I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 182
ตอนที่ 182 หลากหลายความคิด
หลังจากผ่านงานศพที่แสนเศร้าชีวิตที่เหลือก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป แจ๊กสันลูกชายของเชลบีค่อยๆเติบโตท่ามกลางความรักความดูแลเอาใจใส่ของทุกคน แอนนาที่กำลังตั้งท้องได้มาบอกกับมอรีนแม่ของเชลบีว่าหลังจากที่คลอดลูกของหล่อนออกมาไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงหล่อนจะตั้งชื่อลูกว่าเชลบี เพื่อเป็นการระลึกถึงหญิงสาวผู้มีจิตใจเข้มแข็งหนักแน่นแต่วาสนาน้อยที่จากไป เมื่อมอรีนได้ยินดังนั้นน้ำตาของหล่อนก็ไหลออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ
เทศกาลอีสเตอร์ก็วนมาถึงอีกครั้ง ผู้คนย่านชานเมืองต่างก็กำลังคึกคักมีความสุขกับฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาต่างพากันออกมานั่งปิกนิกชื่นชมบรรยากาศที่สวนสาธารณะ ทันใดนั้นแอนนาก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรง ทำให้ทุกคนนั้นตกใจต่างก็พากันชลมุนช่วยกันอุ้มแอนนาไปยังรถออฟโรดและเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วผ่านฝูงชน ผ่านตลาด ข้ามสะพาน ระหว่างทีเรื่องกำลังดำเนินไปก็มีเสียงเพลงของเมาท์ออร์แกนดังขึ้น เป็นฉากแม่น้ำที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มล้อมรอบ
…. คำบรรยายก็ลอยขึ้นมา…
“Tomorrow-is-another-day,”เอลิซาเบธ เมอร์ด๊อคที่นั่งอยู่ด้านข้างของจูเลียกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น ซึ่งประโยคนี้เป็นประโยคตอนท้ายของหนังสือนวนิยายเรื่อง Gone with the Wind ถึงแม้ว่าประสบการณ์ชีวิตของตัวละครหญิงสาวหลายคนในหนังเรื่อง Steel Magnolias จะเทียบไม่ได้กับชีวิตของ สการ์แลต โอฮาร่าหญิงสาวผู้น่าสงสารในนวนิยายดราม่าเรื่อง Gone with the Wind ก็ตาม แต่ในหนังเรื่อง Steel Magnolias นี้ในช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวด หญิงสาวเหล่านั้นก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ที่รุนแรงออกมาแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ากลับแสดงความเข้มแข็งออกมาภายใต้คราบน้ำตาเหล่านั้นแทน แต่อารมณ์ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในฉากที่เรียบง่ายในหนังเรื่อง Steel Magnolias นั้นกลับเทียบไม่ได้เลยกับโลกที่สการ์แลตต้องเผชิญ ฉากรถออฟโรดค่อยๆเคลื่อนตัวไกลออกไป ภาพนั้นเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของความหวังในอนาคต
เมื่อไฟในห้องสว่างขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจกันปรบมือเสียงดังให้กับหนังเรื่องนี้.
“จูเลียหนังเรื่องนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ฉันรู้สึกว่ามุมมองของตัวละครเชลบีนั้นยิ่งใหญ่สมบูรณ์กว่าตัวละครวิเวียนในเรื่อง Pretty Woman เสียอีก”เอลิซาเบธโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูจูเลียอย่างจริงใจ พร้อมกับปรบมือชื่นชมหล่อน
“ขอบคุณ คุณคือ…” จูเลียปรบมือเบาๆไปพร้อมกับมองเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนนี้เมื่อไฟในห้องสว่างขึ้นอีกครั้ง
เอลิซาเบธนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตัวเองให้กับจูเลียรู้จักจึงรีบยื่นมือออกไปด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “ขอโทษนะคะ พี่จูเลีย ฉันเอลิซาเบธ เมอร์ด๊อค พี่เรียกฉันว่าลิซเฉยๆก็ได้นะ”
“สวัสดีลิซ” จูเลียยื่นไปจับมือกับเอลิซาเบธอย่างสุภาพ การแสดงออกของหล่อนไม่ได้เปลี่ยนแปลงหรือดูตกใจแต่อย่างใดเมื่อได้ยินนามสกุลนั้น เห็นได้ชัดว่าจูเลียไม่ได้รู้จักนามสกุลเมอร์ด๊อคมาก่อน
เอลิซาเบธเองก็ไม่ได้ถือสาอะไร หล่อนจึงกล่าวถามต่อด้วยเสียงเบาๆว่า “ว่าแต่ว่า ทำไมพี่จูเลียถึงบอกว่าคุณเอริค วิลเลียม น่ารังเกียจละ”
“อ่ะ! ฉัน ….เมื่อกี้ฉันไม่ได้พูดถึงเอ.. คุณวิลเลียม ก็แค่คุณวิลเลียมเป็นคนดีมากคนหนึ่งถ้าไม่มีเขา ตอนนี้ฉันอาจจะยังเป็นนักแสดงตัวเล็กๆที่ไม่มีชื่อเสียงอยู่ก็ได้ ” จูเลียพยายามทำจิตใจให้สงบลง แต่เมื่อหล่อนกล่าวถึงเอริค แววตาที่เปล่งประกายนั้นกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจน
เอลิซาเบธกระตุกยิ้มมุมปาก แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ถามในสิ่งที่จูเลียอึดอัด “พี่จูเลีย พี่เล่าเรื่องของเอริค วิลเลียมให้ฟังได้มั้ย ฉันอยากได้ข้อมูลของหนังที่ประสบความสำเร็จไปเขียนวิทยานิพนธ์จบการศึกษาน่ะคะ”
“ลิซ บางทีเรื่องนี้คุณอาจจะต้องไปถามเขาเป็นการส่วนตัวเองนะ ฉันไม่ได้รู้อะไรมากขนาดนั้น” จูเลียไม่ได้รู้จักมันคุ้นกับนามสกุลของเด็กสาวตรงหน้ามาก่อน แต่เมื่อได้ยินคำถามนั้นหล่อนก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักสนิทสนมกับเอริคมาก่อน บวกกับเอลิซาเบธนั้นเป็นคนที่เปิดเผยอยู่แล้ว จึงยิ่งทำให้จูเลียเริ่มเปิดใจกับเอลิซาเบธมากขึ้น
“ไม่เป็นไร พี่บอกแค่เฉพาะเรื่องที่พี่รู้ก็ได้” เอลิซาเบธรับรู้ได้ว่าความรู้สึกของจูเลียที่ไม่ดีต่อตัวหล่อนนั้นค่อยๆเปลี่ยนไป ดังนั้นหล่อนจึงพยายามถามจูเลียต่อในเรื่องที่ตัวเองสนใจ
ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ดูหนังจบเหล่าผู้บริหารระดับสูงทั้งเจ็ดแห่งต่างก็มีความกังวลอยู่ในใจ
หลังจากที่ดูหนังจบ ไมเคิล ไอสเนอร์ได้แสดงความรู้สึกชื่นชมต่อเอริคออกมาเป็นครั้งแรกในฐานะแขกรับเชิญในงานเท่านั้น แต่ในใจเขากลับไม่เห็นด้วยเลยสักนิด
หนังเรื่อง Steel Magnolia เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน ถึงแม้จะมีบางฉากที่ดูโดดเด่น แต่เค้าโครงเรื่องก็แทบจะไม่ได้ดูเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ซึ่งเค้าโครงเรื่องนี้ไม่ตรงกับรสนิยมของไมเคิล ไอสเนอร์เลย ในฐานะอดีตผู้ช่วยของแบร์รี่ ดิลเลอร์ ที่เป็นผู้ก่อตั้งทฤษฎีหนัง High concept ขึ้น และตัวของไมเคิล ไอสเนอร์เองได้คอยติดตามการทำงานของแบร์รี่ ดิลเลอร์และค่อยๆเรียนรู้ทฤษฎีหนัง High concept อีกทั้งในปีเดียวกัน Paramount ก็เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้ทฤษฎีนี้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นแฟนคลับหนังประเภท High concept แม้กระทั้ง Disney ที่ไมเคิล ดิลเลอร์ควบคุมดูแลอยู่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้ทฤษฎีนี้และเขาก็ยังยืนยันที่จะใช้มันต่อไป
หนังเรื่อง Steel Magnolia ไม่ได้เป็นหนังที่ใกล้เคียงกับทฤษฎีหนัง High concept นี้เลย ถ้าหากจะเปรียบเทียบแล้ว ทฤษฎี High Concept ก็เปรียบเสมือนนวนิยายที่สร้างความสนุกสนานแต่ Steel Magnolia เป็นงานประพันธ์ที่เก่าแก่ ผู้กำกับที่มากประสบการณ์ในการทำภาพยนต์กว่า 20 ปีอย่างเฮอร์เบิร์ต รอสส์ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ใช้บทประพันธ์ในการทำหนังได้อย่างคล่องแคล่ว แต่หนังประเภทนี้กลับไม่ได้เป็นที่สนใจในท้องตลาดมากนัก
ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีโอกาส แต่ก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางความตั้งใจของเฮอร์เบิร์ต รอสส์ที่ต้องการจำหน่ายหนังเรื่องนี้ได้ มิฉะนั้นเขาก็คงไม่มาร่วมงานแถลงข่าวนี้เป็นแน่ เขาให้ความสำคัญกับหนังเรื่องนี้ของเอริค วิลเลียมมาก เพราะหนังสองสามเรื่องก่อนหน้าของเขานั้นประสบความสำเร็จจนน่าตกใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมาร่วมงานแถลงข่าวในครั้งนี้นี่เอง
ผู้ที่นั่งอีกด้านของเอริคคือผู้อำนวยการของ Paramount เนเทอร์ ทาร์ล เขาเองก็มีความคิดคล้ายกับไมเคิล ไอสเนอร์ เพียงแต่ ณ ช่วงเวลาที่ฉายหนังจบ ชายผู้นี้กลับไม่หยุดที่จะพูดคุยโน้มน้าวเอริคเพื่อหวังให้เขาได้ยินถึงรายได้ของหนังเรื่องนี้ที่จะได้จากบ๊อกอฟฟิส เพื่อให้ง่ายต่อการเสนอราคาของตัวเองให้กับเอริค
เป็นเวลา 5 ปีที่แบร์รี่ ดิลเลอร์ออกจาก Paramount ไป จนในปีนี้ผลประกอบการของบริษัทหนังก็ลดลงรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Raiders of the Lost Ark จะสร้างรายได้กว่า 200 ล้านในบ๊อกออฟฟิสของอเมริกาเหนือและกว่า 400 ล้านในบ๊อกออฟิสทั่วโลก แต่เพราะความเผด็จการของลูคัส ฟิล์มและสตีเวน สปีลเบิร์กทำให้ส่วนแบ่งของกำไรที่ได้รับไม่ได้มากไปกว่าเงินปันผลจากหนังเรื่อง The Others ของโคลัมเบียที่ได้ทำสัญญาไว้ ด้วยเหตุนี้ Paramount จึงให้ความสำคัญกับหนังสองเรื่องนี้ของเอริคมาก ถ้าไม่ใช่เพราะ CEO คนปัจจุบันของ Paramount อย่างแฟรงค์ แมนคิวโซแล้วละก็ คนทีมาร่วมงานวันนี้ต้องเป็นแบร์รี่ ดิลเลอร์ไม่ใช่รองอันดับสองอย่างเนเทอร์ ทาร์ล
ถึงแม้หนังเรื่อง Steel Magnolia จะไม่ได้เป็นหนังที่ดีขนาดนั้น แต่ก็เป็นหนังที่เอริค วิลเลียมควบคุมดูแลอยู่ และด้วยความที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับหนัง จึงมั่นใจได้ว่าไม่มีบ๊อกออฟฟิสไหนที่จะมีรายได้ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาห์อย่างแน่นอน
หลังจากที่ดูหนังจบ ผู้ที่มีประสบการณ์มากมายอย่างเนเทอร์ ทาร์ล เขาได้ประเมินไว้ว่าตารางงานของจูเลีย, แซลลี่ฟิลด์และเชอร์ลี่ย์ แมคลีนจะต้องแน่นอย่างแน่นอน และหนังเรื่องนี้จะทำรายได้กว่า 30-50 ล้านดอลลาร์ในบ๊อกออฟฟิสของอเมริกา-เหนือในเวลาอันรวดเร็ว ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Pretty Woman ที่จูเลียแสดงนำจะทำรายได้ทะลุบ๊อกออฟิสของต่างประเทศ แต่เนเทอร์ ทาร์ลคิดว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ได้อยู่ในบ๊อกออฟฟิสของต่างประเทศได้นาน หนังเรื่องนี้เป็นที่นิยมมากในอเมริกาและสามารถทำรายได้ในบ๊อกออฟฟิสทั่วโลกกว่า 30 ล้านดอลลาร์นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากแล้ว
ถ้าสิ่งที่เนเทอร์คิดนั้นเป็นไปตามสิ่งที่คาดการณ์ไว้ ถ้าตัดต้นทุนการสร้างหนังและการจำหน่ายออกไป หนังเรื่องนี้จะได้กำไรอยู่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ ถ้าหากเทียบกำไรกับหนังเรื่องอื่นของเอริคแล้วก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เนเทอร์ ทาร์ลเชื่อว่าเอริคไม่ทำเรื่องราวใหญ่โตเพียงเพื่อหวังกำไรแค่ 10 ล้านดอลลาร์เป็นแน่ แต่ไม่ว่าเนเทอร์ ทาร์ลจะสืบค้นข้อมูลของเอริคด้วยวิธีการใดก็ตาม หนุ่มคนนี้ก็ยังให้คำตอบเหมือนเดิมตามที่ข่าวได้เผยแพร่ไปและให้ผู้คนพิจารณากันเอง
เอริคต้องระมัดระวังตัวอย่างมากที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลของตัวเอง ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้ของเขาจะดีมากก็ตาม แต่ยังไม่รู้ว่าสามารถจำหน่ายในบ๊อกออฟฟิสได้กี่แห่ง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจวางใจได้ 100 % เอริคประเมินว่าหนังเรื่อนนี้จะทำรายได้ให้กับบ๊อกออฟฟิสในอเมริกาเหนือกว่า 100 ล้านดอลลาห์ เพราะชีวิตที่แล้วของเขาหนังเรื่องงนี้ทำรายได้ถึง 80 ล้านดอลลาห์ในบ๊อกออฟฟิส อีกทั้งก่อนจูเลียจะได้แสดงหนังเรื่อง Temptress Moon หล่อนก็สามารถทำรายได้ทะลุบ๊อกออฟฟิสอีกกว่า 20 ล้านดอลลาห์อีกด้วย
แต่การคาดการณ์นี้ก็ยังพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะบ๊อกออฟฟิสในอนาคตนั้นไม่เหมือนในยุคของชีวิตที่แล้วของเอริค เมื่อเป็นเช่นนั้นเอริคถึงต้องรอการกระตุ้นจากผู้คน แต่ถึงจะไม่กล่าวอะไรออกมา ในอนาคตหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ดังเป็นพลุแตกเหมือนกับชีวิตที่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเอริค บริษัท Firefly เป็นเพียงนักลงทุนเท่านั้น นอกจากเอริคแล้วก็มีเพียงจูเลียท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้
เอมี่ ปาร์คาร์กที่นั่งห่างจากเอริคไม่ไกลมากนักก็เป็น 1 ใน 7 บริษัทที่มาร่วมงานแถลงข่าวนี้ และหล่อนก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบหนังเรื่องนนี้ เอมมี่ ปาร์คาร์กเป็นคนหนึ่งที่นิยมหนังเกี่ยวกับสิทธิสตรี ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงชอบดูหนังที่เกี่ยวกับชีวิตของผู้หญิง อีกทั้งในชีวิตที่แล้วหล่อนเป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนหนังที่เชื่อมโยงกับชีวิตผู้หญิงอีกด้วย และหนังที่สร้างชื่อเสียงโด่งดังที่สุดก็คือเรื่อง Charlie’s Angels และด้วยนิสัยอารมณ์ของผู้หญิง หล่อนถูกครอบงำจากความเศร้าและความสุขจากตัวละครในหนัง ในวันหยุดหล่อนเลือกจะไปพักผ่อนในเมืองเล็กๆทางตอนใต้เพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบ
เอมมี่ ปาร์คาร์กรู้ว่าตัวเองและกัลป์ตาร์ ฮันท์ตัวแทนของ Fox ถูกมอบหมายให้มาร่วมงงานแถลงข่าวครั้งนี้ Fox มีสิทธ์จัดจำหน่ายหนังทั้งสองเรื่องของเอริคในปลายปีนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากทรัพยากรทางการตลาดของทางบริษัท Fox แล้ว Firefly จึงตัดสินใจไม่ให้ Fox จัดจำหน่ายหนังอีก ส่วนโคลัมเบียที่มีการเซ็นสัญญากับญี่ปุ่น ซึ่งการตลาดในญี่ปุ่นนั้นเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ Firefly จึงไม่ตัดสินใจให้โคลัมเบียเป็นตัวแทนการจัดจำหน่ายเช่นกัน
ในบรรดาทั้งเจ็ดบริษัทนั้น Warner เป็นบริษัทที่มั่นคงที่สุด เพราะผลประกอบการของ Warner ในปีนี้ดีมาก ถึงแม้ว่า Warner จะได้กำไรไม่มากนัก แต่โชคดีที่เขาเปิดขายในราคาที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมเท่านั้น ถ้าหากไม่ได้รับเงินตามที่หวังไว้เขาก็จะไม่เสียใจ
ในสถานการณ์ที่ Universal Pictures กำลังปั่นป่วนอยู่นั้น ผู้ที่ดูแลบริษัททั้งสองคนก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะจัดจำหน่ายหนังอยู่แล้ว อีกทั้งบริษัท MGM ได้ถูกผู้สร้างหนังเรื่อง Casino Tycoon อย่างเคิร์ก เคิร์กไลน์ถือหางไว้อยู่ เคิร์กแค่อยากให้บริษัท MGM ได้เป็นผู้จัดจำหน่ายอีกครั้ง เพื่อให้ได้ราคาขายที่ดีเขาจึงให้ความสนใจกับความสำเร็จของผลประกอบการครั้งนี้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท MGM ซึ่งไร้อำนาจจึงพยายามที่จะตีสนิทกับผู้บริหารระดับสูงของ Warner ที่นั่งอยู่แถวหน้า เพื่อหวังจะได้โยกย้ายงานออกไป