I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 176
ตอนที่ 176 โจร 7 สี
*** ทำความเข้าใจก่อน ตั้งแต่ตอนที่ 166 มาผมแปลจีนมา ซึ่ง ชื่อคน ชื่อหนัง บริษัท มันไม่ตรงกับของเดิม (Eng)ที่เคยแปล ซึ่งบางชื่อ ผมสามารถหาเทียบได้ก็จะแก้ให้ แต่หลังๆมามันหาเทียบไม่ได้ จึงขอใช้ชื่อไทยไปนะครับซึ่งมันอาจจะแปลกๆไปหน่อย ก็ขออภัยด้วย
” สวัสดี คุณวิลเลียม ฉันชอบหนังเรื่อง《Running Out of Time》ของคุณมาก หนังเรื่องนี้ไม่เพียงแต่บทดี เพลงประกอบด้านในก็ดีมากๆอีกด้วย โดยเฉพาะตอนพบกันโดยบังเอิญบนรถโดยสารสาธารณะ 《รักไร้ภาษา》ได้ยินมาว่าเพลงนี้คุณแต่งด้วยตัวเอง นี่ทำให้คนดูยิ่งประหลาดใจมากจริงๆ ” เมื่อเอริคทักทายเสร็จ เควนซ์ จึงเริ่มเปิดบทสนทนาทันที เขายังคงพูดถึงหนังขอเอริคที่กำลังฉายอยู่นั้น
《Running Out of Time》แม้ว่าเอริคจะดีใจที่หนังของเขาได้รับเรตติ้งมากมาย แต่เขากลับไม่รู้สึกดีใจอะไรมากมายนัก
เอริคยิ้มอย่างถ่อมตน ” ที่จริงแล้วคนแต่งเพลงประกอบก็พยายามมาก ฉันแค่หาแรงบันดาลใจเพิ่มนิดหน่อย “
” ไม่ อย่าพูดอย่างนี้ สำหรับเพลงนั้น แรงบันดาลใจถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ” เควนซ์ตอบกลับทันใด
ลอเรนซ์ เบนเดอร์ที่อยู่ด้านข้างกระวนกระวายนิดหน่อย เขารู้ว่าเขามีโอกาสพบเอริคแค่ 1 ชั่วโมง แม้ว่าจะคุยเรื่องเพลง เรื่องหนังเพื่อเข้าถึงเอริคบ้าง แต่ก็ไม่สามารถเสียเวลามากนัก แต่เขาก็ไม่กล้าตัดบทสนทนาของทั้งสองคน เขาจึงส่งสายตาให้เควนซ์ เล็กน้อยเท่านั้น
เอริคเห็นลอเรนซ์ เบนเดอร์มีท่าทางกระวนกระวายใจ ก็ไม่คุยกับเควนซ์ต่อมากนัก ก่อนจะพูดไปว่า ” พวกเราไปพักคุยในกันในห้องเถอะ กินอาหารในห้องทำงานด้วยกันได้ตามสบายเลยนะ ดูเหมือนพวกคุณจะยังไม่ได้กินข้าว “
” แน่นอน ขอบคุณมากๆ คุณวิลเลียม “
” เรียกฉันว่าเอริคก็พอ ” เอริคตอบ มองไปไม่ไกลนัก ” พวกคุณรอสักครู่ ” พูดจบก็รีบเดินไปทางดรูว์และแอนนิสตัน ดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังจะมีเรื่องกันยังไงยังงั้นเลย ถ้าขืนเขายังคุยอยู่ตรงนี้ต่อไปเขาคงโดนสองสาวนั้นเล่นเอาชุดใหญ่แน่
” อื้ม ดรูว์ เจนนี่ คุยอะไรกันอยู่งั้นหรอ ? ” หลังจากเดินเข้าไปใกล้ ก็จ้องไปที่ทั้งคู่ ดูเหมือนว่าหญิงสาวทั้งสองพร้อมที่จะมีเรื่องกันตลอดเวลา
สาวน้อยมองไปที่เอริค ก่อนที่จะยอมแพ้ทันที เธอเลิกเผชิญหน้ากับแอนนิสตัน เธอวิ่งไปควงแขนเอริค ทำท่าจะพูด ” หล่อนเริ่มก่อน เอริค ฉันแค่จะทักทายหล่อน จากนั้นหล่อนก็โกรธ แล้วก็โมโหนิดหน่อย “
” เพราะเธอ….” แอนนิสตันแสดงท่าทีโกรธอย่างมากออกมา แต่เธอกลับไม่จ้องไปที่ดรูว์ เธอจ้องมองเอริค นี่ทำให้เอริคจับต้นชนปลายไม่ถูก ได้แต่ถามไปว่า ” สาวน้อย คุณทักทายเจนนี่ยังไงเหรอ ? “
ดรูว์ดูเหมือนว่าจะไม่สนใจท่าทางโกรธของแอนนิสตัน ยักไหล่แล้วพูดว่า ” ก็ไม่ยังไง หล่อนออกมาจกห้อง ฉันแค่ก็ตีก้นเธอไปทีนึง พูดประโยคนึง ‘สาวอ้วน ก้นเธอนี่แน่นกลมไม่เปลี่ยนเลยนะ ‘หลังจากนั้นหล่อนก็โกรธเลย “
เอริคถอนยิ้มมุมปาก ไม่ต้องดูแววตาที่โกรธแค้นของแอนนิสตันเลย ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหล่อนโกรธ ประโยคนี้ของดรูว์ ทำให้เธอไม่สบอารมณ์มากๆ แม้จะดูเหมือนว่าไปล้อปมด้อยเรื่องอ้วนเล็กน้อย แต่เจนนี่ รู้สึกเป็นปมด้อยที่สุดเมื่อถูกพูดถึง เขาคิดว่าเขาควรจะเตือนดรูว์ถึงเรื่องนี้
เมื่อคิดได้แบบนี้แล้ว เอริคก็ปล่อยแขนดรูว์ เขาเดินเข้าไปกอดแอสนิสตันแล้ว อธิบายข้างหูเธอว่า : ” เอาล่ะเจนนี่ ที่ดรูว์พูด มันทำให้คุณไม่สบอารมณ์อย่างนี้ คุณก็อย่าไปคิดมาก เดี๋ยวฉันจะจัดการเธอเอง “
” คุณรับประกันนะ ? ” แอนนิสตันตาเป็นประกาย
เอริคตบหลังหญิงสาวเบาๆ ” ฉันสาบาน ฉันจะทำอย่างนั้น… “
” อื้ม…. ” หลังจากหญิงสาว ยอมรับเรื่องราวทั้งหมด เธอก็บอกลาเอริค ” แขกสองคนนั้นยังรอคุณอยู่ คุณไปจัดการพวกเขาเถอะ ฉันจะไปกินข้าวแล้ว “
” ฉันก็จะไปกินข้าวแล้ว ไม่รู้ว่าข้าวกลางวันของที่นี่เป็นยังไงบ้าง ” สาวน้อย กรอกตาไปมองเอริค ก่อนที่จะเดินออกไป
” ที่นี่เป็นสตูดิโอนะ พวกเธอสองคนอย่าทำให้วุ่นวายเด็ดขาด สงบหน่อย ” เอริคไม่วางใจ เขาพูดประโยคกันท่าไว้
” เห้ย !”
” นี่ต้องให้คุณบอก ? “
หญิงสาวทั้งสองก็ไม่ตอบอะไรต่อ ต่างแยกย้ายกันไป
เอริคมองหญิงสาวทั้งสองคนเดินแยกไปคนละทาง ถึงจะวางใจพาลอเรนซ์ เบนเดอร์ และ เควนซ์ ทาเรนติโน่ เดินไปที่ห้องพักรับรอง ในตอนนั้นเองเขาได้กำชับให้ผู้จัดการนำอาหารมาให้ 3 ชุด
” ดรูว์เอาเรื่องนี้มาพูดกับฉันแล้ว อย่างนั้น ให้ฉันดูบทหน่อยได้ไหม ? ” ในห้องพักรับรอง เมื่อนั่งลง เอริคจึงเริ่มพูด
” แน่นอนไม่มีปัญหา ” ลอเรนซ์ เบนเดอร์หยิบบทหนาๆขึ้นมาจากกระเป๋า ยื่นไปด้านหน้าเอริค
เอริคมองชื่อบท มันไม่ใช่เรื่อง 《Reservoir Dogs》และก็ไม่ใช่เรื่อง 《Pulp Fiction》แต่เป็น 《โจร 7 สี》เห็นชื่อนี้ ในใจเอริกก็ตื่นเต้นขึ้นมา แต่เปิดดูบทแล้วเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ
แม้ว่าอ้างอิงจากชื่อของเรื่องนี้แล้ว เอริกก็พอจะเข้าใจบางส่วน หนังเรื่องนี้มีส่วนที่เหมือนกับ 《Reservoir Dogs》หลายจุด ‘โจร 7 สี’มีโจร 6 คนที่ขโมยมุกหยกจากร้านเหมือนกับ 《Reservoir Dogs》เอริคก็พอจะเข้าใจสถานการณ์เบื้องต้น มันมีนักเขียนมากมายแล้วที่เขียนบทคล้ายๆกันออกมาก่อนหน้านี้ ที่จริงแล้วเมื่ออ่านชื่อเรื่องในใจเขาก็นึกถึงหนังในชีวิตก่อน เพียงแต่มีการเขียนบทคนละเวลากัน แน่นอนว่าเนื้อเรื่องก็ต้องต่างกันมาก
หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถเขียนบทต่างๆให้คล้ายกันได้อย่างนี้ ต้องถือว่าเอริคนั้นโชคดีที่เจอเรื่องอย่างนี้
ผู้จัดการนำอาหาร 3 ชุด และน้ำเข้ามาเสิร์ฟ
” เควนซ์ ลอเรนซ์ พวกคุณกินก่อน ไม่ต้องสนใจฉัน ” เอริคเงยหน้ามองไปที่แขกทั้งสองคน
” แน่นอน ขอบคุณ ” เควนซ์และลอเรนซ์หยิบอุปกรณ์ทานอาหาร เปิดกล่องข้าว กินไปไม่กี่คำ แต่ภายใต้สถานการณ์ของสองคนนั้น เป็นใครก็กินไม่ลง มันกลับเหมือนนักเรียนที่รอผลสอบ หลังจากรอเอริคก้มหน้าอ่านบท ทั้งสองคนกินข้าวอย่างช้าๆและก็หยุดลงอีกครั้ง
เอริคก็สังเกตท่าทางของทั้งสองคน แต่เขาก็ไม่พูดอะไร เขายังคงเปิดบทหน้าต่อๆไป
บทของ《โจร 7 สี》เห็นได้ชัดว่ามันไม่ต่างไปจากเรื่อง 《Reservoir Dogs》ในชีวิตก่อนของเขานัก ยังคงเป็นโจรชุดดำที่ต่างก็แย่งกันขโมยจากร้านมุกหยก ในเรื่องพวกโจรทั้ง 6 นั้นถูกตำรวจดักจับ แต่จากชื่อก็มองออก ว่ามันมีเหตุการณ์ที่ทำให้โจร 6 คนกลายเป็น 7 คนแล้ว
แน่นอนว่า ในเรื่องนี้นี้เควนซ์ยังคงเขียนเหมือนอย่างชีวิตก่อนนั้น มันคล้ายกับบทหนังฮ่องกงเรื่อง 《City on Fire》นั้นทำให้เอริคคิดถึงข่าวลือบางอย่างในชีวิตก่อนนั้น สุดท้ายนี้เควนซ์ ก็ทำให้หนังน่าสนใจคล้ายกับเรื่อง 《City on Fire》แต่เอริคดูแล้ว เหมือนว่าพวกเขาต้องการสร้างในแบบฉบับของตัวเองมากกว่า
เพราะเนื้องเรื่องบางฉากมันมีความขัดแย้งกัน เอริคใช้เวลากว่า 20 นาทีก็อ่านบท 100 หน้านั้นจบ
หลังจากวางบทลง เอริคมองที่สีหน้าวิตกของทั้งสองคน พยักหน้า ” ไม่เลวเลย พวกเรากินข้าวก่อนเถอะ “
เควนซ์และลอเรนซ์โล่งอก ถึงแม้ว่าเอริคจะพูดอย่างนี้ นั้นทำให้การลงทุนในหนังเรื่องนี้มีโอกาสที่จะเป็นไปได้มาก เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ ลอเรนซ์ ได้เขียนงบประมาณ
การถ่ายทำไว้ด้วย มันอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านดอลล่าร์
ทั้งสองคนต่างเชื่อในสไตล์การทำหนังของตัวเอง พวกเขาควรจะทำให้เอริคสนใจได้
งบประมาณถึง 10 ล้านดอลล่าร์ พวกเขาเชื่อว่าด้วยสถานะของเอริคในตอนนี้ ลงทุนในหนังเรื่องนี้จะไม่มีปัญหาอะไร ที่จริงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาต้องการกำกับหนังเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ทั้งสองคนคงไม่เลือกเอริคแน่
หลังจากนั้น เควนซ์และลอเรนซ์ กินมื้อกลางวันอย่างสบายๆ พวกเขารออยู่นอกสตูดิโอ fox มาสองชั่วโมง ทั้งสองคนก็ท้องว่างไปหมดแล้ว
กินมื้อกลางวันแล้ว เอริคถึงจะหยิบบทขึ้นมาอีก ” ได้ยินดรูว์พูดมาว่า พวกคุณสองคนตั้งใจจะกำกับหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ? “
” ใช่ๆ เอริค ก่อนหน้านี้พวกเรา ……พวกเรามีประสบการณ์เคยกำกับมาแล้วเรื่องนึง ดังนั้นฉันรู้สึกว่าพวกเราน่าจะจัดการบทได้โดยไม่มีปัญหาเลย “
เอริคพยักหน้าอย่างสบายๆ เขาเปิดผ่านไปมาอีกไม่กี่หน้า ถึงพูดว่า ” ตอนนี้พวกคุณมีบริษัทหนังเป็นของตัวเองถูกไหม ? “
ทั้งสองคนไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดีๆเอริคถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา จ้องตาไป ลอเรนซ์ เบนเดอร์ถึงจะพยักหน้า ” ใช่สิ ชื่อว่า Band-Apart ชื่อเควนซ์เป็นคนตั้ง เขาได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง 《Band of Outsigers》ของ Jean-Luc Godard เรื่องนั้น “
เอริครู้จักหนังเรื่อง《Kimg Lear》 ของ Jean-Luc Godard ที่เคยมีชื่อเสียง แต่ไม่เคยได้ยินชื่อ《Band of Outsuders》 ดังนั้นก็ไม่เข้าใจความหมายของชื่อบริษัทหนังนี้อยู่ดี
” งั้นเอาอย่างนี้ ลอเรนซ์ เควนซ์ สนใจอยากเข้าร่วมกับ Firefly ไหม ? “
” หืม ? “
เอริคอธิบาย ” ที่จะพูดคือ พวกคุณทั้งสองคนก็มีบริษัทผลิตหนังอยู่แล้ว สนใจมาเข้าร่วมกับบริษัท Firefly ของฉันไหม ? พวกคุณก็รู้ตอนนี้บริษัทของฉันกำลังขยายตัว “
เควนซ์และลอเรนซ์จ้องตากัน พวกเขาแน่นอนว่ารู้จักบริษัท Firefly เป็นอย่างดี บริษัทหนังแห่งนี้ถึงแม้ว่าเอริคจะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาก็จริง และหนังส่วนใหญ่ที่สร้างก็เป็นหนังของเอริคแทบจะทั้งหมด แต่ถึงยังงั้นมันก็ยังไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าพวกเขาเข้าร่วมแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่ที่พวกเขาทั้งสองคนสงสัยคือทำไมเอริคถึงชวนคนที่ไม่มีตัวตนในวงการหนังอย่างพวกเขามาเข้าร่วมกับบริษัทของเอริคกัน พวกเขาสองคนไม่เข้าใจเอริคเลยว่าทำไมถึงสนใจพวกเขา ไม่ว่าจะยังไงก็คิดถึงเหตุผลนั้นไม่ออกเลยแม้แต่น้อย