I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 582 ตัวตนของคุณเฉิน
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 582 ตัวตนของคุณเฉิน
บทที่ 582 ตัวตนของคุณเฉิน
ส่ายหัวช้าๆเหม็งหยี่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ฉันเองก็อยากมีความเกี่ยวพันกับอีกเค้าอยู่เหมือนกัน แต่ว่านะ ผู้อาวุโสเหม็งน่ะ เป็นบุคคลที่มากด้วยความรู้ความสามารถ เพราะงั้นเขาจะอยู่กับคุณเฉินตลอดเวลา แล้วก็โชคร้ายที่ฉันแค่นามสกุลคล้ายเฉยๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน…
งั้นเหรอ?
ฟังคำตอบของเหม็งหยี่แล้วหลินเฉิงก็หรี่ตามองเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะและแทนทื่จะถามอะไรเพิ่มเติม เขากลับเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อไปเลย ใครคือคุณเฉิน? ถ้าฟังจากที่เธอพูด คนๆนั้นดูจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงน่าดูเลยนี่?
เหม็งหยี่ส่ายหน้าอีกครั้ง ฉันเองก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเขาหรอก รู้แค่ว่าเขาเป็นผู้ริเริ่มสถาบันวิจัยแห่งนี้ และแผนพัฒนาต่างๆก็ถูกวางแผนโดยตัวเขาเอง ตัวฉันนั้นก็เป็นแค่นักวิจัยเฉพาะทางทั่วๆไปของสถาบันวิจัยนี้เฉยๆ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกรุ่นพี่ที่เป็นสาขาวิจัยเฉพาะทางเกิดตายไปตอนอุบัติเหตุครั้งที่แล้ว ฉันคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมานั่งอยู่ในสำนักงานแห่งนี้ ซึ่งนั่นรวมไปถึง ไม่มีค่าพอที่จะไปพบคุณเฉินด้วย…
นี่ล้อฉันเล่นหรือไงน่ะ?ในฐานะของผู้อำนวยการของสถาบันวิจัย เธอมาบอกว่าตัวเองไม่รู้เนี่ยนะ? ถ้าไม่ให้ฉันมองเธอเป็นพวกคนโกหกแล้วจะให้ฉันมองเป็นอะไร?
เมื่อเห็นเหม็งหยี่ตอบกลับมาว่าไม่รู้โดยที่เขาไม่คาดคิด หลินเฉิงก็เห็นว่าเธอนั้นดูหวาดกลัวขึ้นมา รวมถึงน้ำเสียงขอเธอด้วย
ก็ฉันไม่รู้จริงๆนี่!ถ้านายสนใจในตัวตนของคุณเฉินจริงๆล่ะก็ นายไม่ควรถามฉัน แต่ควรไปถามคนที่เพิ่งจากไปเมื่อกี้นู่น!
ความรู้สึกกดดันที่หลินเฉิงอัดใส่เหม็งหยี่นั้นทำเอาเธอต้องแสดงความหวาดกลัวออกมาบางส่วน แต่กระนั้นแล้ว เธอเองก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคุณเฉินจริงๆ เพราะงั้นเธอจึงบอกเขาไม่ได้จริงๆ
เขายืนและเดินไปยังเหม็งหยี่ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นสายตาของเขาจับจ้องอยู่บนใบหน้าของหญิงสาว เขาจ้องเธออยู่แบบนั้นเกือบ 5 นาที ในขณะที่เหม็งหยี่กำลังคิดว่า อีกฝ่ายต้องกำลังคิดจะทำอะไรเธออยู่แน่ๆ ตอนนั้นหลินเฉิงก็หันหลังกลับและเดินกลับไปนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม
เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ
หยิบบุหรี่ออกมาและจุดสูบหลินเฉิงสูดควันเข้าไปเต็มปอดก่อนจะพ่นมันออกมาพร้อมกับหดหู่ภายในใจบางส่วน จากนั้นจึงพูดกับเหม็งหยี่
เหตุผลที่เขาพยายามกดดันอีกฝ่ายก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดจนท้ายสุดต้องยอมพูดเรื่องที่ปิดบังไว้ออกมาจนหมดแต่ท้ายสุดแล้วผลลัพธ์นั้นกลับไม่เป็นดังที่เขาหวัง เขารู้สึกได้เลยว่า เธอคนนี้นั้นนอกจากจะมีจิตใจที่มั่นคงและแข็งแกร่งแล้ว เธอยังรู้ตัวเองดีด้วยว่าต่ำต้อยขนาดนั้น และดูแล้วเธอก็น่าจะไม่เคยเห็นหน้าคุณเฉินจริงๆ เพราะงั้น ต่อให้เขายังปล่อยจิตสังหารต่อไปแบบสุดๆ ยังไงซะเธอก็คงให้คำตอบไม่ได้
อย่างไรก็ตามตัวเขาเองถึงจะแอบคิดว่าเธอคนนี้จิตใจแข็งแกร่ง แต่ถ้าเทียบๆกับบุคลิกของผู้หญิงคนอื่นๆที่เขาเคยปะทะด้วยมาถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอตรงหน้าจะดูเยือกเย็นในรูปลักษณ์ แต่กระนั้นหัวใจเธอก็ยังคงเป็นเหมือนผู้หญิงทั่วไป เมื่อไหร่ที่ต้องเผขิญหน้ากับปัญหา เธอก็จะกรีดร้องออกมา แต่ก็คงจะพูดได้และว่าจิตใจเธอนั้นแข็งแกร่งกว่ากำลังกายของเธอเอง ดังนั้นแล้ว บางทีเขาอาจจะเชื่อเธอไม่ได้เยอะว่าเธอพูดเรื่องจริงทั้งหมด
กลับไปที่คำถามแรกก่อนเธอน่าจะบอกได้ดีที่สุดว่า ‘แผน A’ คืออะไร
หลังจากมั่นใจแล้วว่าเหม็งหยี่ไม่เคยเจอหน้าของคุณเฉินจริงๆหลินเฉิงก็เก็บเรื่องที่คิดลงไปชั่วคราวก่อนจะกลับไปถามเรื่องแพลน A อีกครั้ง หลินเฉิงเลิกยุ่งกับเรื่องของเธอแต่เขาก็ยังคิดถึงเรื่องของเหม็งหยี่อยู่ เขาคิดว่าคนอื่นๆก็คงจะประหลาดใจในวิธีของเธอเช่นกัน และนั่นมันแสดงให้เห็นว่า เธอไม่ใช่คนโง่ มันต้องมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เธอต้องทำแบบนี้ เธอรีบปรับอารมณ์ต่างๆก่อนจะพูด แผน A คือแผนวิจัยทางวิทยนาศาสตร์ที่ขับเคลื่อนโดนคุณเฉิน ตั้งแต่ 1 เดือนก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึง ถ้ายึดตามที่เขาพูด แผนนี้มีจุดประสงที่จะสร้างกองทัพขั้นสุดยอดที่มี X เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ซึ่งสกัดมาจากร่างของเหล่านักล่า แต่ทั้งหมดนี่เป็นเพียงคำพูดของเขา ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน…
เดี๋ยวก่อน!
ได้ฟังดังนั้นหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีเขารีบโบกมือและหยุดเหม็งหยี่ไว้ก่อน!
เธอพูดอะไรออกมานะ?แผน A ที่เธอว่า มันเริ่มต้นขึ้น 1 เดือนก่อนวันสิ้นโลกจะมาถึงงั้นเหรอ?
เมื่อถูกหลินเฉิงขัดคอเหม็งหยี่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากที่ปล่อยอีกคนพูดจบ เธอก็พูดต่อ ใช่ แต่ฉันไม่รู้เกี่ยวกับช่วงต้นนะว่าเป็นมายังไง ฉันมาที่นี่ช่วงครึ่งเดือนก่อนวันสิ้นโลก เมื่อฉันมาที่นี่ แผนการมันก็โดนเตรียมการไว้จนเสร็จแล้ว พวกเขาแค่ต้องการให้ฉันรับผิดชอบในการสกัดนำสารและปลูกฝังสาร X เท่านั้น
ครึ่งเดือนก่อนวันสิ้นโลกมาถึง…
หลินเฉิงบ่นเบาๆด้วยน้ำเสียงไม่สบายใจก่อนจะถามไป เธอรู้เรื่องแผนการนี้ก่อนที่จะเข้ามายังสถาบันวิจัยแห่งนี้หรือเปล่า?
เธอส่ายหน้ามันทำเอาความหวังในใจของหลินเฉิงแตกออกเป็นเสี่ยงๆเลย นายไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ของนักวิจัยอย่างพวกเราหรอก! พวกเราน่ะไม่มีค่าพอที่จะถามถึงสถานการณ์ก่อนหน้าด้วยซ้ำ! แต่…
เหม็งหยี่ค่อยๆขมวดคิ้วช้าๆและดูงุนงง อย่างที่นายย้ำบ่อยๆ จู่ๆฉันก็นึกอะไรออก ตอนฉันเข้ามาที่นี่เพื่อจดบันทึก ฉันเองก็งงๆอยู่พักหนึ่ง แต่พอมีงานเข้ามาไม่หยุด ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปเลย…
เรื่องอะไร!?
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะนึกอะไรออกหลินเฉิงก็ดูสั่นไหวและถามแบบรีบร้อนนขึ้นมา
อืม…
หลินเฉิงเริ่มจะมั่นใจมากๆแล้วเกี่ยวกับเรื่องสถาบันวิจัยแห่งนี้ก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึงเหม็งหยี่ที่รู้สึกงุนงงก็รีบจัดระเบียบความคิดในสมองก่อนจะตอบ ตอนฉันมาถึงที่สถาบันวิจัยที่นี่เป็นวันแรก ฉันก็พบว่ามีนักวิจัยคนอืนๆอีกหลายคนต่างก็มารายงานตัวกันวันเดียวกับฉันด้วย และที่สำคัญเลยนะ พวกนั้นน่ะต่างก็มีความสามารถในด้านของการเปลี่ยนถ่ายเลือดกันหมด ส่วนพวกที่ทำงานที่นี่มานานแล้วฉันจะไม่พูดถึงละกัน อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฏและระเบียบข้อบังคับต่างๆของสถาบันวิจัย ฉันนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถามหัวหน้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำได้แค่แอบๆถามกับคนอื่นๆที่มารายงานตัววันเดียวกันเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ก็อย่างที่เดาได้แหละ ไม่ได้อะไรเลย ฉันถามพวกเขาหลายคนมากๆ แต่พวกเขาเองก็ไม่รู้อะไรเหมือนกันและในท้ายสุด ฉันก็ทำได้แค่ยอมแพ้กับการตามหาความจรืง แต่ก็นะ ถ้าฉันยังก้มหน้าก้มตาทำหาความจริงตามความสามารถของตัวเองต่อไปล่ะก็ บางทีฉันอาจจะถูกหัวหน้าจับได้ จากนั้นก็…
เขาพูดยังไม่ทันจบเหม็งหยี่ก็รู้สึกเคว้งคว้างขึ้นมานิดหน่อย ดูเหมือนว่าหัวใจของเธอจะยังเสียใจกับข้อจำกัดต่างๆของสถาบันวิจัยนี้อยู่
หลังจากที่ฟังเธอตอบไปแล้วหลินเฉิงก็รู้สึกผิดหวัง ถึงแม้ว่าคำตอบของเธอนั้นจะให้รายละเอียดที่มากกว่าคำพูดของหลี่เฉิน ผลลัพธ์มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก มันทำได้แค่ยืนยันว่าเฉินเจี่ยเจี้ยนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่เท่านั้น
อ่า…
เขาถอนหายใจก่อนที่จะยอมแพ้ที่จะตามหาเฉินเจี่ยเจี้ยเพราะเวลาที่ล่วงเลยมานี้จากนั้นเขาก็เตรียมที่จะเสร็จสิ้นภารกิจจากที่นี่เพื่อจะไปทำอย่างอื่นต่อ