I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 194
ตอนที่ 194 เฮ้!
“เอริค บริษัท Firefly ยังมีหนังอีกหนึ่งเรื่องที่ยังหาผู้จัดจําหน่ายไม่ได้ในปีนี้ใช่ไหม?” เมื่อพูดคุยกันมาหลายเรื่องจนเริ่มสนิทกัน โรเบิร์ตเชียร์ก็ได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องหนังของบริษัท Firefly โดยไม่รู้ตัว
หนังเรื่อง Scent of a Woman กําลังจะปิดกล้องภายในเดือนนี้ซึ่งตอนนี้ก็เข้าสู่ขั้นตอนการตัดต่อแล้ว ในขณะที่กําลังพูดคุยอยู่กับโรเบิร์ตอยู่นั้น เอริคก็หันมองไปรอบๆงาน เขาเพิ่งจะสังเกตเห็น อัล ปาชิโน และอัลเองก็เห็นเอริคเช่นกัน อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้เอริคกําลังยืนคุยอยู่กับโรเบิร์ต เชียร์ อัลจึงทําได้เพียงพยักหน้ารับรู้จากที่ไกลๆเท่านั้น
เพียงแต่สายตาที่มองไปด้านหน้าทําให้มีหลายคนที่หันมาสบตากับเอริคต่างพากันกล่าวทักทาย แต่แปลกตรงที่เขากลับมองไม่เห็นอัล ปาชิโนเลย เมื่อทักทายแล้วเอริคจึงหันกลับมาพูดคุยกับ โรเบิร์ต เชียร์ต่อ “ใช่ครับ หนังเรื่อง Scent of a Woman เป็นหนังแนวศิลปะเรื่องหนึ่ง ถ้าหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัล ก็จะส่งผลให้รายได้ของบ็อกออฟฟิสดีขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าไม่ได้รับรางวัลใดๆเลย ก็คงจะไม่มีใครพูดถึง ถึงแม้ว่าผมจะเคยดูบางฉากที่ไม่ได้โมเสกก็ตาม แต่อัลก็แสดงออกมาได้อย่างน่าทึ่งมาก รางวัลออสการ์นั้นมีเงื่อนไขหลายประการในการให้รางวัล พวกเขาไม่ได้มองแค่ว่าหนังเรื่องนี้ดีแล้วจะได้รับรางวัลนะ”
โรเบิร์ต เชียร์รู้ว่าเอริคไม่เชื่อใจเครือข่ายประชาสัมพันธ์ของเขาเท่าไหร่นัก “เอริค ฉันยอมรับว่าเครือข่ายของฉันไม่ได้ใหญ่เทียบเท่าบริษัทยักษ์ใหญ่อีก 6 แห่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังที่ฉันดูแลจะไม่สามารถเข้าชิงรางวัลนะ บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 6 แห่งอาศัยหนังที่ยอดเยี่ยมในการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยดูผลจากรายได้ในบ็อกออฟฟิสที่เพิ่มและจํานวนยอดเทปวิดีโอที่ขายไป มันก็เหมือนกับปีที่แล้ว คุณน่าจะเคยดูหนังเรื่อง Working Girl หนังเรื่องนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับรางวัลใดๆเลย นี่เป็นผลจากการประชาสัมพันธ์ของบริษัท Fox รางวัลที่แท้จริงต้องตัดสินจากศักยภาพที่แสดงออกมาจากหนัง ถึงแม้ว่าการประชาสัมพันธ์จะมีความจําเป็นมากก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าการประชาสัมพันธ์จะทําแทนได้ทุกอย่าง เอริค คุณลองคิดดูถ้าหนังเรื่อง Scent of a Woman ถูกส่งให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง 6 เป็นผู้จัดจําหน่าย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขายังมีหนังอีกหลายเรื่องที่เขาต้องจัดการ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่สามารถทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ แต่ฉันทําได้ ฉันสามารถใช้ทุนทรัพย์ทั้งหมดของฉันทุ่มเทกับหนังเรื่องนี้ได้”
เอริคจมอยู่กับความคิดไปชั่วขณะ
โรเบิร์ต เชียร์รู้สึกได้ว่าเอริคนั้นดูผ่อนคลายลง เขาจึงรีบชิงพูดต่อว่า “เอริค คุณไม่เห็นเหรอ? งานประกาศผลรางวัลออกสก้าของปีนี้จัดในวันสิ้นปี ”
“อือ?” เอริคแสดงสีหน้าออกมาด้วยความสงสัย เขาจําได้เลือนรางว่ามีคนเคยพูดถึง แต่เขากลับไม่รู้อะไรมากขนาดนั้น
โรเบิร์ต เชียร์พูดอธิบายด้วยความอดทนต่อว่า “คุณลองคิดดูว่าเมื่อปีที่แล้ว หนังเรื่อง Rain Man ของดัสติน ฮอฟแมน หนังเรื่อง defendant ของโจดี ฟอสเตอร์ และยังมีเรื่อง The Accidental Tourist , Mississippi Burning , Dangerous Liaisons ซึ่งเป็นหนังที่เข้าชิงรางวัลออสก้าทั้งนั้น งานประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคําสาขานักแสดงนําหญิงยอดเยี่ยมครั้งที่แล้วได้ผู้ชนะเลิศไปพร้อมกันสามคน ซึ่งรางวัลชนะเลิศสาขานักแสดงหญิงไม่เคยมีพร้อมกันสามคนมาก่อนในประวัติศาสตร์ อะไรมันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยมาตรฐานแล้วงานประกาศรางวัลออสก้านั้นมักจักจัดขึ้นต้นปี แต่ปีนี้มันไม่เหมือนกับปีก่อนๆ เวลาก็ผ่านล่วงเลยมาเกินครึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีหนังเรื่องไหนที่โดดเด่นพอที่จะเข้าชิงรางวัลออสก้าเลยแม้เพียงเรื่องเดียว ที่คุณบอกว่าหนังเรื่องนั้นจะถูกวางจําหน่ายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน แต่สําหรับฉันยังมีความกังวลเรื่องนี้อยู่ ฉันคิดว่าปลายปีนี้อาจจะไม่มีผลงานของผู้กํากับหรือนักแสดงที่มีชื่อเสียงเรื่องไหนได้ฉายอย่างแน่นอน ดังนั้นฉันจึงกล้ามั่นใจว่างานประกาศผลรางวัลออสก้าจะถูกจัดขึ้นในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน ตราบใดที่คุณยังยืนยันว่า นักแสดงอย่าง อัล ปาชิโนที่รับบทนําหนังเรื่อง Scent of a Woman ถ่ายทอดบทบาทออกมาได้อย่างน่าทึ่ง และบวกกับเมื่อก่อนเขายังเคยได้รับรางวัลออสก้าสาขานักแสดงนําชายยอดเยี่ยมมาหลายรางวัลแล้วด้วยนั้น ท้ายที่สุดแล้วผลสรุปจะออกมาเป็นยังไงนั้นคุณก็น่าจะมองออก”
เมื่อฟังสิ่งที่โรเบิร์ตพูดทําให้เอริคจมอยู่ห้วงความคิดของตัวเอง เขาไม่ได้แคร์ว่าโรเบิร์ต เชียร์ นั้นจะสนใจหรือไม่ว่าหนังเรื่อง Pretty Woman และเรื่อง Running Out of Time สามารถเข้าชิงรางวัลออสก้าได้ เขาเองก็รู้ดีว่าตัวเองนั้นอายุยังไม่ถึง 20 ปี ซึ่งสถาบันภาพยนต์ก็คงไม่มอบรางวัลใดๆให้กับเขาอย่างแน่นอน การที่เขาเสนอชื่อนักแสดงคนอื่นอาจจะกิดผลลัพท์ที่ดีขึ้นก็ได้
เอริคกําลังคิดถึงสิ่งที่โรเบิร์ต เชียร์พูดเกี่ยวกับงานประกาศผลรางวัลออกก้าที่จะจัดขึ้นสิ้นปีนี้ ทําให้เอริคเองก็นึกขึ้นได้เกี่ยวกับการจัดงานประกาศรางวัลออสก้าในชีวิตที่แล้วของเขา เขาจําได้ว่าหนังเรื่อง Scent of a Woman ได้รับรางวัลแค่นักแสดงชายยอดเยี่ยมเท่านั้น เอริคไม่รู้ว่ารางวัลหนังยอดเยี่ยมแห่งปีนั้นเขาแพ้ให้กับใคร แต่ปีนี้ ถ้างานประกาศรางวัลจัดขึ้นสิ้นปีนี้จริง หนังเรื่อง Scent of a Woman ก็เป็นหนึ่งในหนังที่สามารถเข้าชิงรางวัลหนังยอดเยี่ยมแห่งปีได้แน่นอน
“เอริค?” โรเบิร์ต เชียร์เรียกขึ้นเมื่อเห็นว่าเอริคไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใดๆหลังจากที่เขาพูดจบ
เมื่อเอริคได้ยินคนเรียกชื่อของตัวเองจึงรีบเรียกสติกลับมา โดยไม่ทันระวังตัวข้อมือเขาก็สะบัดไปโดนแก้วจนไวน์กระเซ็นออกมา “อ่ะ ขอโทษครับ คุณโรเบิร์ต ผมเหม่อไปหน่อย”
โรเบิร์ต เชียร์ ถามกลับว่า “คุณเป็นยังไงบ้าง”
”หือ?” หลังจากเอริคฟังสิ่งที่โรเบิร์ต เชียร์บรรยายออกมา จึงทําให้เขาไม่ตอบสนองไปชั่วขณะ
“เกี่ยวกับเรื่องการจัดจําหน่ายหนังเรื่อง Scent of a Woman ? “ โรเบิร์ต เชียร์พูดเตือนเอริคขึ้นด้วยความอดทน
ในใจของเอริคเกิดความสับสนวุ่นวายอย่างมาก ถ้างานประกาศรางวัลออสก้าถูกจัดขึ้นในสิ้นปีนี้จริง การยื่นหนังเรื่อง Scent of a Woman ให้บริษัทหนังทั้ง 7 แห่งจัดการก็น่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่น่าจะปลอดภัย
ในงานประกาศผลรางวัลออสก้าครั้งนี้ สองพี่น้องไวน์สตีนเจ้าของบริษัท Miramax ต่างก็ไม่เคยเข้าชิงรางวัลออสก้ามาก่อนเช่นกัน ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่แบบนี้ก็คงจะได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็เห็นด้วยกับโรเบิร์ต เชียร์ ที่ว่าบริษัทหนังยักษ์ใหญ่ทั้ง 7 แห่งนั้นจะไม่สามารถทุ่มเทแรงกายทั้งหมดเพื่อสนับสนุนหนังเรื่อง Scent of a Woman เพียงเรื่องเดียวได้ นอกเสียจากว่าเขาจะเสนอผลกําไรที่สูงให้กับพวกเขา แต่การที่ทําให้หนังได้รับรางวัลคือทําเพื่อกําไรอย่างนั้นเหรอ?
เอริคกําลังจะตอบรับ แต่แล้วก็เห็นอัล ปาชิโนซึ่งไม่รู้มาจากไหนกําลังเดินตรงมาทางนี้ เอริคก็นึกขึ้นได้ถึงสัญญาที่ทําไว้กับอัล ปาชิโนตอนแรก ว่าต้องทําให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากหนังเรื่องนี้ให้ได้ แต่ถ้าหากได้ยินสิ่งที่โรเบิร์ต เชียร์แนะนําแล้วนั้น ด้วยเหตุที่ว่าบริษัท Firefly เซ็นสัญญาให้บริษัท New Line Cinema เป็นผู้จัดจําหน่ายแล้ว อีกทั้งยังต้องแบกรับความเสี่ยงในการประชาสัมพันธ์งานประกาศผลรางวัลนี้ด้วย ถึงแม้ว่าจะเป็นไปได้น้อยมากก็ตาม แต่ในนามบริษัท เขาจะหาวิธีในการเสนอชื่ออัล ปาชิโนให้เข้าชิงรางวัลออกสก้าสาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมได้ยังไงกันละ? ซึ่งจะรับประกันได้ไหมว่าความสัมพันธ์ระหว่างอัล ปาชิโนกับบริษัท Firefly จะไม่แตกแยกกันเพราะเรื่องนี้ เอริคให้ความสําคัญกับการทํางานร่วมกับอัลปาชิโนมาก ช่วงยุค 90 ลีลาการแสดงของอัลปาชิโนนั้นโดดเด่นที่สุด การทํางงานร่วมกันควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ ไม่ว่าบริษัท Firefly จะทํารายได้ทะลุบ็อกออฟฟิสหรือได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม บางทีการทําแบบนี้อาจจะได้รับผลดีมากกว่า
เมื่อเป็นอย่างนี้เขาจึงตัดสินใจจะผลักดันกับอัลปาชิโนให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าอัลอาจจะทําให้โรเบิร์ต เชียร์นั้นผิดหวังก็ตาม แต่กรณีนี้มันมีความเป็นไปได้น้อยมาก และอัลเองก็ไม่น่าจะทําให้บริษัท Firefly นั้นเสียชื่อแต่อย่างใด
“คุณโรเบิร์ต เรื่องนี้รับปากครับ” เอริคพูดออกมาในที่สุด ไม่รอให้โรเบิร์ตแสดงความดีใจก่อน เขาจึงพูดต่อว่า ”แต่ผมอยากเชิญอัลให้มาแสดงหนังเรื่อง Scent of a Woman ก่อน ส่วนเรื่อง Temptress Moon ผมค่อยตัดสินใจอีกทีครับ ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง Temptress Moon อัลจะได้รับรางวัลมากมายแล้วก็ตาม แต่ผมก็ไม่สามารถมองข้ามคําสัญญาครั้งแรกที่ผมให้ไว้กับอัลได้ ดังนั้นหากคุณอยากจัดจําหน่ายหนังเรื่อง Scent of a Woman หรืออยากชักจูงอัลมาแสดงหนังของเราด้วยแล้วแต่คุณเลย อะคุณ ดูโน่น อัลเดินมาโน้นแล้ว”
เอริคใช้โอกาสนี้วางแก้วไวน์ลงบนถาดบริกรระหว่างเดินไปหาอัล “คุณอัล ไม่เจอกันตั้งนาน เลยนะครับ”
อัลปาชิโนกอดเอริคตอบอย่างไมตรี “ไม่เจอกันนานเช่นกันเอริค คุณดูหล่อขึ้นเยอะเลยนะครับ สาวๆคงกรี๊ดมากขึ้นแน่นอน อย่าทําให้เรารู้สึกตัวเองแก่เกินไปละ”
“ฮ่า ฮ่า ดูจากที่คุณพูดออกมาแสดงว่ายังหาสาวสวยข้างกายไม่ละสิท่า” เอริคหัวเราะแล้วกล่าวติดตลกออกไป แล้วหลังจกากนั้นก็หันไปแนะนําคนที่อยู่ข้างกายเขา “คุณอัล นี่คือโรเบิร์ต เชียร์ คุณโรเบิร์ต นี่อัลครับ”
“จริงๆไม่ต้องแนะนําก็ได้นะครับ พวกเราสองคนรู้จักกันอยู่แล้ว” เมื่ออัลพูดเสร็จก็หันไปจับมือกับโรเบิร์ต ก่อนจะกล่าวทักทายว่า “สวัสดีครับ คุณโรเบิร์ต ผมมั่นใจครับว่าการทํางานร่วมกับคุณเอริคเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับ”
โรเบิร์ต เชียร์ยิ้มบางๆ ”ผมเองก็หวังให้เป็นเช่นนั้นครับ”
“เรากําลังคุยกันเกี่ยวกับหนังเรื่อง Scent of a Woman อยู่พอดีเลยครับ งั้นพวกคุณคุยไปกันก่อนนะ ผมขอตัวไปห้องน้ําสักครู่ครับ” เอริคยกนิ้วชี้ไปยังทางเดินที่ไม่ไกลจากตรงนี้ ถึงแม้ว่าอัลปาชิโนจะอยากคุยกับเอริคมากก็ตาม แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายชี้นิ้วไปทางนั้นแล้วก็ทําได้เพียงพยักหน้าเป็นการรับรู้เท่านั้น
ในขณะที่เขาเดินไปยังประตูของงานเลี้ยงปาร์ตี้ เอริคยกมือทักทายแขกที่มาร่วมงานตลอดทาง ในขณะที่กําลังเดินไปตามระเบียงทางเดินนั้นเขาก็ชนเข้ากับหญิงสาวร่างบางที่สะพายกระเป๋าแดงคนหนึ่ง จนหญิงสาวกระเด็นไปด้านหลัง เมื่อเอริคเห็นดังนั้นก็รีบดึงร่างหญิงสาวคนนั้นขึ้นมาทันที แรงดึงทําให้หล่อนเข้ามาอยู่อ้อมกอดของเอริคเต็มๆ
“คุณเองเหรอ คุณชื่อ…เอ่อ กาเบรียลล์…” เมื่อเอริคเห็นก็จําใบหน้ารูปไข่นั้นได้ทันที แต่เขากลับนึกชื่อหล่อนไม่ออก ถึงแม้ว่าในความทรงจําของเอริคนั้นจะสามารถคัดลอกเรื่องราวในชีวิตที่แล้วของเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์ก็ตาม แต่ร่างที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่เคยผ่านตาเขาเลยแม้แต่น้อย
“กาเบรียลล์ อันวาร์”
หญิงสาวตอบกลับมาเบาๆ เมื่อหล่อนพบว่าคนที่กอดตัวเองอยู่นั้นคือเอริค ในใจของหล่อนก็รู้สึกดีไม่ใช่น้อย แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายจําชื่อตัวเองไม่ได้ ก็อดรู้สึกน้อยใจขึ้นมาอีกไม่ได้ มือเล็กๆที่วางตรงหน้าอกของเอริคหล่อนกลับไม่ได้ผลักเขาออกไป
เอริคเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าหล่อนเคยได้รับเลือกแสดงหนังเรื่อง Running Out of Time โดยบังเอิญ จากเด็กผู้หญิงอังกฤษเดินทางมาลอสแองเจลิสออลตัวคนเดียวคนนั้น ก็คือคนเดียวกับนักแสดงหญิงที่เต้นแทงโก้ในหนังเรื่อง Scent of a Woman
ในขณะที่ทั้งสองคนกําลังจมอยู่ในความคิดขอตัวเองนั้น ก็มีชายวัยกลางคนหนึ่งที่กําลังเดินมาตามระเบียงทางเดินเพื่อตรงไปยังห้องจัดงาน ในขณะนั้นเองเขาก็บังเอิญเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่กําลังยืนกอดกันตรงระเบียงทางเดินพอดี เอริคได้ยินเสียงก็หันไปมองทันที เมื่อชายคนนั้นเห็นว่าเป็น เอริค เขายิ้มออกมาแล้วรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เอริคจําไว้ว่าคนนั้นคือหนึ่งทีมงาน ของบริษัทFirefly ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะไม่แสดงอาการใดๆออกมามากก็ตาม แต่เขาก็สามารถรับรู้เองได้ เมื่อเห็นบอสกําลังกอดอยู่กับผู้หญิงอย่างสนิทสนม ซึ่งเผอิญว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่แฟนตัวจริงของบอส เหตุการณ์เหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้เดือดร้อนก็ที่จะควรหลีกเลี่ยง
“เมื่อกี้ผมต้องขอโทษด้วยที่เดินไม่ทันระวังจนชนคุณ คุณอันวาร์” เอริครีบพูดขึ้น แล้วรีบปล่อยหญิงสาวทันที พร้อมทั้งช่วยปัดผมบนหน้าผากให้หญิงสาวอีกด้วย
“ไม่…ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้า พร้อมกับปัดมือเอริคตรงหน้าผากออกเบาๆ ทันใดนั้น แก้มของหล่อนก็แดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่แล้วกาเบรียลล์ก็ต้องโกรธขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นชายคนที่เพิ่งจะกล่าวขอโทษหล่อนคนนั้นกําลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนกระทืบเท้าเบาๆ ก่อนที่จะตะโกนเรียกเสียงดัง “เฮ้!”