I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 187
ตอนที่ 187 ฉันเข้าใจแล้ว
“ลุกขึ้นเถอะ หนูต้มโจ๊กไว้ให้แล้ว หวังว่าพี่จะชอบนะ” เอลิซาเบธกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
จูเลียชะเง้อหน้ามองประตูอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าหล่อนไปแล้ว จูเลียจึงรีบวิ่งไปยังห้องน้ำทันทีด้วยความเขินอาย หล่อนไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางอย่างนั้นของเอลิซาเบธ แค่ไม่เคยชินที่ให้คนที่รู้จักกันแค่วันเดียวเห็นเรือนร่างของตัวเอง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพศเดียวกันก็ตาม
20 นาทีผ่านไป จูเลียเปลี่ยนเป็นชุดลำลองเดรสยาวสีเขียวแล้วเดินไปยังห้องครัว ซึ่งเอลิซาเบธนั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อหล่อนเห็นจูเลียเดินเข้ามา ก็ทำแค่พยักหน้ากล่าวทักทาย และก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือพลางกินโจ๊กไปด้วย หล่อนกินไปอ่านไปราวกับตัวเองไม่ใช่คนนอก
จูเลียก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก หล่อนนั่งลงอีกด้านนึงของโต๊ะ แล้วก็หยิบขนมปังขึ้นมาทาเนยถั่วแล้วกินไปสองสามคำ หลังจากนั้นก็ชิมโจ๊กที่อยู่ในถ้วย
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม” หญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามกล่าวถามขึ้น
“อ่า แน่…แน่นอน” จูเลียรีบตอบ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอย่างนี้ ทำไมตัวเองกลับคิดอะไรไม่ออกเลย ภาพความทรงจำตอนเมานั้นช่างดูเลือนรางและยุ่งเหยิงมาก
“ถ้าเป็นไปได้ พี่ก็ไม่ควรมีครั้งต่อไปนะ” เอลิซาเบธกล่าวอย่างมีความหมาย
“ครั้ง … ครั้งต่อไปอะไร” จูเลียมองหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามและกระพริบตาด้วยความตกใจ
“เมาไง ที่หลังอย่าดื่มจนไม่ได้สติอย่างนี้อีก”
ดูเหมือนจูเลียจะรู้สึกผิด จึงได้กล่าวถามขึ้นว่า “เมื่อ….เมื่อคืนฉันคงทำเรื่องที่ไม่ดีมากใช่ไหม”
“ใช่” เอลิซาเบธพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พระเจ้า” จูเลียเอามือทาบอก “นี่มันต้องแย่มากแน่ๆ ถ้ามันถูกเผยแพร่ออกไป ถ้า…..”
“วางใจเถอะ ไม่มีอะไรหรอก” เอลิซาเบธกล่าวขึ้นโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา พร้อมพลิกหนังสือพิมพ์อีกหน้า
” “หือ?”
“ฉันคิดว่าคนน่ารังเกียจคนนั้นไม่เอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่หรอก” เอลิซาเบธกล่าวอย่างคลุมเครือ
จูเลียจ้องมองเอลิซาเบธด้วยความตกใจ “คน… น่ารังเกียจ เธอหมายถึง… เอริคใช่ไหม”
” บิงโก!”
จูเลียกังวลใจมาก หล่อนกล่าวตะกุตะว่า “ถ้าอย่างนั้น .. ลิซ ฉัน…ฉันทำอะไรที่แย่มากๆเลยใช่ไหม?”
“ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น แค่พี่เมาแล้วไปคลอเคลียบนตัวเอริค และร้องไห้ฟูมฟายร้องขอให้เอริคจูบพี่ก็แค่นั้น”
“โอ้ พระเจ้า!” จูเลียอุทานออกมาด้วยความกลุ้มใจ หล่อนถึงกับเอาหัวลงไปโขกกับโต๊ะกินข้าวดัง ปึง ปึง ปึง
เอลิซาเบธเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของอีกฝ่ายก็อดยิ้มไม่ได้ “ไม่ต้องโขกแล้ว ถึงจะเอาหัวโขกโต๊ะจนหัวแตกมันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก”
สักพักหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วยื่นมือไปหยิบเหยือกน้ำมาเปิดรินน้ำใส่แก้วของหล่อน แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆสองสามครั้งเพื่อเรียกกำลังใจ ก่อนจะหันไปกล่าวกับหญิงสาวตรงหน้าว่า “ลิซ ช่วยเล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฉันฟังแบบละเอียดได้ไหม?”
`”พี่แน่ใจว่าอย่างฟังนะ ?” เอลิซาเบธถามอีกครั้ง
จูเลียพยักหน้าอย่างแน่วแน่อีกครั้ง
เอลิซาเบธเป็นคนความจำดีมาก อีกทั้งเมื่อคืนหล่อนก็ไม่ได้เมา ดังนั้นเอลิซาเบธจึงเริ่มเล่าเรื่องของเอริคอย่างละเอียดแม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆหล่อนก็เล่าออกมาจนหมด
“ฉัน ….ความฝันของฉันมันกลายเป็นความจริงแล้วเหรอ?” จูเลียเหมือนหมดอะไรตายยาก หล่อนมองไปที่เอลิซาเบธด้วยความหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบปฏิเสธออกมาว่าไม่ใช่
“อื้อ” เอลิซาเบธตอบเสร็จ ก็กินโจ๊กของหล่อนต่อ จูเลียได้ยินดังนั้นได้แต่พยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
จูเลียเอาหัวโขกบนโต๊ะอีกครั้ง “จบแล้วจบแล้ว ชีวิตฉัน ฉันจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยังไงละเนี่ย”
เมื่อเอลิซาเบธกินโจ๊กคำสุดท้ายหมด หล่อนเช็ดปากตัวเองพร้อมกับมองจูเลียด้วยสายตาประหลาดใจ “พี่จูเลีย เอริค วิลเลียมมีงานอดิเรกคือชอบตีผู้หญิงเหรอ?”
“ไม่ใช่” จูเลียที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะตอบกลับมาด้วยเสียงอู้อี้
เอลิซาเบธถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้าพี่พูดอย่างนี้ แสดงว่าพี่เพ้อฝันไปเองแล้วแหละ ฉันคิดว่าเอริคเป็นคนแบบนั้นจริงๆสักอีก ถ้าเป็นจริงเขาคงเป็นคนที่น่ารังเกียจมากแน่ๆ เพราะเดิมทีแล้วฉันก็สนใจในตัวเขาเช่นกัน”
“ลิซ หยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม ฉันอยากตาย”
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ใครๆก็มีความเพ้อฝันกันได้ทั้งนั้น ฮ่า ฮ่า เพียงแต่ของพี่พิเศษกว่านั้นหน่อย แสดงว่าพี่อยากให้เขาตีจริงๆ”
“นั้นมันความฝันต่างหากละ” จูเลียพยายามแก้ตัว
“ภาพความฝันคือสิ่งที่มนุษย์ปรารถนาให้เป็นเรื่องจริง มันจะคล้ายกับความเพ้อฝันทั่วไป เพียงแต่ความเพ้อฝันนั้นเราสามารถควบคุมได้ แต่ภาพความฝันนั้นคือความจริงที่เราหวังปรารถนาอยู่ในใจ แต่ถ้าในใจลึกๆของพี่ไม่มีความคิดนี้ มันก็จะไม่ฝันอย่างนี้”
“อื้อ ฮือ ฮือ ฮือ… “หญิงสาวสะอื้น ถ้าพูดขึ้นอีกครั้งมีหวังหล่อนคงได้ร้องไห้อีกรอบแน่
เอลิซาเบธจึงไม่อยากตอกย้ำเรื่องนี้อีก หล่อนเลยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “พี่จูเลีย พี่รักเขาใช่ไหม”
เมื่อจูเลียได้ยินดังนั้นก็ยืดตัวขึ้นมาพร้อมกลับกล่าวปฏิเสธออกไปทันที “ไม่ แน่นอนว่าไม่ ฉันเกลียดเขา”
“อื้อ” เอลิซาเบธตอบกลับอย่างปัดๆ โดยไม่ซักไซ้ถามอีก ไม่อย่างนั้นหล่อนคงจะโดนจูเลียจับโยนออกไปข้างนอกเป็นแน่ หล่อนพึมพำกับตัวเองในใจว่าสิ่งที่แสดงออกภายนอกของจูเลียนั้นคือความเกลียดจริงๆเหรอ
จูเลียชำเลืองมองเอลิซาเบธ มือทั้งสองข้างของหล่อนจับขอบโต๊ะไว้แน่น เตรียมคำถามอื่นๆที่อีกฝ่ายกำลังจะถาม แต่เมื่อรอเพียงอึดใจหล่อนก็พบว่าหญิงสาวตรงหน้ากลับไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พร้อมกับกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ฉันแค่…ที่จริง….”
“ช่างเถอะ พี่จูเลียรีบกินอาหารเช้าเถอะ ฉันรู้สึกว่าชีวิตของพี่ช่างน่าเบื่อมาก วันนี้พี่ก็ต้องคิดเพ้อเจ้อทั้งวันอีกแน่ กินอาหารเสร็จเราไปเดินช๊อปปิ้งกันสักหน่อยดีไหม ฉันสามารถเช่าเครื่องบินส่วนตัวมาใช้สำหรับเดินทางได้นะ เราบินตรงไปแมนแฮตตันกันเลย ที่ Fifth Avenue เป็นสวรรค์แหล่งช๊อปปิ้ง ตกค่ำฉันจะพาพี่ไปงานปาร์ตี้และจะช่วยแนะนำพี่ให้รู้จักกับหนุ่มสาวสองสามคน เขาอาจจะไม่ได้มีชื่อเสียงดีเลิศเหมือนกันเอริค วิลเลียม แต่ตระกูลของพวกเขารวยกว่าเขาแน่นอน”
“คนแบบนั้นฉันเคยรู้จักอยู่สองสามคนในงานปาร์ตี้ มีทั้งคนแก่ มีทั้งคนอวดเก่ง ล้างผลาญเงินของตระกูล ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา ฉันยังสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถรักษามรดกตกทอดของตระกูลได้เหรอ ในสหรัฐอเมริกาคนเหล่านั้นต้องจ่ายภาษีก่อนจึงจะได้รับมรดกตกทอด ฉันได้ยินมาว่าลูกคนรวยส่วนมากไม่มีกำลังพอจ่ายค่าภาษีจึงต้องบริจาคมรดกเหล่านั้นไป”
“เหอ เหอ ที่พี่พูดก็แค่ส่วนน้อย” เอลิซาเบธกล่าวอย่างยิ้มๆว่า “พวกคนรวยเหล่านั้นมีวิธีการมากมายนับไม่ถ้วนที่จะรักษามรดกมากมายมหาศาลให้กับรุ่นต่อไป”
หัวข้อสนทนานั้นถูกเบี่ยงเบนไปเพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งสองคนค่อยๆเปิดใจและพูดคุยกันมากขึ้นและพูดคุยกันสนุกสนาน
“ลิซ เธอใส่เสื้อเชิ้ตตัวนี้รู้สึกยังไงบ้าง เธอไม่รู้สึกว่าเสื้อตัวนี้มันใหญ่เกินไปเหรอ” เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ พวกหล่อนทั้งสองก็เดินไปเลือกเสื้อผ้าในห้องเก็บเสื้อผ้า ความสูงและรูปร่างของทั้งสองไม่ต่างกันมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของไซด์และขนาดของเสื้อผ้า
“แต่ฉันชอบเสื้อที่ตัวใหญ่นะ เสื้อตัวนี้ก็ไม่เลว” เอลิซาเบธพูดเพราะไม่ได้อยากเปลี่ยนเสื้อ และหล่อนยังคงใส่กางเกงขาสั้น ซึ่งเผยให้เห็นต้นขาวขาวนวลทั้งสองข้างอย่างชัดเจน หล่อนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ที่ตู้ถัดไปและในที่สุดก็ได้กางเกงขายาวมาหนึ่งตัว
จูเลียเลียริมฝีปากตัวเอง และครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้หญิงสาวตรงหน้าถอดเสื้อเชิ๊ตตัวนั้นออกมา
“อื้อกางเกงตัวนี้ก็ไม่เลว เอาตัวนี้แหละ” เอลิซาเบธหยิบกางเกงสีกากีขายาวออกมาจากตู้เสื้อผ้า แล้วเอามาวัดที่เอวอีกครั้งหลังจากนั้นก็สวมมันทับกับกางเกงขาสั้นทันที
“ไม่เลวเลย สวยมาก” สายตาจูเลียมองลงด้านล่าง “แต่ฉันคิดว่ากางเกงสีกากีนี้น่าจะเหมาะกับเสื้อสีฟ้าอ่อน ไม่ก็สีชมพูนะ ไม่ค่อยเหมาะกับเสื้อสีขาวเท่าไหร่” หญิงสาวกล่าวขึ้น แล้วหมุนตัวไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวเล็กๆสองตัวยื่นให้กับเอลิซาเบธ “เธอลองดู!”
`เอลิซาเบธกระพริบตาแล้วมองดูเสื้อเชิ้ตตัวเล็กทรงผู้หญิงแล้วมองกลับมาที่เสื้อเชิ้ตตัวเดิมอีกครั้ง หล่อนดึงชายเสื้อเชิ้ตสีขาวลงมาปรากฏว่ามันคลุมกับกางเกงขางสั้นที่อยู่ข้างในพอดี ทันใดนั้นหล่อนก็โวยวายออกมาเสียงดัง “โอ้ โอ้ ฉันเข้าใจแล้ว นี้ต้องเป็นเสื้อของเอริค วิลเลียมคนน่ารังเกียจคนนั้นแน่นอน โอ้ ขยะแขยง ฮือ ฮือ ฮือ พระเจ้า”