I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 588 ตัวยับยั้ง
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 588 ตัวยับยั้ง
บทที่ 588 ตัวยับยั้ง
SC:บทที่588 ตัวยับยั้ง
ไม่อย่างนั้น?
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็ใช้โอกาสนี้ถามกลับ ก่อนที่โลกจะมาถึงวันสุดท้าย เขาก็เริ่มที่จะศึกษาพวกนักล่าอย่างลับๆ หลังจากวันสิ้นโลกมาถึง แม้สถาบันวิจัยจะถูกโจมตีโดยร่างทดลอง แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้และพัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อร่างทดลองต่อ ด้วยความขยันหมั่นเพียรและความแข็งแกร่งในการเฝ้าระวังไม่ให้พวกการ์ดจับได้ ใครจะไปคิดว่าจะต้องไปสู้กับคนที่คิดจะสร้างกองทัพที่ไม่มีใครในโลกสามารถต้านทานได้?
ใช่…
เหม็งหยี่ฝืนยิ้มและพยักหน้า จริงๆทุกๆคนก็ค่อยๆที่จะเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงๆของฐานใหญ่แล้ว แต่จริงจังเลยนะ นี่คือวันสิ้นโลก มันมีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่เต็มไปหมด ในกรณีนี้ หากนายได้รับการเลี้ยงดูให้มีความสุข ใครมันจะไปสนใจว่าเรื่องที่ทำมันจะผิดหรือจะถูก?
อืมแบบนี้เองสินะ
ฟังคำพูดของเหม็งหยี่หลินเฉิงก็เข้าใจนั่นเพราะว่าสัตว์ประหลาดด้านนอกนั้นกำลังอาละวาด และไม่มีใครรู้ว่าที่ไหนหรือเมื่อไหร่ ซึ่งเหล่านักล่าจะโผล่ออกมา เทียบกับเมื่อครั้นวันที่ความหวังไม่เหลืออีกต่อไป ฐานวิจัยใต้ดินนี้จึงเปรียบเสมือนสวรรค์ที่พวกเขาไฝ่หา เว้นแต่พวกเขายังคงต้องวิจัยพวกร่างทดลองที่ซึ่งได้รับการปรับสเถียรภาพและไม่เป็นภัยแล้วทุกๆวัน ดังนั้นแล้วจึงมั่นใจได้ว่าสามารถทำงานภายในนี้ได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเห็นหลินเฉิงตั้งใจฟังเหม็งหยี่ก็พูดต่อ ด้วยการควบคุมสเถียรภาพนี้ สถาบันของเราก็ห่างหายจากภัยคุกคามจากร่างทดลองพวกนี้ไป แต่ในทางกลับกัน พวกเราเองก็ไม่สามารถที่จะควบคุมร่างทดลองได้สมบูรณ์ขณะที่ไม่ได้ใช้ยารักษาสเถียรภาพได้เช่นกัน ผลลัพธ์ของมัน จึงไม่ต่างกับสัตว์ในสวนสัตว์ที่ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะมีร่างทดลองมากมายอยู่ในมือ แต่มันก็ว่างเปล่า เฉกเช่นสัตว์ที่กลายเป็นกระเป๋าหนัง ไร้ซึ่งสัญชาติญาณใดๆทั้งสิ้น…
ถ้างั้นเธอคิดว่ามันดีพอแล้วหรือว่ามันล้มเหลวล่ะ?
หลินเฉิงพยักหน้าก่อนจะถามเมื่อคิดถึงร่างทดลองที่เกือบจะเสียพลังในการต่อสู้ไปทั้งหมดหลังได้รับยาควบคุมสเถียรภาพ
มันก็ต้องล้มเหลวอยู่แล้ว…
เหม็งหยี่ถอนหายใจเบาๆ และฐานใหญ่เองก็ไม่เคยพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้จากร่างทดลองร่างใหม่ภายใต้แผน B บ่อยครั้งที่พวกนั้นส่งคนเข้ามาเพื่อเร่งเร้าให้การวิจัยและทดลองเสร็จเร็วๆ แต่พวกเขานั้นกลับไม่เข้าใจ ว่าตราบใดที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่ององค์ประกอบ X ได้ พวกเราก็ไม่สามารถควบคุมร่างทดลองพวกนี้ได้!
ขอแค่ควบคุมพวกมันได้เท่านั้น… หลินเฉิงบ่นเบาๆในใจเกี่ยวกับองค์ประกอบX ที่ซึ่งเป็น เชื้อโรคตัวแห่งวันสิ้นโลก มันคือแกนกลางที่คอยสนับสนุนการมีชีวิตอยู่ของซอมบี้และเหล่านักล่า มันเป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนปีศาจและไม่มีใครสามารถควบคุมมันได้ ยกเว้นสัตว์ประหลาดเหล่านี้ สิ่งมีชีวิตชนิดใดก็ตามที่ได้สัมผัสมัน แม้จะเพียงนิดเดียวก็สามารถตายได้ในทันทีเลย แต่นักวิจัยเหล่านี้กลับต้องการที่จะใช้ทฤษฏีชีวภาพแมว 3 ขาเพื่อที่จะลองควบคุมมัน และมันง่ายมากเลยที่จะทำให้พวกเขาตายตามๆกันไป!
มันไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้วหลินเฉิงสามารถเดาได้ง่ายๆเลยว่ามันมีนักวิจัยมากกว่า 1 หรือ 2 คนภายในสถาบันวิจัยใต้ดินนี้ที่ต้องตายด้วยเงื้อมมือของ เชื่้อโรคแห่งวันสิ้นโลก พวกเขาควรจะตื่นตัว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการสกัดนำ เชื้อโรคแห่งวันสิ้นโลก ออกมาโดยที่มันยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงไม่เปลี่ยนนั่นคือ มนุษย์ในตอนนี้น่ะ ด้วยระดับของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถถอดความลับของ เชื้อโรคแห่งวันสิ้นโลก ได้หรอก!
เมื่อรู้สึกได้ว่าหลินเฉิงกำลังดูถูกเธอเหม็งหยี่ก็เหลือบมองไปที่เขาก่อนจะถามอย่างสงสัย ทำไม…ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายน่ะรู้ทุกอย่างมากกว่าฉันตลอดเลย!?
ฉันอยู่ข้างนอกมาตลอดครึ่งปีแบบนี้ไม่ควรจะให้ฉันรู้เยอะกว่าเหรอ?
ได้ยินแบบนั้นหลินเฉิงก็ส่ายหน้าช้าๆแล้วหาเหตุผลมาโกหกเธอ
ถึงแม้ว่าเขาจะชัดเจนแล้วเรื่องสถานการณ์ด้านล่างนี้แต่เขาก็ยังไม่สนใจที่จะเปิดเผยความลับกับเหม็งหยี่ไปมากกว่านี้ จุดประสงค์ของเขานั้นเพียงแค่มาหาเฉินเจี่ยเจี้ยและลองหาความจริงบางอย่างเกี่ยวกับการมาถึงของวันสิ้นโลกดู
ตอนนี้แม้จะดูเหมือนว่าวัตถุประสงค์ของเขานันจะไม่สำเร็จแล้วแต่กระนั้นเขาก็ยังได้อะไรหลายๆอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้มาด้วย! แล้วหลังจากที่ผ่านช่วงจนมุมมาแล้วฐานใหญ่ของเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้ แบบนี้เธอตัดสินใจที่จะเริ่มแผน A ใหม่แล้วหรือยัง?
ในการที่จะป้องกันไม่ให้เหม็งหยี่ถามอะไรเพิ่มหลินเฉิงจึงหันหน้าออกและเปลี่ยนหัวข้อถามเธอกลับไปก่อน
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วถึงแม้วเหม็งหยี่จะยังสงสัยหลายๆอย่างแบบรุนแรงมากๆ แต่กระนั้นเธอก็ไม่ได้พูดอะไรโง่ๆออกไป เธอรู้แล้วว่าการทำอะไรที่นอกเหนือจากการตอบคำถาม มันอาจจะนำปัญหามาให้เธอได้ ดังนั้นจึงตอบออกไป ใช่ จุดประสงค์ของฐานใหญ่นั้นก็คือฝึกฝนพวกเราเพื่อให้พวกเราช่วยพวกเขาพัฒนา ‘กองทัพวันสิ้นโลก’ ได้ แต่พวกเรานั้นไม่สามารถทำการวิจัยเพิ่มเติมได้ด้วยหลายๆเหตุผล เพราะงั้นฐานใหญ่จึงตัดสินใจที่จะมอบหมายให้ดูแลแผน A แทน และมันอยู่ในความคาดหวังของฉันอยู่แล้ว แต่ฉันก็ไม่ได้คิดหรอกว่าโลกจะมาถึงวันสุดท้ายเร็วขนาดนี้… ฉันยอมรับว่าแผน A มีข้อบกพร่อง แต่มันก็แค่ปัญหาเรื่องพลังในการต่อสู้ เรื่องจริงคือสิ่งที่สิ่งที่ฐานใหญ่ขอมานั้น พวกเราทำได้หมดแล้ว แถมยังเกินคาดด้วย แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังให้เราเสริมตามที่เขาขอเรื่อยๆ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าร่างทดลองแผน A นั้นควบคุมยากขนาดไหน ฉันเดาไว้ว่าพวกเขาคงจะรู้มาจากสายลับที่แฝงตัวอยู่ในสถาบันของเราประมาณ 3 วันก่อนที่ฉันและทีมจะพัฒนายาตัวใหม่ที่มีผลในการระงับความดุร้ายของร่างทดลองได้!
เดี๋ยวก่อน!
ขณะที่เหม็งหยี่เริ่มจะระเบิดความโกรธแค้นออกมาหลินเฉิงก็ขมวดคิ้วและขัดเธอไว้ก่อน เธอพูดอะไรนะ? เธอบอกว่าเธอพัฒนายาที่ใช้ควบคุมร่างทดลองงั้นเหรอ!?
ไม่ใช่ควบคุมแต่เป็นตัวยับยั้ง!
มองหลินเฉิงที่ดูจะเข้าใจความหมายผิดเหม็งหยี่ก็ส่ายหน้าและพูด ควบคุม หมายถึงพวกมันจะทำตามที่เราสั่ง ในขณะที่ยับยั้งคือการที่มันจะไม่สามารถทำร้ายผู้คนได้ง่ายๆ แต่พลังในการต่อสู้ก็จะอ่อนแอลงอย่างมากด้วย..
นี่…
หลังจากได้ฟังเหม็งหยี่อธิบายสมองของหลินเฉิงก็ปั่นป่วนไปมาก่อนจะตอบสนอง ฟังจากสิ่งที่เธอพูดแล้ว ไอ้ตัวยับยั้งที่ฉีดเข้าไปนั้นก็ยังนับว่าเปล่าประโยชน์อยู่หรือเปล่าสำหรับเธอ หรือว่าไม่? เธอเคยเห็น ‘นักล่าขั้นสุดท้าย’ ที่ไม่ทำร้ายมนุษย์แล้วหรือยัง?
ไม่มีทางนี่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันทำได้แล้ว…
ฟังดังนั้นแล้วเหม็งหยี่ก็ยิ้มออกมา ตัวยับยั้งที่ฉันทำขึ้นมาก็แค่เข้าไปช่วยควบคุมสเถียรภาพภายใน ยับยั้งไม่ให้มันเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมาซึ่งแต่เดิมมันถูกใช้ก็เพราะฐานใหญ่ที่กดดันเราอีกครั้ง ฉันไม่คิดเลยว่าพวกนั้นจะชี้นิ้วสั่งการทุกการเคลื่อนไหวภายในสถาบันวิจัย และสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดนั่นก็คือหลังจากที่พวกนั้นได้ยินเรื่องที่พวกเราพัฒนาตัวยับยั้งนี่ได้ พวกนั้นก็ขอให้เริ่มแผน A ใหม่ทันที ซึ่งนั่นทำให้แผนก่อนหน้าของฉันทั้งหมดล้มเหลว ถ้าฉันไม่เจอนาย ฉันอาจจะโดนกักตัวไปด้านบนเพื่อเริ่มแผน A ใหม่ก็ได้…