I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 191
ตอนที่ 191 ตูม ตูม
เอริคจําได้เลือนรางว่าในชีวิตที่แล้วของเขามีช่วงเวลาหนึ่งที่เจนนิเฟอร์ คอนเนอร์ต้องเจอกับอุปสรรคอย่างหนัก ทําให้หล่อนตัดสินใจแสดงหนังสยองขวัญเรื่องหนึ่งจนสามารถกลับมาได้รับความสนใจในฮอลลีวูดอีกครั้ง หล่อนได้รับค่าตอบแทนมหาศาล จากเด็กสาวบริสุทธิ์กลายเป็นหญิงสาวสวยเซ็กซี่ในเวลาเพียงไม่นาน นอกจากนี้หล่อนยังได้รับบทแสดงนําหญิงในหนังเรื่อง Rocketeer ของ Disney อีกด้วย แต่หลังจากที่หล่อนได้แสดงหนังเรื่องนี้แล้วก็ไม่ได้แสดงหนังเรื่องไหนอีกเลยในระยะเวลา 5 ปี ถ้าหล่อนได้กลับมาโลดเล่นบนจอหนังอีกครั้ง ก็คงจะทําให้ชีวิตหล่อนได้กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิม
“เอริค ?” บรูค ชิลส์ มองเอริคที่นั่งเหม่อลอย หล่อนจึงตีที่ไหล่ของเอริคเบาๆด้วยความไม่พอใจ เขาช่างกล้ามากที่นั่งเหม่อลอยโดยไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างนี้ได้ ผู้ชายคนนี้น่าเกลียดมากจริงๆ
“อื้อ ขอโทษครับ” เอริคเก็บความคิดยุ่งเหยิงเหล่านั้นแล้วหันมากล่าวขอโทษหญิงสาวทันที ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้งว่า “หนังเรื่อง Rocketeer ที่คุณพูดถึงเมื่อสักครู่คือหนังไซไฟที่สร้างขึ้น เมื่อปี 1930 ในลอสแองเจลิสใช่ไหม?”
บรูค ชิลส์ อ้างปากค้างด้วยความประหลาดใจ หล่อนมองท่าทางของเอริคที่ดูค่อนข้างมั่นใจ ก่อนจะถามกลับไปว่า
“เอริค คุณรู้ได้ยังไง นี่…นี่มันควรจะเป็นความลับสิ”
“และถ้าผมเดาไม่ผิด หนังเรื่องนี้ดัดแปลมาจากนวนิยายกราฟฟิกเรื่องเดียวกับของเดฟ สตีเวน ผมเคยอ่านมาก่อน” เอริคยักไหล่ ตอบกลับไป จริงๆแล้วเขาเคยดูหนังเรื่องนี้ต่างหาก นวนิยายของเดฟ สตีเวนเรื่องนั้นเขาไม่เคยอ่านมาก่อน เพียงแต่เขาไม่สามารถบอกความจริงกับหญิงสาวตรงหน้าได้
“ถ้าอย่างนั้น เอริค คุณคิดว่าถ้าทําหนังเรื่องนี้มันจะออกมาเป็นอย่างไรเหรอ?” บรูค ชิลส์ฉลาดมากที่รีบถามคําถามที่สําคัญอย่างนี้
“เรื่องนี้ผมไม่รู้ เนื้อหาของนวนิยายเรื่องนี้สนุกและน่าตื่นเต้นมาก ก็ต้องดูกันอีกทีว่า Disney จะดัดแปลงออกมาในรูปแบบไหน” เอริคตอบพร้อมกับส่ายหน้า
เขาไม่ได้บอกให้หญิงสาวปฏิเสธหนังเรื่องนี้ บางทีที่หล่อนได้มาปรากฏตัวในงานนี้ เพราะหล่อนอาจจะเป็นสัญญากับ Disney แล้วก็เป็นได้ ถึงเขาพูดอะไรไปออกไปก็ไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นภายในระยะเวลา 1 ปีก่อนกําหนดฉายหนัง เค้าโครงของหนังเรื่องนี้ก็คงถูกเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนกับเรื่องที่เอริคเคยดูในชีวิตที่แล้วของเขา ในหนึ่งวันความคิดของนักเขียนบทสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา 1 ปียิ่งไม่ต้องพูดถึง หนังเรื่อง Rocketeer จะออกมาในรูปแบบไหนก็เป็นเรื่องที่ยากเกินการคาดเดาของเรา ถึงจะพูดโน้มน้าวให้หญิงสาวไม่แสดงหนังเรื่องนี้ ยังไงในอนาคตหนังเรื่องนี้ก็ต้องถูกวางขายอยู่ดี สู้รอถึงตอนนั้นดีกว่า บางทีเมื่อถึงตอนนั้นบทบาทนี้อาจจะถูกยกเลิกก็เป็นได้ เพราะเหตุนี้เขาไม่จําเป็นพูดอะไรมาก แค่อยู่รอเป็นผู้ชมอย่างเดียวก็พอแล้ว
เอริคเขย่าแก้วไวน์ในมือพร้อมทั้งครุ่นคิดไปมาว่า เมื่อคิดถึงหนังเรื่อง Rocketeer ก็นึกถึงเจนนิเฟอร์ คอนเนอร์ขึ้นมาได้ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้หล่อนอยู่ที่ไหน รสชาติริมฝีปากของหญิงสาวเขาก็ลืมหมดแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ลิ้มรสมันอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วดีกว่า เอริค คุณเหม่อลอยตลอดเวลาเลย” บรูค ชิลส์ลุกขึ้น ยืนด้วยความไม่พอใจ แล้วหันมาตําหนิเอริคด้วยสายตา ก่อนจะหมุนตัวนั้นเดินจากไป
เอริคจ้องมองร่างที่สวมชุดราตรีเกาะอกหางปลาสี่เงินที่เดินจากไป ทําให้เขารู้สึกว่าร่างเพียว บางของบรูค ชิลส์นั้นเหมาะกับชุดนางเงือกมาก ถ้าถอดชุดนั้นออกแล้วใส่ชุดนางเงือกแทน แล้วแหวกว่ายอยู่ในสระน้ำ เสียงน้ำกระเด็น ตูม ตูม….
คิดชั่วร้ายอีกแล้ว
เอริคสะบัดหัวตัวเองเพื่อขจัดความคิดอันยุ่งเหยิงนั้นออกไป เขาคิดถึงอนิสตันขึ้นมาทันที ถ้าเขาเหวียงสาวน้อยลงไปอย่างนั้น
ตูม ตูม
ไฟสลัวที่สว่างกลางห้องนอน พร้อมกับเสียงเตียงนอนที่สั่นไหวเบาๆ ร่างอันเปลือยเปล่าที่ซ้อนทับกันอยู่นบนเตียง เสียงกรีดร้องของเด็กสาวที่อยู่ภายใต้ร่างกายที่น่าหลงไหลของชายคนนั้น ดังขึ้นประสานกับเสียงคํารามของฝ่ายชายไม่หยุด เสียงร้องนั้นทําให้การโจมตียิ่งดุดันมากขึ้น จนเสียงร้องนั้นกลายเป็นเสียงเศร้าสร้อยลงทันที
สงครามที่ดุดันกินเวลามาเนิ่นนาน ก็ค่อยๆสงบลง
“ฉันเกลียดคุณ คุณปล่อยในอีกแล้ว ไอคนน่ารังเกียจ ถ้าฉันท้องขึ้นมานะ ฉันฆ่าคุณแน่เอริค “ หลังจากที่อนิสตันเข้าไปล้างตัวในห้องน้ำแล้ว หล่อนก็ออกมาละทิ้งตัวลงนอนข้างกายเอริค พร้อมทั้งตีที่ไหล่ของเขา
” ท้องแล้วไง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนิ” เอริคถึงเอวของหญิงสาวที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าหาตัว แล้วโอบกอดร่างอันบอบบางนั้นไว้ ทั้งสองร่างรับรู้ได้ถึงร่างกายที่ชิดกัน
อนิสตันที่นอนอยู่บนอกของเอริคพูดขึ้นว่า “ฉันพึ่งจะอายุ 20 ปีเองนะ ฉันยังไม่อยากมีลูก ยังอยากมีชีวิตของตัวเองอยู่ ฉันยังไม่อยากอยู่แต่บ้านเลี้ยงลูกอย่างนั้นนะ”
“ฉันอายุ 19 ปีฉันยังไม่กลัวเลย เธออายุ 20 ปีแล้วจะกลัวทําไม” เอริคกล่าวอย่างยิ้มๆ พร้อมทั้งจับก้นสาวน้อยเบาๆ
“แต่ถึงยังไง ฉันก็ยังไม่อยากมีลูกตอนนี้ รอฉันอายุสัก 30 ปีละกัน อีกอย่าง….” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นความกังวลทันที หล่อนเงยหน้าขึ้ นมามองตาของเอริค “อีกอย่าง ถ้าฉันท้อง คุณจะแต่งงานกับฉันไหม”
เมื่อได้ยินคําถามนั้นเอริคก็ใจเต้นแรงไปพักใหญ่ เขาลังเลใจที่จะตอบจึงทําได้เพียงกัดฟันเท่านั้น อนิสตัสโอบเอวเขาแล้วพูดว่า” ดูคุณจะกลัวมากนะ ใจเต้นแรงจนแทบจะออกมาอยู่แล้ว ฉันรู้ ”
เอริคลูบไล้หลังที่เนียนใสของอนิสตันเบาๆพร้อมพูดขึ้นว่า “เจนนี่ ฉันจะดีกับเธอเสมอ”
“แต่ฉันไม่ได้อยากแค่ได้นี้อะ หญิงสาวใช้แก้มคลอเคลียบนอกเอริค แล้วพูดต่อว่า “ฉันอยากให้คุณดีกับฉันแค่คนเดียวเท่านั้น”
“ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่พอฉันจะไปจากคุณ คุณก็ไม่ปล่อยฉันไป” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจได้เปล่งออกมา ” ทําไมโลกนี้ถึงได้มีคนน่ารังเกียจแบบคุณกันนะ”
เอริคยิ้ม เขาจับเอวของหญิงสาวเบาๆพร้อมทั้งยืนหน้าไปจูบหญิงสาวในอ้อมกอดแล้วพูดด้วย เสียงอันอบอุ่นว่า “สาวน้อย เธอจงจําไว้เสมอว่าผู้ชายในโลกนี้ก็น่ารังเกียจกันทุกคนแหละ ดังนั้นอย่าไว้ใจใครง่ายๆ”
“เหอะๆ พูดมีเหตุผลที่น” อนิสต้นค้อนกลับแล้วพูดว่า “คุณกําลังถ่ายทอดความคิดแปลกๆอย่างนั้นให้ฉันอีกแล้วนะ ทําตัวเหมือนคนไม่มีศาสนาเข้าไปทุกทีแล้วคุณนะ”
“เป็นคนไม่มีศาสนาอิสระจะตาย เทพเจ้าที่พวกเขาเชื่อเป็นแค่ความเพ้อฝันทั้งนั้น มันก็แค่ความปรารถนา
“ไอหยา ฉันไม่อยากฟัง ไม่อยากฟัง คุณกําลังล้างสมองฉันอีกแล้ว” หล่อนใช้นิ้วชี้ยื่นไปปิดปากเอริคเพื่อไม่ให้เขาพูดอีก
เอริคหัวเราะ แล้วคว้ามือเล็กๆนั้นของหล่อนไว้ในอุ้งมือใหญ่ของตัวเอง ด้วยความที่เอริคทํางานหนักตลอดทั้งปี ทําให้มือหนาของเขาหยาบกระด้างขึ้น “โอเคๆ ฉันไม่พูดแล้ว”
แต่หญิงสาวจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่อย่างใด หล่อนทําได้เพียงใช้นิ้วชี้เขียฝ่ามือใหญ่ของเอริค ก่อนจะถามขึ้นว่า “เอริค เดือนกันยายนคุณจะไปเวนิสไหม?”
“ใช่ เทศกาลหนังจัดขึ้นวันที่ 4 เดือนกันยายนนี้ ฉันกะว่าจะอยู่ที่นั้นสักสองสามวันเท่านั้น ส่วนวันประกาศรางวัลช่วงกลางเดือนฉันจะไม่เข้าร่วม
“วันที่ 4 เดือนกันยายน” อนิสตันเงยหน้าขึ้นมาทันที แค่คิดว่าเอริคต้องอยู่ที่นั้นกับเวอร์จิเนียตลอดเวลา ทําให้หล่อนดีดตัวขึ้นมานั่งอยู่บนตัวของเอริคทันที ก่อนพูดว่า “รอบปฐมทัศน์หนังเรื่อง Friend คือวันที่ 3 เดือนกันยายนเหมือนกัน อย่างนี้คุณก็ไม่ได้ดูรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่องนี้นะสิ?”
“ดูไม่ดูก็เหมือนกัน ถึงอย่างไรก็ตามแต่ฉันเป็นคนทําหนังเอง โครงเรื่องทําไมฉันจะไม่รู้ละ?” เอริคกล่าวอย่างสงสัย
อนิสตัสตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “มันไม่เหมือนกันแน่นอน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันแสดงละครนะ ฉันอยากให้คุณไปดูรอบปฐมทัศน์กับฉัน”
“งั้น”
ฉันค่อยไปดูรอบที่สองกับเธอดีใหม”
หญิงสาวค้อนกลับด้วยความผิดหวัง “ใครจะไปรู้ว่าหนังของคุณจะมีชีขั้นสองไหมละ !”
“โอเคโอเค พรุ่งนี้ฉันไปจะคุยกับทางฝั่งเวนิสให้ว่าขอเลื่อนเวลาจัดงานไปอีก 2 วัน ฉันขอไปร่วมงานปฐมทัศน์หนังกับแฟนของฉันก่อน บอกให้ทุกคนรอสักหน่อย”
อนิสตันขะงักไปชั่วขณะ พอได้สติหล่อนก็หัวเราะออกมาทันที “คุณมันน่ารังเกียจจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นพระราชาไง” แล้วหญิงสาวหุบยิ้มลง เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกคนเราไม่ได้สมหวังไปซะทุกเรื่อง เรื่องที่เอริคทํา ยังไงก็สําคัญกว่า “โอเค ฉันไม่บังคับคุณละ แต่กลับมาต้องมีของขวัญมาให้ฉันด้วยนะ”
“ไม่มีปัญหา งั้นเอาเรือคอนโดล่าที่มีชื่อเสียงของเวนิสเป็นไง?”
“ฮ่า ฮ่า ไร้สาระ คุณซื้อมาแล้วเราจะไปพายที่ไหนละ ฉันอยากได้หน้ากาก”
เอริคิคิดขึ้นได้ว่าเมื่อชีวิตที่แล้ว เขาเห็นเพื่อนซื้อหน้ากากกลับมาจากเวนิส เขาไม่รู้ว่าทํามาจากวัสดุอะไร แต่ภาพลวดลายบนหน้ากากประกอบกับขนนกอันสะพรึงนั้นช่างดูสวยงามมากในความรู้สึกของเขา
“อยากได้แบบไหนละ” เอริคถามขึ้นเพราะจําได้ว่าหน้ากากของเวนิสนั้นมีหลายแบบมาก
“คุณเลือกให้ฉันหน่อย ฉันจะดูว่าคุณรู้ใจฉันไหม” สาวน้อยยิ้มอย่างเจ้าเลห์
“โอเค” เอริคพยักหน้า แล้วยื่นมือไปลูบที่ต้นขาของหญิงสาว “ที่รัก ดูข้างหลังคุณสิ”
หญิงสาวจึงหันไปมองตามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นหล่อนก็บ่นออกมาทันที “บ้าจริง! “คุณมีอารมณ์อีกแล้วหรอ”
“ก็ดันมีกลีบดอกไม้เล็กๆที่ทั้งเปียกทั้งอุ่นคลอเคลียไปมาอยู่บนเอวของฉันนี้ ทําไมจะขึ้นมาไม่ได้ละ?” เอริคกล่าวอย่างยิ้มๆ
“อ่า!” หญิงสาวกระโดดลงไปทันที ทั้งสองมองไปยังเอวของเอริค แต่พวกเขาไม่ได้ สนใจกล้ามนั้นตรงหน้าท้องนั้น แต่กลับให้ความสนใจกับของเหลวเปียกๆที่อยู่บนตัวของเอริค
“นั้น ฉันเพิ่งจะล้างตัวมา นั้นคือน้ำ ใช่ น้ำ!” หญิงสาวพยายามอธิบาย
เอริคพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หญิงสาวมองท่าทางเสแสร้งของเอริคแบบนั้นยิ่งทําให้หญิง าวทั้งโกรธทั้งอาย หล่อนจึงเข้ากัดไปที่แขนของเอริค
ความเจ็บปวดแผ่ขึ้นมาทันที เอริคร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “อะ อะ อะ หยุดกัดได้แล้ว มันคือน้ำ น้ำน้ำ น้ำ พระเจ้า ฉันพูดตอนไหนว่าไม่ใช่น้ำ!”
เอริคออกจากคอนโดของอนิสตันตอนเช้าตรู่ แล้วตรงไปยังออฟฟิสทันทีเมื่อเข้าไปก็เจอกับครูซ์ เขาจึงถามขึ้นด้วยความสนใจ “ทําไมเธอยังอยู่ที่นี่?”