I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 590 ความลับของ B001
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 590 ความลับของ B001
บทที่ 590 ความลับของ B001
SC:บทที่590 ความลับของ B001
มีปัญหาอะไร?
เขามองเวลาแล้วก็พบว่าพวกเขาทั้งสองนั้นคุยกันอยู่ในนี้มากว่าชั่วโมงแล้วเหม็งหยี่นั้นบิดคอไปมาจากความตึงเครียดก่อนจะถามออกไป
หลังจากที่ละลายน้ำแข็งที่กำแพงตรงหน้าประตูนั้นแล้วหลินเฉิงก็ปรบมือก่อนจะพูด ที่คุยกันเมื่อครู่ พวกเราพูดถึงสิ่งที่เหมือนกับแผน A กัน แต่ฉันยังอยากรู้อยากเห็นอะไรอยู่อีกอย่างหนึ่ง สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่พวกนี้พูดถึงหลังจากที่เห็นเธอมันไม่ใช่แผน A แต่มันคือร่างทดลอง B001!
B001!?
เธอไม่คาดคิดเลยว่าหลินเฉิงจะถามถึงมันเหม็งหยี่ชะงักและไม่รู้จะตอบยังไงครู่ใหญ่ๆ เมื่อหลินเฉิงเห็นปฏิกริยาของเหม็งหยี่เขาก็ยิ้มอีกครั้ง ใช่ B001! พวกเราพูดกันมานานแล้ว แต่เธอยังไม่พูดเรื่องไม่ได้บอกฉันเกี่ยวกับ B001 เลย เพราะงั้นถ้าเอาตามที่ฉันเข้าใจ B001 นี่นับเป็นหัวใจสำคัญตัวใหม่ของการวิจัยภายในสถาบันของเธอหรือเปล่า?
ไม่…
ได้ยินดังนั้นเหม็งหยี่ก็ส่ายหน้าและถอนหายใจช้าๆก่อนจะอธิบาย ถึงแม้ว่า B001 นั้นจะมีโค้ดเน้มแล้ว แต่นี่มันก็ต่างกับร่างทดลองอื่นๆอยู่มาก เพราะตัวมันเองเป็นได้แค่สิ่งที่เรียกว่า ‘ผลผลิตที่คาดไม่ถึง’…
มันหมายความว่ายังไงน่ะ?
หลินเฉิงหัวใจเต้นแรงและรีบถามกลับไป
นายมากับฉัน!
เมื่อเห็นท่าทีที่สนอกสนใจของหลินเฉิงแล้วเหม็งหยี่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับกัดริมฝีปากบางเบาๆ ทันใดนั้นเธอก็ยืนขึ้นและโบกมือเรียกหลินเฉิง มันยากที่จะอธิบายเรื่องนี้กับนายยังไงดี ดีที่สุดคือพานายไปดูด้วยตาตัวเอง! นายไม่ต้องกังวลไป เพราะภายในแล็บทดลองภายในนั้นถือเป็นสิ่งหวงห้าม เพราะงั้นไม่มีอะไรมารบกวนทั้งนั้นแหละ…
ฉันกังวลเรื่องนี้หรือไง?
ฟังคำพูดของเหม็งหยี่หลินเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามอง เธอกำลังขายความลับของสถาบันให้ฉัน เพราะงั้นต่อให้เธอพาฉันไปแล้วเจอการ์ด ฉันก็ไม่บ่นอะไรไร้สาระเหมือนเธอหรอกน่า
นาย..!!
เหม็งหยี่นั้นโกรธมากๆ นายคือคนที่บังคับให้ฉันยอม รวมไปถึงเป็นคนที่บังคับให้ฉันยอมขายความลับพวกนี้เพื่อให้รอดชีวิต! แล้วนี่เป็นอะไรไปอีก! มีความละอายใจบ้างมั้ยนายน่ะ!
น่า~!
เธอทั้งโกรธและกร่นด่าแต่หลินเฉิงก็ยังทำแค่ยักไหล่และชี้ไปยังร่างของเจ้าหน้าที่ทั้งสองที่อยู่มุมหนึ่ง พวกที่น่าละอายจริงๆก็นอนอยู่นี่แล้ว…
…ฮึ่ม!
เธอมองตามท่าทีของหลินเฉิงไปที่ซึ่งมีร่างของเจ้าหน้าที่ทั้งสองที่ซึ่งตายอย่างอเน็จอนาถอยู่ และทันใดนั้นความโกรธของเธอก็เริ่มบรรเทา หลังจากมองไปยังหลินเฉิงอย่างเกรี้ยวกราด เธอก็เริ่มขี้เกียจที่จะพูดถึงเรื่องความละอาจใจเหล่านั้นและเดินนำไปยังประตูที่ซึ่งพาพวกเขาไปยังแล็บภายในได้ ก่อนจะไปยืนรอเขาให้ทะลายน้ำแข็งของประตูนี้ทิ้งเสียด้วย
*เปร๊าะ~*
เพียงแค่ดีดนิ้วเสียงของน้ำแข็งแตกก็ดังขึ้นมา และทันใดนั้นกำแพงน้ำแข็งตรงหน้าประตูก็สั่นและละลายจากบนลงล่างจนหายไปหมดราวกับมันไม่เคยมีอยู่มาก่อน
เป็นพลังในการควบคุมที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้นะ… มองไปยังกำแพงน้ำแข็งหนาที่กั้นประตูไว้ที่ซึ่งตอนนี้มันหายไปอย่างรวดเร็วแถมยังไม่เหลือแม้กระทั่งร่องรอยอย่างหยดน้ำทิ้งไว้บนพื้น เหม็งหยี่ก็ช็อกและต่อต้านอะไรไม่ได้ เธอทำได้แค่พูดเบาๆเท่านั้น
แต่ถึงจะแบบนั้นแล้วหลินเฉิงก็ไม่เคยสนใจจะนับเลยว่าเขาทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วเขาไม่แคร์อะไรก่อนจะเดินไปยังประตูที่เหม็งหยี่ยืนอยู่และพูด เลิกพูดไร้สาระ จะพาไปดู B001 ไม่ใช่หรือไง? รีบไปได้แล้ว!
ได้ยินดังนั้นเหม็งหยี่ก็ทำได้แค่หุบปากไปและค่อยๆเปิดประตูเมื่อเธอเห็นแล้วว่าภายในไม่มีนักวิจัยเดินอยู่ตามทางเดิน เธอก็กวักมือเรียกหลินเฉิงให้เดินตามเธอไป
กลับไปยังห้องที่เต็มไปด้วยกระจกอีกครั้งหลินเฉิงก็รู้สึกต่างออกไป เมื่อตอนครั้งแรกที่เขาเข้ามา เขานั้นยังคงตื่นเต้นเพราะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่แห่งนี้ ทุกๆอย่างมันน่าตื่นเต้นไปหมด แต่หลังจากได้ลงลึกถึงรายละเอียดกับเหม็งหยี่แล้ว เขาก็รู้ทุกๆเรื่องในฐานนี้ ตอนนี้เขามองนักวิจัยที่นั่งอย่างโดดเดียวภายในห้องวิจัยของตนเองพร้อมกับทำงานในมือไปด้วย มันก็ทำให้เขาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากถอนหายใจยาว
ไม่มีที่ไหนภายในโลกที่จบสิ้นนี้หรอกที่เรียกว่า สวรรค์ แม้แต่เหล่านักวิจัยเหล่านี้ที่ถอยลงมายังใต้ดินกว่าร้อยเมตร พวกเขาก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากการไล่ฆ่าของพวกนักล่าได้!
ในตอนนี้หลินเฉิงเข้าใจแล้วว่าทำไมร่างทดลองที่ดูน่าตื่นเต้นไม่น้อยนั้นสำหรับนักวิจัยคนอื่นๆมันถึงน่ากลัว เพราะว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนั้น ที่จะเข้าใจถึงความสิ้นหวังของกลุ่ม A ที่ซึ่งรวมคนธรรมดาทั่วๆไปเอาไว้ด้วยกัน ไม่มีใครรู้ทั้งสิ้นว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับร่างทดลองที่แข็งแกร่งกว่านักล่าทั่วๆไปนั้นมันน่ากลัวขนาดไหน!
หลินเฉิงไม่ได้คิดจะบ่นหรือดูถูกคนเหล่านี้อย่างที่เหม็งหยี่พูด นักวิจัยส่วนมากนั้นอยู่ที่นี่ก็เพราะโดนบังคับให้ทำงานวิจัยต่างๆภายในสถาบัน ญาติๆของพวกเขาก็ถูกฐานใหญ่ควบคุมไว้อยู่เมื่อนานมาแล้ว แม้หลินเฉิงจะสงสัยว่าญาติของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ยังไงซะจุดประสงค์ของคนพวกนี้ทำงานต่อไปโดยไม่คิดถึงเรื่องอื่น มีแค่งานวิจัยและทดลองเท่านั้น!
รู้สึกแปลกไปหรือเปล่า?
เหม็งหยี่ผู้ที่ซึ่งเดินอยู่ด้านหน้าเขารู้สึกว่าหลินเฉิงไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เข้ามาภายในนี้แล้ว เธอก็อดที่จะหันไปมองเขาไม่ได้ และนั่นทำให้เธอพบว่าอีกฝ่ายนั้นดูเคร่งเครียดอยู่ ณ ตอนนี้ เพียงแค่สบตา เธอก็สามารถเข้าใจได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิดอยู่ได้ในทันที
รู้อีกแล้วเหรอ?
หญิงสาวนั้นสามารถมองอารมณ์ของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งในครั้งนี้และหลินเฉิงเองก็แสร้งทำเป็นส่ายหน้าแบบไม่ใส่ใจก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ต้องไปอีกไกลขนาดไหน?
มันอยู่นี่แล้ว ได้ยินดังนั้นเธอก็รู้ว่าหลินเฉิงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ดังนั้นเธอจึงไม่พูดเรื่องนี้ต่อและชี้ไปยังประตูกระจกที่ตรงหน้าด้านซ้าย
และครั้งนี้เธอก็เดาเรื่องที่หลินเฉิงอยากจะถามได้เหม็งหยี่ชิงอธิบายก่อนที่เขาจะได้เปิดปากถาม มันมีเพียงไม่กี่คนภายในสถาบันนี้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับ B001 ฉันเป็นนักวิจัยคนที่ 3 ที่ได้เข้ามาทำงานภายในแล็บชีวภาพนี้ แม้แต่นักวิจัยคนอื่นๆที่อายุเท่ากันกับฉันก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เข้าใกล้ B001 เลยนะ เพราะในการที่จะป้องกันการพบเห็น B001 จากคนอื่นๆ พวกเขาเลือกที่จะเก็บมันไว้ในจุดที่ไม่มีใครเข้ามาอยู่แล้ว…
ฟังคำอธิบายของเหม็งหยี่หลินเฉิงก็มองเธออย่างสงสัย มันมีความลับอะไรหรือไง?
เธอส่ายหน้าก่อนจะอธิบายให้เขาฟังด้วยเสียงเบา มันไม่มีความลึกลับอะไรหรอก แต่การมีอยู่ของ B001 นั้นเกี่ยวข้องกับหลายฝ่ายมากเกินไป ก่อนที่มันจะไม่คืบหน้าในการวิเคราะห์ข้อมูล มันก็ถูกเปิดเผยข้อมูลออกมาเพียงน้อยนิดอยู่แล้ว!
เข้าใจแล้ว
ดูเหมือนว่าB001 นั้นจะไม่เหมือนกับที่เขาคาดเดาไว้ก่อนหน้า หลินเฉิงพยักหน้าและไม่รอช้าอีกต่อไป