I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 184
ตอนที่ 184 ต่อต้านสงคราม
ยิ่งเวลาผ่านไปแขกที่มาเข้าร่วมงานปาร์ตี้นั้นมีจำนวนมากขึ้น ไมเคิล ไอสเนอร์อยู่ร่วมงานเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเขาจึงขอตัวกลับทันทีเพราะเขามีงานอีกเยอะที่ต้องจัดการ เอริคจึงเดินออกมาส่งไมเคิล
“เอริค ได้ยินมาว่าเวอร์จีเนียถูกคัดเลือกเข้าชิงรางวัลในฐานะนักแสดงนำของหนังเรื่อง The Others จริงเหรอ ” ไมเคิลถามขึ้นขณะที่พวกเขายืนรออยู่หน้าลิฟต์
เอริคพยักหน้า “ใช่ครับ แต่ถึงอย่างไรแล้วหนังสยองขวัญเรื่องนี้ผมไม่ได้คาดหวังมากว่าจะได้รับรางวัล การส่งเวอร์จีเนียไปก็เพื่อเป็นการสร้างชื่อเสียงให้หล่อนและเพื่อให้ง่ายต่อการจัดจำหน่ายหนังในทวีปยุโรปเท่านั้น “
“แต่ฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าจะได้รับรางวัลชนะเลิศนะ เพียงแค่โฆษณาโน้มน้าวใจ” ไมเคิล ไอสเนอร์กล่าวขึ้น ขณะประตูลิฟต์เปิดออก
“โฆษณาโน้มน้าวใจ” เอริคถามขึ้นขณะกดปุ่มลิฟต์
“อื้อ ใช่” ไมเคิลตอบกลับ “ถึงแม้หนังเรื่อง The Others จะเป็นหนังสยองขัวญก็ตาม แต่ฉันว่าหนังเรื่องนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าค้นหามาก ไม่ว่าจะเป็นการรักตัวกลัวตายของมนุษย์ ความรักของแม่ที่มีต่อลูกทั้งสองคน และที่สำคัญกว่านั้นคือฉากของหนังเรื่องนี้เป็นฉากหลังสงครามในโลกครั้งที่สอง น่าจะเอาธงต่อต้านการทำสงครามใส่เข้าไปในโฆษณาด้วย ฉันคิดว่าหนังสยองขวัญเรื่องนี้ควรชี้ให้เห็นถึงสงครามที่โหดร้ายภายจิตใจของมนุษย์ ร่างกายและจิตใจของนางเองที่เก็บกดมานาน เกรซจึงทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกทั้งสองของหล่อนให้มีชีวิตรอด ตอนนี้ทวีปยุโรปกำลังวุ่นวายมาก ถ้าเราประมาทเพียงนิดเดียวก็อาจทำให้เกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ ดังนั้นการทำโฆษณาเกี่ยวกับการต่อต้านสงครามในหนังเรื่อง the Others จะยิ่งซึมซับเข้าไปในจิตใจคน ขนาดเทศกาลหนังของเวนิสก็ยังแสดงทัศนคติของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนเลย แน่นอนว่าหนังเรื่องนี้จะไม่เสียเปล่า คุณก็รู้ว่าว่าหนังและเรื่องการเมืองมันไม่อาจแยกออกจากกันได้”
ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า เอริคกล่าวชื่นชมไมเคิลอยู่ในใจ ก่อนหน้านี้เอริคถูกปิดกั้นการทำหนังสยองขวัญมาตลอดซึ่งหนังประเภทนี้ไม่เป็นที่นิยมในเทศกาลภาพยนต์ เขาจึงไม่ได้คิดในแง่มุมอื่นเลย “ขอบคุณครับที่เตือนผม คุณไอสเนอร์ ผมจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด”
หนังเรื่อง The Others ไม่เพียงแต่ได้เข้ารอบและรับรางวัลเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นตัวตัดสินความนิยมจากแฟนหนังในอนาคตอีกด้วย เช่นเดียวกับรางวัลออสก้า ที่ทุกคนต่างให้ความสนใจแค่หนังที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ถึงแม้บรรดาหนังที่เข้ารอบเหล่านั้นก็มีคุณภาพไม่น้อยไปกว่าหนังที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเลย แต่ก็ยังมีน้อยคนนักที่จะให้ความสนใจ
ลิฟต์เลื่อนลงไปถึงลานจอดรถชั้นล่างสุด ทั้งสองคนเดินไปยังรถของไมเคิล ไอสเนอร์ซึ่งมีผู้ช่วยของไมเคิลและคนขับรถรออยู่แล้ว
ไมเคิลเข้าไปนั่งในรถ แต่กลับยังไม่ออกรถทันที เขากวักมือเรียกเอริคเข้าไปนั่งในรถ
เมื่อเอริคเข้าไปนั่งในรถแล้ว ไมเคิลจึงกล่าวขึ้นว่า “เอริค คุณคิดว่ายังไงถ้าปีหน้าคุณกับบริษัท Disney จะร่วมมือกัน”
เอริคตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะเขาคิดว่าไมเคิลไอสเนอร์น่าจะพูดเรื่องหนังสองเรื่องวันนี้ของเขา กลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดถึงปีหน้า
เอริคส่ายหน้าแล้วกล่าวขึ้น “คุณไอสเนอร์ เรื่องนี้ผมยังให้คำตอบคุณไม่ได้ตอนนี้ เพราะตอนนี้ผมร่วมมือกับ Fox ก็ยังราบรื่นและมีความสุขดีแล้ว”
ไมเคิล ไอสเนอร์ดูออกว่าเอริคนั้นไม่ได้กล่าวจากใจจริง หากสองบริษัทร่วมมือกันผลประโยชน์ต้องมาก่อนเสมอ ถ้าเกิดความขัดแย้งส่วนตัวเพราะผลประโยชน์ ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายก็ต้องแตกหักกัน จากการพบปะกันหลายครั้ง ไมเคิล ไอสเนอร์เชื่อว่าเอริคจะไม่เป็นคนแบบนั้น
“ไม่ต้องรีบร้อน เอริค คุณค่อยๆคิดก็ได้ ส่วนหนังสองเรื่องวันนี้ บริษัท Disney จะแสดงความจริงใจด้วยการเสนอราคาที่เหมาะสมให้กับคุณ” ไมเคิล ไอสเนอร์กล่าวจบและหยุดไปชั่วขณะแล้วกล่าวต่อว่า “ฉันได้ยินว่า Firefly จะหาช่องทางใหม่ในการจัดจำหน่ายใช่มั้ย จะพูดอย่างไรดีละ คือว่าโรเบิร์ต เชีย ฉันเคยเจอเขาเพียงไม่กี่ครั้ง คนๆนี้เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาก แต่เขากลับไม่มีพรสวรรค์ที่เหมาะสมกับด้านการบริหาร อีกทั้งการบริหารจัดการก็ชอบยึดความคิดตัวเองเป็นหลัก ยังไงก็ไม่เหมาะสม ถ้าจะให้เขามาช่วยจัดการบริษัทของคุณ ฉันคิดว่านั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก “
หลังจากบทสนธนาจบลงเอริคก็ลงมาจากรถและยืนมองรถเบนท์ลีย์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป เขายืนครุ่นคิดถึงสิ่งที่ไมเคิล ไอสเนอร์พูดและเชื่อมโยงกับความทรงจำของเขา เรื่องที่ไมเคิล ไอสเนอร์พูดเกี่ยวกับโรเบิร์ต เชียนั้นตรงกันกับความทรงจำของเขา
ในชีวิตที่แล้วหนังเรื่อง The Lord of the Rings ประสบความสำเร็จอย่างมาก โรเบิร์ต เชียจึงดึงดันจะทำหนังเรื่อง The Golden Compass ต่อ เมื่อหนังถูกฉายออกไปผลตอบรับกลับไม่ได้ออกมาดีเท่าที่ควร และในเวลาเดียวกันเขาก็สูญเสียอิสระและถูกดึงตัวเข้ามาในบริษัทแม่อย่าง Warner ซึ่งเอริคก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด ถ้าช่องทางใหม่ในการจัดจำหน่ายที่เขารับซื้อนั้นราบรื่น เขาตัดสินใจว่าจะให้โรเบิร์ต เชียเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังของเขาเท่านั้น ส่วนเรื่องการสร้างหนังเอริคจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ถ้าหากให้โรเบิร์ต เชียเป็นผู้จัดการรับรองว่าเขาต้องจัดการเองตามอำเภอใจแน่นอน
เอริคทยอยส่งตัวแทนของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงการพูดคุยเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับหนังทั้งสองเรื่องที่พวกเขาสนใจได้ แต่เอริคก็ไม่ได้สัญญาหรือตอบกลับใดๆ หลังจากส่งตัวแทนคนสุดท้ายอย่าง เอมมี่ ปาร์คาร์ก เสร็จแล้ว
เอริคกลับมาที่งานปาร์ตี้อีกครั้ง ปาร์ตี้นี้จัดขึ้นอย่างเป็นกันเอง นักแสดงที่ไม่ได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนัง The Other และ Steel Magnolias หรือแม้แต่คนสนิทของบริษัท Firefly ต่างก็มาปรากฏตัวอยู่ในงานปาร์ตี้นี้ ซึ่งงานปาร์ตี้จะขาดสาวน้อยผู้เป็นที่รักของเอริคไม่ได้เด็ดขาด ดรูซ์เป็นคนหนึ่งที่ชอบเข้างานสังสรรค์มาก เมื่อก่อนหล่อนชอบไปเที่ยวตามไนต์คลับ ต่างๆ แต่หลังจากที่ได้รู้จักกับเอริค ดรูซ์ก็เปลี่ยนไปเด็กน้อยทิ้งพฤติกรรมที่ไม่ดีทุกอย่างเพราะเอริค หล่อนจึงมีส่วนร่วมในงานปาร์ตี้ทุกอย่าง
ดรูซ์ใส่ชุดราตรีสีม่วงแดงยืนอยู่ในงาน เอริคจึงเดินไปเคาะหัวเด็กสาวเพื่อย้ำเตือนไม่ให้หล่อนดื่มแอลกอฮอร์ หลังจากนั้นเอริคก็เดินไปหาเควนติน แทแรนติโนและลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง
“สวัสดียามเย็น เอริค” เมื่อทั้งสองคนเห็นเอริคเดิมมาจึงกล่าวทักทาย
เอริคยิ้มรับแล้วกล่าวว่า “หนังเรื่อง Reservoir Dogs เตรียมการไปถึงไหนแล้ว? “
เมื่อได้ยินเอริคถามขึ้นเควนตินก็ตอบด้วยความตื่นเต้นว่า “ราบรื่นมาก คุณแฮนเซนอำนวยความสะดวกให้พวกเราอย่างมาก นักแสดงก็ถูกจัดเตรียมไปมากกว่าครึ่งแล้ว ถ้าไม่มีอะไรติดขัดคาดว่าเดือนเก้าก็จะเริ่มเปิดกล้องแล้วครับ”
“อื้อ งั้นมากับผม ผมจะพาไปพบมิสเตอร์จิน” เอริคผายมือไปอีกฝั่งแล้วรีบเดินนำทั้งสองคนไปทันที
“เอริค” เมื่อเห็นเอริคเดินเข้ามา เวอร์จีเนียก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที แต่หล่อนก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคิดได้ว่าในนี้เป็นงานสารธารณะ ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเอริคจะสนิทสนมกันมากก็ตาม แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่เหมาะสมที่จะแสดงความสนิทสนมกันในที่แห่งนี้
เมื่อเอริคเห็นท่าทางของเวอร์จีเนียที่ระมัดระวังนั้นเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับโอบกอดและหอมแก้มหล่อนเบาๆ ทำให้หญิงสาวนั้นเขินอายและพยายามที่จะปฏิเสธเขา เอริคถึงยอมปล่อยร่างที่บอบบางของหล่อนแล้วหันไปมองชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหล่อน
“สวัสดี ไมเคิล” เอริคกล่าวทักทายไมเคิล แมดเซนและยื่นมือออกไป
“สวัสดี เอริค” ไมเคิลเองไม่ค่อยชอบเอริคเท่าไหร่นัก จึงแสดงท่าทีเย็นชาต่อหน้าเอริค เวอร์จีเนียที่เห็นท่าทีของพี่ชายตัวเองก็ร้อนใจขึ้นมา ถ้าไม่เพราะว่ากลัวเอริคเห็น หญิงสาวคงหยิกพี่ชายตัวเองไปแล้ว เอริคนั้นไม่ได้ถือสาไมเคิล แมนเซนเท่าไหร่นัก และยังคงกระตือรือร้นแนะนำอีกฝ่ายให้เควนตินและลอว์เรนซ์รู้จัก
“นี่คือไมเคิล แมนเซน ฉันรู้สึกว่าเขาเหมาะสมที่จะรับบทเป็นมิสเตอร์จินในหนังเรื่อง Reservoir Dogs นะ ไมเคิล ทั้งสองท่านนี่คือ เควนติน แทแรนติโนและลอว์เรนซ์ เบนเดอร์ หากมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาสามารถพูดคุยเป็นการส่วนตัวกับพวกเขาได้”
เมื่อรู้ว่าคนที่เอริคแนะนำนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเควนตินและลอว์เรนซ์ทั้งสองคนจึงรีบทักทายไมเคิลทันที อย่างน้อยถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝ่าย อนาคตถ้าได้ร่วมงานกันจริงๆก็จะได้ไม่มีเรื่องขัดแย้งกัน
เมื่อเอิรคเห็นทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน เขาจึงแอบพาเวอร์จีเนียออกมา
“วิกกี้ ได้ยินมาว่าเมื่อเร็วๆนี้เธอได้เซ็นสัญญานักแสดงแล้ว?” เอริคหยิบไวน์จากบริกรแล้วนั่งอยู่มุมด้านในสุดของโซฟา
เวอร์จีเนียเองก็นั่งลงข้างเอริค “ใช่ คาร์พลูแนะนำนะ มีหนังหลายเรื่องที่ติดต่อเข้ามาและฉันเห็นว่าหนังเหล่าก็นั้นก็ดูน่าสนใจดี แต่ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจอยากจะมาถามความคิดเห็นของคุณก่อน”
เอริคโบกมือไปมา “เลื่อนไปก่อน อย่างน้อยก็รอหนังเรื่อง The Others เข้าฉายก่อนแล้วเธอค่อยตัดสินใจอีกที หนังเรื่องนี้คาดว่าน่าเข้าฉายปลายปี ถ้ารายได้ในบ๊อกออฟฟิสไม่ดี ผลกระทบจากหนัง The Others อาจทำให้เธอถูกว่าเอาได้ อีกทั้งค่าตัวของเธอก็ไม่ได้สูงมาก”
“อื้อ ฉันเชื่อคุณ” หญิงสาวพยักหน้า “เอริค พี่ไมเคิลมีทัศนคิติที่ไม่ดีต่อคุณ คุณ …. หวังว่าคุณจะไม่ถือสาพี่ของฉัน”
“ไม่แน่นอน” เอริคตอบกลับอย่างยิ้มๆ “ถ้าหากมีคนมาทำตัวเป็นเจ้าของกับน้องสาวฉัน ฉันเองก็จะแสดงสีหน้าที่เย็นชาแบบนั้นเหมือนกัน”
“อ๊ะ…….” หญิงสาวยิ้มบางๆ แล้วรีบโต้กลับชายที่นั่งข้างๆทันที “คุณไม่ได้เป็นเจ้าของฉันนิ”
“แน่นอนว่าไม่ วิกกี้ ฉันเป็นเจ้าของเธอ และเธอคือคนของฉันนานแล้ว”
“ดี” แก้มของหญิงสาวแดงเป็นเลือดฝาด หล่อนเอียงหัวเล็กน้อย “เอริค คืนนี้คุณไปที่นั้นกับฉันมั้ย นานแล้วนะที่คุณไม่ได้ไปที่นั้นเลย”
“ไม่มีปัญหา” เอริคยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วกล่าวว่า “งั้นเราไปกันตอนนี้เลยดีมั้ย”
หญิงสาวพยักหน้าทันที “เอริค คุณควรไปพบปะคนอื่นก่อนนะ ไม่ต้องอยู่แต่กับฉันก็ได้”
“ไม่รีบ เมื่อสักครู่ก็ส่งไปแล้วส่วนหนึ่ง ฉันเหนื่อย อยากพักสักหน่อย”
ในงานเลี้ยงปาร์ตี้ เอลิซาเบธที่ยืนถือไวน์แดงกำลังนั่งคุยอยู่กับจูเลีย เอลิซาเบธสังเกตเห็นว่าจูเลียนั้นใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หล่อนแอบมองไปอีกฝั่งหนึ่งบ่อยครั้ง เอลิซาเบธมองตามสายตาจูเลียไปก็เห็นเงาชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกด้านหนึ่ง ข้างกายเขาเป็นหญิงสาวที่สวมเกาะอกสีดำ นั่นคือนักแสดงนำในเรื่อง The Others นั้นเอง
“พี่จูเลีย พี่ชอบเขาใช่มั้ย” เอลิซาเบธกระซิบถามข้างหูจูเลีย
“อ่า คือ…. ไม่ใช่ ” จูเลียมองตามสายตาเอลิซาเบธว่าหล่อนหมายถึงใคร แล้วเมื่อรู้ว่าเอลิซาเบธหมายถึงเอริค จูเลียจึงลนลานตอบปฏิเสธออกมา อาจจะเป็นเพราะหล่อนเก็บมันไว้มานานเกินไป และเอลิซาเบธเองนั้นเป็นคนที่ชำนาญในการเข้าหาคนในเวลาไม่นานหล่อนก็ทำให้จูเลียรู้สึกดีกับหล่อน ทำให้จูเลียสนิทสนมกับเอลิซาเบธโดยไม่รู้ตัว จูเลียลนลานเพียงชั่วครู่แล้วกล่าวว่า “จริงๆแล้ว ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับเอริคกันแน่ เขาเป็นคนซับซ้อนมาก”
“มากับฉัน เราจะไปพูดคุยกับเวอร์จีเนี่ย ” เอลิซาเบธมองหญิงสาวที่ทำตัวยุ่ง หล่อนเลยคว้าแขนของจูเลียที่มีท่าทางต่อต้านตรงไปหาเอริคที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ทันที