปลอดภภัย เพราะงั้นมันจะดีกว่าถ้าไปกับพวกนี้เพื่อไปดูหน้าตาของ E001 ร่างทดลองที่เป็นความลับตัวนี้!
คำสัญญาของผอ.เหม็งที่ให้แก่หลินเฉิงนั้นดูน่ารังเกียจยิ่งกว่า เพราะถ้ายึดตามคำที่เธอเพิ่งจะพูดไป ในเมื่อเบื้องบนมีคำสั่งตายตัวแล้วว่าห้ามไม่ให้ใครก็ตามนอกเหนือจากนักวิจัย เข้าใกล้แล็บชีวภาพได้ จากนั้นก็เอาบุกคลิกก่อนหน้าของเธอมาคิดต่อ เธอคนนี้น่าจะไม่เคยละเมิดกฏพวกนี้มาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม เพราะว่าตอนนี้มันกำลังขาดกำลังคน เธอนั้นทำได้เพียงนำคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเธอที่ซึ่งขัดแย้งอะไรเธอไม่ได้นั้นไปช่วย และจากนั้นคำสัญญานี้จะกลายเป็นเครื่องที่คอยจับตาดูเขาหลังจบงานนี้ แต่ยังไงซะนี่ก็เพื่อเพิ่มความไว้ใจให้เขาเองนั่นแหละ
เมื่อเห็นหลินเฉิงยอมรับแล้วผอ.เหม็งก็ไม่เสียเวลาเปล่า เธอโบกมือเป็นสัญญาณให้หลินเฉิงและชายวัยกลางคนรีบตามเธอให้ทัน
หลังจากที่ผอ.เหม็งและหลินเฉิงเดินออกไปจากประตูที่ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาแล้ว เขาก็เห็นกระจกที่กำลังเรืองแสงสว่างมากๆอยู่ตรงหน้าห่างไปอีกราวๆ 1 ร้อยเมตรได้!
สองฝั่งทางเดินนั้นเป็นแล็บที่ถูกแบ่งไว้ด้วยกระจกแต่ด้วยบางเหตุผล แล็บหลายๆห้องนั้นกลับว่างเปล่า มีเพียงนักวิจัยไม่กี่คนนั่งอยู่บนโต๊ะและเขียนผลการวิจัยอย่างขยันขันแข็ง
ถึงแม้ว่านักวิจัยเหล่านั้นจะสวมชุดเหมือนกับกับพวกเขาที่อยู่ด้านนอกแต่พวกนั้นดูๆแล้วจะแก่กว่าเขา
สันนิษฐานว่าประสิทธิภาพและประสบการของนักวิจัยเหล่านี้น่าจะมากกว่าคนที่อยู่ด้านนอกนี่แบบสุดๆเพราะงั้นพวกเขาจึงมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้ทำงานอยู่ในห้องวิจัยจริงๆเช่นนี้ ที่ซึ่งมีอุปกรณ์และพื้นที่ส่วนตัวดีกว่าข้างนอกอีกเป็นร้อยเท่าเลย
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่นายได้ดูและได้ฟังวันนี้ฉันหวังว่านายจะไม่พูดถึงมันอีกตอนออกไปด้านนอก นายต้องรออย่างอดทนและปล่อยให้กลุ่มที่ทำเอกสารปล่อยข้อมูลออกมาเอง เข้าใจไหม?
เมื่อเห็นหลินเฉิงเป็นพวกที่มีจรรยาบรรณและเหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุงในตอนนี้ผอ.เหม็งก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอีกครั้ง จากนั้นก็เตือนเขาอย่างเคร่งขรึม
เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว!
ฟังคำเตือนของผอ.เหม็ง หลินเฉิงก็พยักหน้าตอบ เขาคิดว่าเขาต้องเจอกับการต่อสู้สุดหินแน่นอนหากเข้ามาภายในสถาบันวิจัยใต้ดินแห่งนี้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เข้ามายังส่วนกลางของสถาบันวิจัยแห่งนี้ได้แบบงงๆ ใครจะเชื่อเรื่องนี้กัน!