I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 585 ความผิดปกติ
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 585 ความผิดปกติ
บทที่ 585 ความผิดปกติ
หลังจากที่ได้ยินคำถามสุดจริงจังจากหลินเฉิงเหม็งหยี่ก็ถามด้วยความกระวนกระวายขึ้นมา นายพูดอะไรน่ะ? นาย..นายเจอ A แล้วงั้นเหรอ!?
ถ้าA ที่เธอว่าคือมนุษย์ที่หัวเป็นปีศาจล่ะก็ เจอมาแล้ว!
มองคนตรงหน้าที่ไม่ได้ตอบคำถามดีๆแต่ดันมาสนใจเรื่องของA ซะอย่างงั้นหลินเฉิงเลยแสดงท่าทีรีบร้อนออกไป
งั้นถ้านายยังมีชีวิตอยู่นั่นหมายถึง…
ฟังคำตอบหลินเฉิงแล้วเหม็งหยี่ก็ตกใจสุดๆเธอมองไปยังหลินเฉิงแทบทั้งตัวซึ่งไม่พบรอยแผลใดๆเลย A ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นี่เป็นสิ่งที่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบเห็น มันยากมากๆที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
ฉันรู้นะว่าเธออาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้แต่แค่จัดการกับร่างทดลองให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง? เธอไม่ได้ป่วยนะ!
พูดไม่ออกยิ่งฟังหลินเฉิงพูดก็ยิ่งพูดไม่ออก เธอดูเหมือนคนไม่ปกติขึ้นมาพักใหญ่ๆเลยพร้อมกับเงียบลงไปด้วย
นายไม่เข้าใจ…
เธอส่ายหน้าช้าๆแววตาของเธอนั้นเริม่จะแดงขึ้นมาและเสียงก็เริ่มสั่นคลอน เขาตายแล้ว ใช่มั้ย?
…
มองสาวตรงหน้าร้องไห้แบบไม่มีเหตุผลหลินเฉิงก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเธออย่างไร และตอนนี้เขาเริ่มจะเห็นแล้วว่า มันมีหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องกันระหว่าง A ที่ตายไปแล้ว กับหญิงสาว ความเกี่ยวข้องแบบนับไม่ถ้วน!
ความหงุดหงิดบางอย่างมันปะทุขึ้นภายในหัวของเขาหลินเฉิงทิ้งก้นบุหรี่ลงไปในที่เขี่ยบุหรี่จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเยือกเย็น ฉันไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับ A หรอกนะ ฉันแค่ต้องการได้ยินคำตอบจากเธอตอนนี้! ไม่ว่าเธอจะเป็นหรือตายต่อจากนี้! ยังไงก็ตาม ถึง A จะไม่สามารถตายได้จากการที่ผ่านช่วงเวลามาเนิ่นนาน แต่ฉันก็ไม่คิดหรอกว่ามันจะอยู่ได้อีกนาน…
นาย…นายกำลังจะบอกว่านายไม่ได้ฆ่าเขาโดยตรงสินะ!?
ได้ฟังคำพุดของหลินเฉิงเหม็งหยี่ที่กำลังสลดใจก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะปาดน้ำตาบนใบหน้าและรีบเข้าไปยังหลินเฉิงเพื่อขอความช่วยเหลือเลย!
ฉันจะไม่ตอบคำถามเธอจนกว่าเธอจะตอบฉัน!
ด้วยความใจร้อนเขาโบกมือให้เหม็งหยี่ไปไกลๆขณะที่ตัวเขาเองก็กลับไปพิงโซฟาด้านหลังเหมือนเดิมและพูด มันจะดีกว่าถ้าเธออธิบายให้ฉันฟังเกี่ยวกับคำถามที่ฉันถามไปก่อนหน้า ในเมื่อเธอบอกว่าเธอไม่ได้โกหก ก็ช่วยทำให้ฉันเชื่อใจให้เร็ว ไม่งั้นแล้วนอกจากเธอจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ต่อ แต่นักวิจัยทั้งหมดของสถาบันรวมถึง A ก็จะถูกฝังไปกับเธอด้วย!
เมื่อเหม็งหยี่รู้แล้วว่าA ยังไม่ตาย เธอก็ดูจะสดชื่อขึ้น หลังจากที่โดนหลินเฉิงข่มขู่ เธอก็มองเขาแบบกลัวๆ กำลังจะพูดน่า บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้โกหกนายตั้งแต่ต้นแล้ว! สำหรับ A ที่นายเจอในห้องเก็บศพนั่นน่ะรวมไปถึงเรื่องที่ฉันรู้เรื่องพลังที่ตื่นขึ้นของ A มันคือสิ่งที่ฉันเตรียมจะบอกนายอยู่แล้วแต่นายดันมาขัดซะก่อน เพราะนายเองนั่นแหละที่ไม่ฟังฉัน!
หา!?
หลินเฉิงเหลือบมอง ไม่ยอมฟังเธอ? นั่นเป็นความผิดของฉันเหรอ?
โอเคๆไม่ใช่ก็ได้!
ท่าทีช่างขู่ของหลินเฉิงนั้นเปลี่ยนบ่อยเหลือเกินตอนนี้เหม็งหยี่จึงเริ่มกังวลและคิดว่าเธอควรจะระวังหลินเฉิงเอาไว้ หัวใจของเธอมันสั่นไหวพร้อมโบกมือรัวๆ ไม่ได้จะบอกว่านายผิด แต่นายควรจะใจเย็นลงนิดนึง นี่มันเกือบจะครึ่งปีแล้วตั้งแต่เราได้คำนวนถึงสิ่งนี้แม้ฉันจะอยากตอบคำถามนาย แต่ฉันก็ยังต้องตีความอีกนิด…
ฮึ่ม!
เขาส่งเสียงกดดันเธอแต่กระนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรพร้อมโบกมือให้เธอพูดต่อ
เหม็งหยี่นั้นรีบที่จะพูดต่อทันทีที่ทำได้ ฉันแค่จะบอกว่า ถ้ายึดจากความกังวลของฐานใหญ่ก่อนหน้านี้ ถ้ามันไม่มีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้น เราจะไม่ได้เห็น A อีกครั้ง เพราะเราไม่ได้รับความช่วยเหลือจากฐานใหญ่ นักวิจัยอย่างเราๆจึงไม่สามารถนำ A กลับลงมาได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม…
แต่บางทีอาจจะเป็นเพราะA ยังไม่ตาย ในตอนที่นักวิจัยอย่างพวกเราเลือกที่จะยอมแพ้ในการพาตัว A ลงมาและคิดที่จะสร้างร่างทดลองใหม่ เมื่อนั้นเราก็รู้ได้ว่า เมื่อเราไม่มี A แม้จะมีผลการทดลองมากมาย พวกเราก็ไม่สามารถสร้างร่างทดลองใหม่ได้ ซึ่งนั่นทำให้เราต้องหยุดงานเพื่อที่จะร้องขอให้ฐานใหญ่พิจารณาเรื่องส่งคนมาช่วยขนย้าย A อีกครั้งและครั้งนี้ พวกเขาก็ยอมอ่อนข้อให้และยอมส่งพวกคนมีฝีมือเข้ามาเพื่อช่วยพวกเราขนย้าย A !
เพราะงั้นเหตุผลที่A มาปรากฏตัวที่ห้องเก็บศพก็เพราะพวกคนมีฝีมือพวกนี้งั้นเหรอ?
ได้ฟังดังนั้นหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถามเพื่อเป็นการขัดอีกฝ่าย
ใช่แล้ว!
เธอพยักหน้าและพูดต่อ ในตอนนั้น พวกคนที่มีความสามารถทั้งหมดที่ถูกส่งมาจากฐานใหญ่ที่ซึ่งมีระดับสูงกว่าคนทั่วๆไปเหล่านั้นถือเป็นความหวังของเราเลย เพราะพอเรารู้ว่าฐานใหญ่ส่งทีมเข้ามา พวกเราก็สามารถจินตนาการถึงความตื่นเต้นกันรัวๆเลย! แต่ไม่มีใครคิด ว่าระหว่างช่วงเวลานั้น ช่วงที่เราออกไปจากสถาบัน A ที่นอนอยู่อย่างโดดเดี่ยวภายในห้องเก็บร่างชีวภาพนั้นก็ได้ตื่นขึ้นมาเป็นผู้มีพลังในการล่องหน! สืบเนื่องมาจากการรวมระหว่างมนุษย์และนักล่าเข้าไว้ด้วยกัน มันไม่ใช่เพียงสิ่งที่มีความกระหายเหมือนนักล่า แต่มันยังมีการคิดคำนวนแบบมนุษย์ด้วย! ในการเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ที่มีทั้งพละกำลังและความคิดรวมถึงตามรอยไม่ได้ ฉันคิดเลยว่าจุดจบของทีมนั้นมีสภาพเป็นยังไง…
อืมน่าจะเดาได้แหละ
เมื่อคิดถึงความสามารถของหยูซานหลินเฉิงก็เห็นอกเห็นใจพวกกลุ่มคนที่ต้องมาตายโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะคนที่เคยฝึกสอนให้กับคนที่มีพลังล่องหนอย่างเขา เขารู้ดีถึงความน่ากลัวของการล่องหนระดับสูงกว่าใครๆ!
มองหลินเฉิงพยักหน้าเหม็งหยี่ก็ถอนหายใจ ทีมคนที่มีความสามารถเหล่านั้นน่าจะประมาณ 10 คน ท้ายสุดก็หนีขึ้นไปด้านบน แต่ว่าตอนนั้น ผู้ที่มีความสามารถในการวิ่งเร็วนั้นก็ออกความเห็นที่จะล่อมันไปยังห้องเก็บศพ และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม A ถึงถูกขังอยู่ในห้องเก็บศพ ยามที่เหล่าผู้มีพลังคนอื่นจนมุม ผู้ใช้พลังวิ่งเร็วก็หลอกล่อและนำมันไปขังไว้ที่นั่นแล้วเพราะก่อนที่พวกเราจะออกไป พวกเราได้บอกเขาไว้ว่า สถานที่ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในสถาบัน ก็คือ ห้องเก็บศพ ที่เอาไว้ใช้เก็บร่างทดลองทั้งหมดนั่นแหละ…
งั้นเหรอ…
หลังจากที่ฟังเรื่องราวของเหม็งหยี่หลินเฉิงก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด เขาไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะโกหกเขา นั่นเพราะจากประสบการณ์การที่ต้องต่อสู้กับร่างทดลองที่ล่องหนได้ คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่ต่างอะไรกับอาหารที่ไปเสิร์ฟให้มันถึงที่!
เมื่ออธิบายทุกอย่างชัดเจนหมดแล้วเหม็งหยี่ก็อดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น เราก็ไม่สนใจฐานใหญ่ ไม่มีใคร แม้แต่นักวิจัยอย่างพวกเราที่จะกล้าพูดถึงชื่อของ A ไปมากกว่านี้ นั่นเพราะว่าทุกๆคนเข้าใจแล้วว่า A ได้เจริญเติบโตขึ้น และไม่อยู่ในการควบคุมอีกต่อไป ในฐานะร่างทดลอง มันแสดงให้เห็นว่าพวกเราล้มเหลว และมันไม่มีค่าอะไรที่เราจะต้องศึกษาอีก…