I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 593 สัญชาติญาณแห่งการต่อสู้และหลบหนี
- Home
- I have a capsule system at the end of the world – ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก
- บทที่ 593 สัญชาติญาณแห่งการต่อสู้และหลบหนี
บทที่ 593 สัญชาติญาณแห่งการต่อสู้และหลบหนี
SC:บทที่593 สัญชาติญาณแห่งการต่อสู้และหลบหนี
ฮึ่ม!
หลังจากโดนหลินเฉิงดุเหม็งหยี่ก็บ่นพึมพัม ฉันโดนนายขมขู่มานะ นี่กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? แล้วก็เพราะว่า B001 นั้นค่อนข้างจะคงที่ เพราะงั้นพวกนักวิจัยคนอื่นๆก็แทบไม่จำเป็นที่จะต้องมาเช็คบ่อยๆ ดังนั้นปิดมันไปชั่วคราวก็ไม่เป็นไรน่า…
ได้ยินดังนั้นหลินเฉิงก็โล่งอกขึ้นนิดหน่อยแต่เมื่อพิจารณาถึงโอกาสที่ได้มาจากการปิดกล้องวงจรปิดครั้งนี้ หลินเฉิงก็ไม่คิดว่ามันจะมีเวลาเยอะขนาดเอ้อระเหยนัก เพราะงั้นเขาจึงรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหา B001 ทันที
เมื่อถึงB001 ที่ชื่อชิงหยาแล้ว หลินเฉิงก็สั่งเกตเธออยู่ครู่หนึ่ง เธอนั้นไม่ได้ตอบสนองอะไรเขาจึงคุกเข่าลงไปและมองเธอ ซึ่งเธอเองก็มองเขาด้วยอย่างระมัดระวังพร้อมกับความสงสัย
เธอคนนี้มีผมที่ดำมากๆและดูนุ่มสุดๆเขาคิดว่าพวกนักวิจัยน่าจะช่วยเธออาบน้ำอยู่เรื่อยๆ ช่วงล่างนั้นสวมกางเกงกีฬาขายาว ส่วนช่วงบนนั้นมีแค่เสื้อแขนสั้นเท่านั้น แขนของเธอที่โผล่พ้นเสื้อมานั้นเล็กจนเหมือนตะเกียบ ผิวก็ขาวซีด ภายใต้การสังเกตของหลินเฉิงนั้น แม้แต่เส้นเลือดตามแขนยังเห็นได้ชัดเจนเลย
ขณะที่หลินเฉิงนั้นเกือบจะไปอยู่ที่หน้าเธอแล้วชิงหยาก็ยังไม่ได้ตอบสนองอะไร หัวของเธอยังมุดลงไปในแขน ถ้าไม่ได้ยินเสียงลมหายใจที่แสดงให้เห็นว่าเธอยังมีชีวิต หลินเฉิงคงได้นอนไม่หลับไปอีกคนแน่ๆ
แปลก…
มองไปยังเด็กสาวที่ดูไม่ต่างอะไรกับคนทั่วไปในมุมต่างๆเว้นเสียแต่ตัวเธอนั้นแห้งจนเป็นตะเกียบไปหมดหลินเฉิงช่วยอะไรไม่ได้นอกเสียจากยืนขึ้นและลูบแก้มตัวเองก่อนจะมองไปรอบๆตัวเธออยู่หลายครั้งพร้อมบ่นไปด้วย
ฉันเพิ่งจะบอกไปว่าจะไม่มีใครได้อะไรไปจากเธอทั้งนั้น….ตอนนี้เธอกลายเป็นศพเดินได้ไปแล้วนอกจากลมหายใจและการที่ไม่ทำร้ายมนุษย์นี่ เธอเองก็ไม่ต่างกับตายไปแล้ว…
เห็นหลินเฉิงมองไปรอบๆตัวชิงหยาเหม็งหยี่ก็เตือนเขาหลังจากที่มองเวลามา 3-4 รอบแล้ว
อึก…
ได้ยินเหม็งหยี่พูดหลินเฉิงก็หยุดและนั่งคุกเข่าลงไปอีกครั้งเขามองไปยังชิงหยาผู้ที่ซึ่งยังคงไม่สนใจอะไรที่เกิดขึ้นรอบตัวเธอก่อนจะพูด สาวน้อย เธอได้ยินฉันมั้ย?
…
ในการที่จะตอบสนองหลินเฉิงนั้นเธอก็ยังคงเงียบใส่ และหลินเฉิงเองก็ไม่ได้ใจเย็นขนาดรอได้ เขาเริ่มพูดต่อในทันที ฉันเสียใจนะ กับอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับเธอ แต่การกระทำของเธอในตอนนี้น่ะ จะเป็นตัวกำหนดว่าเธอต้องการจะอยู่ที่นี่แล้วตายไป หรือหนีออกไปเพื่อทำในสิ่งที่เธอต้องการจะทำ
นาย…
เมื่อเห็นหลินเฉิงนั้นกำลังหลอกชิงหยาเหม็งหยี่ก็ยกมือปิดหน้า เธอนั้นหมดหวังกับความคิดของชายคนนี้จริงๆ
ครึ่งนาทีต่อมาชิงหยาเองก็ยังไม่ได้ตอบสนองต่อคำพูดของหลินเฉิง เมื่อเห็นดังนั้นหลินเฉิงก็ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อยและยืนขึ้น หยิบบุหรี่ออกมาและจุดสูบ สายตาของเขานั้นดูสับสนก่อนจะมองกลับไปยังเธอเพื่อจะเตรียมตัวออกไป
*แปะ*
ในจังหวะที่หลินเฉิงหันหน้าไปมาแสงไฟน้อยๆนั้นปรากฏขึ้นในห้อง และนั่นทำให้หลินเฉิงรู้สึกได้ถึงข้อมือที่โดนแขนเย็นๆเล็กๆจับไว้ เมื่อเขาหันไปมอง เขาก็ต้องตกใจว่านั่นเป็นมือของชิงหยาที่ซึ่งนั่งมุดหัวลงไปในแขนอยู่ เธอกำลังจับมือเขาไว้เบาๆและมองเขาด้วยแววตาสีเทาดำ เธอนั้นผอมและผิวเองก็ขรุขระ แต่ชัดเจนเลยว่ามือเล็กๆของเธอนั้นกำลังขีบแขนเขาอยู่!
เป็นไปได้ยังไงน่ะ!!
เหม็งหยี่ที่คอยเฝ้ามองชิงหยาอยู่เรื่อยๆนั้นก็เพิ่งได้เห็นอีกฝ่ายขยับก็ตอนนี้แหละหัวใจของเธอมันสั่นไหวไปหมด ภาพของสองคนตรงหน้านี้มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมากๆ!
หืม…
หลินเฉิงที่กำลังช็อคอยู่ในตอนนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนเหม็งหยี่เขาอ้าปากขึ้นและหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันไปอีกครั้งเพื่อมองชิงหยาดีๆ
แน่นอนว่าเขานั้นไม่รู้เลยว่าชิงหยายังมีสติอยู่แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ประหลาดต่างๆรวมถึงผู้มีพลังพิเศษบ่อยๆ เพราะงั้นเขาจึงไม่รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงน้อยๆเช่นนี้ การที่ต้องเจอกับพวกผู้มีพลังพิเศษหรือกับพวกสัตว์ประหลาดต่างๆนั้น เขามักจะพึ่งสัญชาติญาณของตัวเองไปซะทั้งหมด!
สัญชาติญาณที่คอยตอบสนองต่อศัตรูแบบนี้หลินเฉิงเรียกมันว่า การตอบสนองสำหรับการต่อสู้และหลบหนี เมื่อร่างกายเขาแสดงอาการแบบนี้ออกมา เขาจะรับรู้ได้ทันทีเลยว่าถึงเวลาที่เขาต้องต่อสู้แล้วหรือไม่ก็ให้เตรียมรับมือกับพายุ
ในขณะเดียวกันเหม็งหยี่นั้นเคยบอกเขาว่า ชิงหยาไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ซึ่งนี่ทำให้เขาสงสัยว่า เด็กสาวที่เป็นเพียง 1 เดียวจาก 300 กว่าคนที่รอดมาได้นั้น อยากจะทำอะไรกันแน่?
ชายผู้ที่ไม่สามารถออกจากสัญชาติญาณแห่งการต่อสู้ได้ทั้งๆที่มันไม่เคยทำงานกับผู้ที่มีพลังแบบทั่วๆไปมาโดยตลอด เพราะงั้นแล้ว พลังของเธอไม่ใช่น้อยๆแน่ แต่ถ้ามีพลังระดับนี้จะทำอะไรก็ย่อมได้อยู่แล้ว แต่กระนั้นตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา เธอกลับไม่ทำอะไรเลยที่ดูพิเศษกว่าคนอื่น หลินเฉิงไม่ได้คิดว่าเด็กสาวคนนี้จะใจเย็นหรอกนะ เพราะงั้นสิ่งเดียวที่อธิบายเรื่องนี้ได้ นั่นคือ แม้เธอจะทรงพลังก็จริง แต่สมองของเธอก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก มากขนาดที่ทำให้คิดแบบคนธรรมดาไม่ได้!
เมื่อหลินเฉิงตัดสินใจที่จะติดต่อกับชิงหยาโดยตรงมันยิ่งทำให้เขามั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าเธอคนนี้ไม่ปกติ IQ เองก็เป็นปัญหาใหญ่ เธอเหมือนเด็กที่พกระเบิดอตอมมิคไว้ในมือ หากแต่เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เธอจำรหัสสั่งการให้ระเบิดไม่ได้
เพราะแบบนี้เขาถึงได้ถามเธอว่าจะอยู่ที่นี่หรือจะออกไป หากยึดตามการคาดเดาก่อนหน้าของเขาเกี่ยวกับเธอคนนี้ ซึ่งจากปากคำของเหม็งหยี่ เธอนั้นไม่ใช่ซอมบี้ และเธอเองก็ไม่ใช่พวกที่จะไม่เข้าใจอะไรเลยเหมือนคนโง่ เธอแค่ต้องการให้ใครซักคนมาชี้แนะ หรือจะบอกได้ว่ารอให้ใครซักคน มากดปุ่มให้เธอทำงานอีกครั้ง! และรหัสสั่งระเบิดสำหรับเธอที่หลินเฉิงคิดไว้อยู่นานและสรุปออกมาในท้ายสุดเป็นเพียง 4 คำสั้นๆอย่าง ออก จาก ที่ นี่ เท่านั้น!
สำหรับเด็กที่มีปัญหาเรื่องIQ อย่างเธอ คงจะพูดยาวๆด้วยไม่ได้ รวมไปถึงคำถามอื่นๆที่เกี่ยวกับความแข็งแกร่งหรืออะไรก็ตามก็คงจะไม่ได้เช่นกัน และนั่น คือเหตุผลที่เหล่านักวิจัยไม่สามารถเข้าถึงแก่นแท้ของเธอได้ นั่นเพราะตั้งแต่ที่เธอตื่นขึ้น สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในสมองเธอ สิ่งที่หมกมุ่นอยู่ตลอดเวลานั่นคือ สิ่งที่เธอคิดก่อนจะตาย ออกจากที่นี่ !
นายทำอะไรลงไปเนี่ย!
เมื่อเห็นหลินเฉิงนั่งย่ออยู่ตรงหน้าชิงหยาอีกครั้งเหม็งหยี่ก็มองทั้งสองอย่างระมัดระวัง เธออดกลั้นไม่ได้อีกแล้วก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหลินเฉิงอีก 3 ก้าวและถามเขาด้วยความกระวนกระวาย!