I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 177
ตอนที่ 177 เปลี่ยนชื่อ
เอริคไม่ได้พิจารณาถึงใจของทั้งสองคน เควนซ์และลอเรนซ์ไม่ได้ตอบตกลงในทันที เขาก็ไม่พูดถึงหัวข้อนี้อีก แค่ต้องการให้การร่วมงานครั้งนี้มีความสุข จากนั้นเขามั่นใจว่า พวกเขาต้องเข้าร่วมกับ Firefly แน่นอน เอริคดูนาฬิกาข้อมือแล้ว พูดว่า ” เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ เหลือเวลาไม่มากแล้ว เรายังต้องคุยบทกันอีก หนังเรื่องนี้ฉันลงทุนได้ อีกทั้งงบประมาณก็ไม่ต้องจำกัดที่ 10 ล้านดอลล่าร์หรอก พวกคุณสองคนถ่ายทำได้เต็มที่ “
เควนซ์และลอเรนซ์ยังคงลังเลคำเชิญเข้าร่วม Firefly ของเอริค แต่มองอีกฝ่ายแล้วเหมือนว่าไม่ยากที่จะวางแผนเรื่องนี้ ทั้งสองคนรู้สึกสูญเสียในเวลาเดียวกัน ความรู้สึกผิดทิ่มแทงพวกเขา โอกาสที่หาได้ยากอย่างครั้งนี้ มันน่าเสียใจที่ไม่ตอบตกลงทันที อารมณ์ในตอนนี้ทำให้ทั้งสองคนก็ไม่สามารถกลับไปพูดเรื่องนี้กลับเอริคได้ทันที ตลอดจนเอริคพูดจบเงยหน้ามองสองคน ลอเรนซ์ถึงจะตอบกลับไปก่อน พูดด้วยสีหน้ามีความสุขว่า ” เอริค คุณพูดจริงไหม ? “
เควนซ์เวลานี้เองก็ตอบกลับเช่นกัน มองเอริคด้วยสีหน้ามีความสุข
เอริคพยักหน้าอีกครั้ง ” แน่นอนว่าจริง แต่ฉันมีเงื่อนไขไม่กี่ข้อ “
สองคนแสดงท่าทางสนใจจริงจัง
ในตอนนั้นเองพวกเขาถอนหายใจ ถ้าเอริคตอบตกลงในเรื่องการลงทุน และมีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม นั่นก็โอเคแล้ว ทั้งสองคนแค่หวังว่าเอริคจะไม่ขัดการถ่ายทำของพวกเขา
“ก่อนอื่นเลย นักแสดงของหนังต้องเป็นนักแสดงที่เลือกมาจากบริษัท UTA แห่งนี้ทั้งหมด พวกคุณรู้จัก UTA ไหม ? ” พูดถึงตอนสุดท้าย เอริคถามประโยคนี้อย่างไม่แน่ใจ ช่วงนี้เขาสนใจการประชาสัมพันธ์ของ UTA น้อยมาก แค่บางครั้งคาปูร์ติดต่อไปบ้าง เขารู้แค่สถานการณ์รวมๆของบริษัทแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ละเอียดมากนัก เพราะชื่อเสียงของเขายิ่งนานวันยิ่งมากขึ้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกังขา เขาจึงไม่ค่อยได้เข้าไปดูแลงานของ UTA มากเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะสื่อหยิบเรื่องการตลาดของ UTA มาถากถางเรื่องนี้หรอก แต่มันกลับไม่มีกระแสอะไรเลย ที่จริงแล้วกระแสต่อต้านของอเมริกานั้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิดไว้ ก็อย่างเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะกฎหมายที่พาราเมาส์พิกเจอร์ เสนอนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทหนังต่างๆ ค้านต่อกฎของการจัดการโรงภาพยนตร์ จากกฎนี้ทำให้บริษัทหนังในตอนนี้ไม่มีแรงดึงดูดเท่าไหร่นัก
ได้ยินคำถามของเอริค ลอเรนซ์ เบนเดอร์รีบพยักหน้าพูด : ” แน่นอน เราเข้าใจดี ” พูดจบลอเรนซ์ สายตาอ้อนวอน ก่อนจะพูดว่า ” เงื่อนไขนี้ไม่มีปัญหา “
” ที่เหลือก็คือ บทก็ต้องแก้ไขอีกนิดหน่อย…. ” เอริคพูดจบ เควนซ์แสดงสีหน้าไม่พอใจทันที แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมากนัก เอริคแค่ยิ้มเล็กน้อย ” วางใจเถอะ ด้านเนื้อหาฉันพอใจแล้ว แค่ชื่อ 《โจร 7 สี》แปลกไปหน่อย ฉันคิดถึงชื่อที่ไม่เลวอีกอันนึง “
ในตอนนั้นเควนซ์โล่งอก แต่ลอเรนซ์ กลับโล่งอกยิ่งกว่ามาก ถ้าเอริคบังคับให้เปลี่ยนบทล่ะก็ลอเรนซ์กังวลว่าเพื่อนสนิทของเขาจะต่อต้าน เมื่อตกลงจะร่วมงานกันแล้ว เอริคแค่ต้องการเปลี่ยนชื่อหนัง นี่ทำให้เขาสามารถรับได้
เอริคก้มหน้าหยิบปากกาเขียนคำสองคำลงบนบท ยื่นให้ฝั่งตรงข้าม
เควนซ์และลอเรนซ์กำลังจะเก็บเข้ากระเป๋า อ่านออกเสียงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ” 《Reservoir-Dogs》? “
” ใช่ 《Reservoir-Dogs》” เอริคยิ้มกรุ้มกริ่ม ” ฉันรู้สึกว่า ชื่อนี้เข้ากับบทมาก
ครั้งนี้ลอเรนซ์ เบนเดอร์กลับมองไปที่เควนซ์ เควนซ์ยื่นนิ้วชี้มาเกาหน้าผากตัวเอง สับสนอยู่สักพัก ถึงจะพยักหัว ” เอาเถอะ ก็ชื่อ 《Reservoir-Dogs》เถอะ ” ที่จริงแล้วในใจเขารู้สึกว่าชื่อนี้ดีกว่าชื่อที่แล้วมาก เขาแค่คนเขียนบท ชื่อหนังถูกคนหนุ่มที่นั่งตรงข้ามนี้แก้แล้ว ยังไงก็ยังคงงงๆอยู่
” ยังมีอีกนิดหน่อย ฉันรู้สึกว่าโจร 7 สีมีนักแสดงแค่หลักๆ 6 คนก็ไม่เลวนะ ฉันดูบทแล้ว มี 3 คนที่ตาย ดังนั้นมันทำให้บทยืดเยื้อไป และบทสนทนายืดเยื้อไปหน่อย “
เอริคพูดต่ออีก คำแนะนำเล็กๆนี้เขาแค่คิดออกในตอนนี้ ทั้งหมดก็เพื่อทำให้หนังระดับ B นี้ น่าสนใจกว่าเวอร์ชั่นในชีวิตก่อนเพิ่มขึ้น ถ้าเควนซ์ไม่ตกลงแก้ไข จริงๆแล้วมันก็ไม่เป็นไร มันแค่ทำให้การเล่าเรื่องก็ไม่น่าสนใจมากนัก
ถ้าราบรื่นไปตลอด เรื่องนี้จะไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ” ผู้ช่วยชุดดำคนหนึ่งเรียกตัวแทนของโจรมาประชุมกัน เพื่อวางแผนที่จะขโมยเพชรในร้านจิวเวอร์ลี่ ผลลัพธ์ถูกตำรวจล้อมจับ ท่ามกลางการยิงต่อสู้ มีคนตายไปไม่กี่คน ผู้รอดชีวิตหนีไป จากนั้นก็เปิดประมูล สุดท้ายเกิดความขัดแย้งภายใน ทุกคนต่างก็พังพินาศ “
ก็แค่นั้น
” ฉันจะพิจารณาอีกที ” เควนซ์มองในส่วนที่เอริคแนะนำ จริงๆ พวกเขาก็แค่
พยักหน้า แม้ว่าในใจจะต่อต้านไม่อยากแก้ไข แต่เขากลับไม่ปฏิเสธ สุดท้ายจะเป็นยังไง เขายังต้องกลับไปปรึกษากลับเพื่อนสนิทก่อน
” อย่างนั้น ตรงนี้ฉันไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ” เอริคพิงเก้าอี้อย่างสบาย มองไปที่ทั้งสองคน ” พวกคุณยังมีปัญหาอะไรไหม ? “
เควนซ์ดึงบทมาถือ ถึงจะถามว่า ” เอริค เกี่ยวกับ….เกี่ยวกับเรื่องของผู้กำกับ ? “
เอริคยักไหล่ยิ้มๆ ” ถึงแม้ว่าฉันจะตกลงลงทุนให้ แน่นอนว่าฉันย่อมต้องตกลงยอมรับเงื่อนไขของพวกคุณก่อนหน้านี้ด้วย เนื้อหาของหนังเรื่องนี้ฉันไม่เข้าไปเกี่ยว พวกคุณวางใจ ลงมือทำได้เลย สุดท้ายตัดต่อก็ให้พวกคุณจัดการ ” เขาไม่ได้รอคอยหนังเรื่องนี้เข้าโรงภาพยนตร์ ในความทรงจำของเขา หนังเรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก แต่ยอดขายตั๋วกลับไม่ได้ทำให้น่าตกใจอะไรมากนัก และเรตติ้งของนักแสดงก็ไม่เลวเลย เอริคมองถึงข้อนี้มากที่สุด แค่ต้องการให้ 《Reservoir Dogs》ใช้นักแสดงทั้งหมดของ UTA แม้ว่าสุดท้ายจะได้รับชื่อเสียงแค่นิดหน่อย ไม่คืนทุน สำหรับเอริคถือว่าคุ้มค่า