I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 195
ตอนที่ 195 นักแสดงรับเชิญ
เอริคหยุดเดินแล้วหันกลับมามองหญิงสาวทันที “ยังมีเรื่องอะไรอีกไหมครับ คุณอันวาร์”
หล่อนนึกเสียใจที่ตะโกนออกไปแบบนั้น หล่อนรู้สึกว่าตัวเองด่วนตัดสินใจเร็วเกินไป แต่ว่าในเมื่อตะโกนออกไปแล้ว ก็คงทําได้แค่พูดมันออกไป ” คุณวิลเลียม เป็นเกียรติเต้นรํากับฉันสักรอบได้ไหม”
เอริคมองรูปร่างเพียวบางที่อยู่ในชุดราตรีสีแดงเข้มของหญิงสาว ผิวเนียนขาวละเอียดของเรียวขาช่างขับกันดีกับรองเท้าหนังส้นเตี้ยคู่นั้น เมื่อเห็นดังนั้นก็ทําให้เอริคนึกถึงฉากเต้นแทงโก้ในหนังเรื่อง Scent of a Woman ขึ้นมาได้ เขายิ้มบางๆแล้วถามกลับไปว่า “งั้นเราไปเต้นแทงโก้ กันไหม?”
กาเบรียลล์พยักหน้า หล่อนกระตุกยิ้มมุมปากทันที ภายใต้รอยยิ้มนั้นแฝงซึ่งความขี้เล่นซุกซนอยู่เป็นนัยน์ “ถ้าคุณต้องการ”
“งั้นก็โอเค โปรดรอผมสักครู่” เอริคพูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปสุดทางของระเบียงทางเดิน
หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ แล้วยืนมองเอริคหมุนตัวเดินจากไปอีกครั้ง เมื่อยืนรอจนเงาของเอริคหายเข้าไปในประตูแล้ว หล่อนจึงได้ยกมือขึ้นมาลูบอกหลายครั้งด้วยความโล่งใจ ขณะเดียวกันสมองก็กําลังคิดว่าควรจะทํายังไงต่อไปเพื่อให้ชายหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคนนั้นหันมาสนใจในตัวหล่อน
หลังจากที่หล่อนได้รับบทนักเต้นแทงโก้ในหนังเรื่อง Scent of a Woman กาเบรียลล์ก็ได้ย้ายมาอยู่ในอเมริกาเป็นเวลาหลายเดือน จนทําให้หล่อนได้เรียนรู้และเข้าใจเมืองฮอลลีวูดอย่างลึกซึ้ง หล่อนจึงตัดสินที่จะอยู่ฮอลลีวูดต่อ
ถึงแม้ฉากเต้นแทงโก้ในหนังเรื่อง Scent of a Woman จะเป็นเพียงฉากสั้นๆไม่กี่นาทีก็ตาม แต่เป็นเพราะความตั้งใจของอัล ปาชิโน ที่อยากให้หนังออกมาดีที่สุด เขาจึงทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนนี้มาก ในระยะการถ่ายทํากว่าหนึ่งสัปดาห์ในโรงแรมแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ขณะที่กาเบรียลล์อยู่ในกองถ่าย หล่อนพบว่าทุกคนในกองถ่ายตั้งแต่ผู้กํากับไปจนถึงทีมงานทั่วไปต่างให้ความเกรงใจกับหล่อนมาก ถึงแม้ว่าหล่อนจะเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่และทําผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งก็ตาม หรืออาจเป็นเพราะข้อผิดพลาดเหล่านั้นของหล่อนยังอยู่ในระดับต่ํา ตั้งเริ่มต้นถ่ายจนถึงตอนจบ ผู้กํากับมาร์ติน เบรสต์ และนักแสดงนําชายอย่างอัล ปาชิโนก็ไม่เคยอารมณ์เสียใส่หล่อนเลยสักครั้ง มากสุดพวกเขาก็ทําได้พียงขมวดคิ้วชักสีหน้าไม่พอใจเท่านั้น และใช้ความอดทนอย่างมากในการอธิบายจุดสําคัญให้หล่อนฟัง
ตอนแรก กาเบรียลล์คิดว่าสองคนนี้เป็นคนขี้เล่นอารมณ์ดี แต่แล้วเรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น วันที่สามของการถ่ายทํา มีนักแสดงตัวประกอบคนหนึ่งเหม่อลอยไม่ตั้งใจแสดง ทําให้ฉากซับซ้อนที่ควรจะต้องเสร็จแล้วกลับถูกถ่ายซ้ําไปซ้ํามาหลายรอบ จนทําให้อัล ปาชิโนโกรธและหงุดหงิดมาก เขาขว้างปาข้าวของและใช้คําพูดหยาบคายด่าทอตัวประกอบคนนั้นจนร้องไห้ออกมา นักแสดงคนนั้นรู้สึกอับอายจนวิ่งหนีออกจากกองถ่ายไป เหตุการณ์นี้ก็ทําให้ผู้กํากับมาร์ติน เบรสต์ ไม่สบอารมณ์เช่นกัน เหตุการณ์นี้หล่อนจึงรู้สึกแปลกใจว่าทําไมหล่อนจึงได้รับการปฏิบัติที่ดีเช่นนี้
แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างทําให้หล่อนเพิ่งจะได้เข้าใจ
เหตุเกิดขึ้นเมื่อมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่า แม็ตต์ เดม่อนเพิ่งเข้ามาในกองถ่ายเพียงไม่กี่วัน เมื่อเขาเห็นกาเบรียลล์ก็รู้สึกชอบหล่อนขึ้นมาทันที เขาจึงมักจะหาเรื่องชวนคุยอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อเรี่องนี้รู้ถึงหูอัล ปาชิโน หล่อนเห็นกับตาว่าเด็กคนนั้นถูกอัล ปาชิโดนเรียกเข้าไปคุยในห้อง และหลังจากวันนั้นแม็ตต์ เดม่อนก็ไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรกับหล่อนอีกเลย
หลังจากเหตุการณ์นี้ ทําให้หญิงสาวคิดทบทวนอยู่หลายครั้งจนในที่สุดก็ได้คําตอบว่าการที่หล่อนได้รับการดูแลอย่างนี้เพราะหล่อนเป็นคนที่เอริค วิลเลียมแนะนํามา มิหนําซ้ําพวกเขายังคิดว่าหล่อนเป็นคนรักของเอริคอีกด้วย ด้วยเหตุนี้หล่อนจึงได้รับการต้อนรับอย่างดีจากทุกคน เพราะหากเมื่อมองในหลักความเป็นจริง โดยปกติแล้วนักแสดงหญิงหน้าใหม่ต้องถูกเขม่นจากทุกคนแน่นอน แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่เคยเจอ เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่หล่อนอยู่อังกฤษ พ่อแม่ของหล่อนเป็นคนในแวดวงภาพยนต์อยู่แล้วทําให้หล่อนได้รับการปกป้อง แต่เมื่อหล่อนไปแสดงละคร หล่อนก็ถูกเขม่นเช่นกัน
เพราะความผิดพลาดครั้งนี้ ทําให้หล่อนได้รับประโยชน์ไม่ใช่น้อย หล่อนก็ไม่ได้อธิบายหรือแจ้งใดๆให้ทุกคนเข้าใจ เวลาที่พูดคุยกับคนอื่น หล่อนก็มักจะเอ่ยชื่อเอริคออกมาโดยไม่รู้สึกผิดอะไร เพื่อบอกเป็นนัยกับทุกคนเพื่อให้เข้าใจว่าหล่อนนั้นคือแฟนตัวจริงของเอริค
คนที่หล่อนรู้จักส่วนใหญ่ รวมไปถึงผู้จัดการนายหน้าของบริษัทอย่างคาร์พลู ซิสต่างเข้าใจว่าหล่อนเป็นคนรักของเอริค พวกเขาก็ไม่เคยดูถูกหล่อนเลย ซึ่งตอนนี้เอริคเองก็ทําตัวเหมือนโสดด้วย ไม่แน่หล่อนอาจจะโชคดีได้เปลี่ยนสถานะเป็นแฟนตัวจริงของเขา และในอนาคตอาจได้เป็นภรรยาของเขาก็เป็นได้
แต่หล่อนรู้เต็มอกว่าระหว่างหล่อนกับเอริคไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน หล่อนกับเขาได้เจอกันเพียงแค่ครั้งเดียวและคุยกันไม่ถึงสิบประโยคด้วยซ้ํา
เมื่อเวลาก็ล่วงเลยผ่านไป หล่อนเริ่มมีความกังวลขึ้นมาว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผย จะเป็นยังไงถ้าพวกเขารู้ว่าตัวเองโดนหลอก โดยเฉพาะนายหน้าที่ดูแลหล่อนมาตลอดอย่างคาร์พลู ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเขามักจะถามหล่อนว่าถึงเรื่องการนัดเดทของหล่อนเสมอ
“เฮ้ กําลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหูของกาเบรียลล์ซึ่งทําให้หล่อนหยุดความคิดนั้นลงทันที
หญิงสาวเห็นเอริคปรากฏขึ้นตรงหน้าหล่อนจึงส่ายหัวก่อนจะตอบว่า “ไม่มีอะไร”
“งั้นพวกเราเข้าไปในงานกันเถอะ” เอริคพูดขึ้นอย่างไม่ได้สนใจอะไร
“อื้อ โอเค” หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะก้าวไปควงแขนของเอริคทันที
เอริคมองท่าทางสนิทสนมของหญิงสาวอย่างคาดไม่ถึง ท่าทางแบบนั้นทําให้เขาสนใจในตัว หญิงสาวไม่ใช่น้อย กาเบรียลล์ก้มหน้าเพื่อหลบสายตา หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายตัวเอง ตัวเอริคเองก็ปล่อยให้หล่อนควงแขนเขาไปโดยไม่คัดค้านอะไร
เอริคหัวเราะเบาๆถึงความไม่ระวังตัวของกาเบรียลล์ เพราะแขนของเขาดันไปสัมผัสกับหน้าอกของหล่อน ซึ่งตัวเขาก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ถ้าคนข้างกายของเขาเป็นนิโคลละก็เขาคงได้สัมผัสถึงความนุ่มสบายของหน้าอกนิโคลแล้ว แต่สําหรับหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาตอนนี้ช่างเล็กเกินกว่าจะสัมผัสได้
เมื่อเอริคก้าวเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง สายตาอันแหลมคมของอัล ปาชิโนก็หันไปเห็นเอริคพอดี เขาจึงเดินไปหาเอริคทันที เมื่อมาถึงตัวเอริคเขามองไปยังกาเบรียลล์ที่ทําตัวเป็นนกน้อยที่เกาะแขนเอริคอยู่ อัล แต่ปาชิโนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และหันไปพูดกับเอริคว่า “เอริค ผมตัดสินใจแล้ว หนังเรื่อง Scent of a Woman บริษัท Firefly จะเป็นผู้จัดจําหน่ายเอง ผมคิดว่าที่คุณโรเบิร์ตพูดก็มีเหตุผล
เอริคนั้นคาดการณ์ไว้แล้วว่าผลต้องออกมาเป็นแบบนี้ โรเบิร์ต เชียร์ต้องพูดเพื่อตัวเองอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความปรารถนาที่อยากได้รางวัลของอัล ปาชิโนนั้นมีมาก จึงทําให้เขาหลงเชื่อในคําพูดของโรเบิร์ต เชียร์อย่างง่ายดาย
“ผมเชื่อว่านี้เป็นตัวเลือกที่ดีแน่นอน” เอริคพยักหน้าก่อนจะพูดว่า ” อ่ะ จริงสิ อัล คุณมีแพลนจะแสดงหนังเรื่องต่อไปไหม”
อัล ปาชิโนส่ายหน้า “ผมกะว่าจะพักสักหน่อย คาร์พลูก็แนะนําแบบนี้เหมือนกัน ปีนี้ผมถ่ายหนังสองเรื่องติดกันแล้ว คาร์พลูบอกว่าให้ผ่านงานประกาศผลรางวัลออสก้าไปก่อน แล้วค่อยพิจารณาหนังเรื่องต่อไป “ อัล ปาชิโนหยุดพูดไปชั่วขณะแล้วมองแววตาของเอริคก่อนจะพูดว่า “แต่ถ้าเป็นหนังของคุณ ผมรับได้ตลอดครับ”
“ไม่ อัล ช่วงนี้ไม่มีหนังเรื่องไหนเหมาะกับคุณเลย” เอริคอธิบายต่อว่า “ที่จริงแล้ว คุณก็น่าจะได้ยินมาแล้ว่าผมกําลังถ่ายละคร… ”
อัลก็หัวเราะขึ้นมาทันใด “แน่นอนว่าผมเคยได้ยิน และผมยังรู้อีกว่าคุณลงไปกํากับเองถึงสองตอน เอริค ความคิดของคุณ..ช่างไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ ผู้กํากับที่ผมรู้จัก ถ้าไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอะไร น้อยคนนักที่ลงไปกํากับละครด้วยตัวเอง จริงสิ ที่คุณพูดคือ…”
“คือย่างนี้ครับ ตอนนี้ผมกําลังถ่ายละครตลกอยู่เรื่องหนึ่ง ตั้งใจว่าจะเชิญคุณมาเป็นนักแสดงรับเชิญสักตอน “เอริคพูดขึ้น
อัล ปาชิโนเกิดความลังเลใจ นักแสดงรับเชิญอย่างนั้นเหรอ เขาเพียงแค่กังวลถึงเรตติ้งที่ได้จากละครเรื่องนี้ต่างหาก ถ้าหากเรตติ้งของละครเรื่องนี้ต่ําละ แล้วถ้าเขาตอบตกลงว่าจะเป็นนักแสดงรับเชิญให้กับเอริค ก็คงไม่ต่างอะไรกับการแสดงหนังเรื่องแย่ๆเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน หลายปีก่อนหน้าหนังไม่ดีเรื่องนั้นทําให้เขาต้องออกจากวงการหนังไป ความทรงจําเลวร้ายที่ยังติดอยู่ในใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ เพราะเหตุนี้ตอนนี้เขาจึงพยายามรักษาชื่อเสียงของเขาไว้ จึงไม่ได้ตอบตกลง ไปตั้งแต่แรกที่เอริคถามขึ้น
เรื่องนี้เอริครู้ดีว่าไม่สามารถดึงดันมากได้ จึงพูดต่อว่า “อัล ละครเรื่องนนี้ถ่ายไปออนแอร์ไป จะออนแอร์ตอนแรกวันที่ 3 เดือนกันยายนนี้ โดยสถานีโทศทัศน์ Fox ผมรู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร งั้นเอาอย่างนนี้ ถ้าละครออนแอร์ไปแล้ว เรตติ้งคนดูต่ํากว่า 15 ล้านคน เรื่องนี้ผมก็จะไม่พูดถึงอีก แต่ถ้ามันสูงกว่า 15 ล้านคน ผมหวังว่าคุณจะพิจารณาข้อเสนอนี้อีกครั้งหนึ่ง”
“ได้ครับไม่มีปัญหา” อัล ปาชิโนรับปากกับเอริคทันที เขาเองก็รู้ดีว่าละครเรื่องนี้ได้ถูกฉายในอเมริกาจนได้เรตติ้งสูงกว่า 15 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นละครที่ฮออตฮิตมาก ถ้าเขาตอบตกลงเป็นนักแสดงรับเชิญในละครเรื่องนี้มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย และอาจช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้เขาอีกทาง
“งั้นก็ตกลง ถ้าคุณมีเวลาก็ลองดูละครเรื่องนี้”
อัลยิ้มก่อนจะพูดว่า “สองตอนแรกผู้กํากับใหญ่อย่างคุณเป็นคนกํากับเองทั้งที ผมจะดูให้ตรงเวลาแน่นอนครับ จริงสิ บอกผมหน่อยได้ไหมว่านักแสดงรับเชิญผมต้องเล่นบทบาทไหน?
“แน่นอน ผมอยากให้คุณแสดงเป็นตัวเอง”
“ตัวเอง?”
“ใช่” เอริคจึงพูดต่อว่า ” พล็อตเรื่องเป็นอย่างนี้ ละครของผมมีนักแสดงหลักๆอยู่ทั้งหมด 6 คน หนึ่งในนั้นคือนักแสดงรับเชิญ วันหนึ่งเขาได้เซ็นสัญญาเล่นหนังเรื่องหนึ่ง เขาได้เล่นบทเปลือยกาย….. ”
จากต้นฉบับในตอนที่หนึ่ง โจอี้ที่รับบทโดยอัลปาชิโนเขาถูกคนอื่นล้อเรื่องกันมาตลอด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่ออกไปพบปะผู้คนหรือเข้าสังคมเลย แต่ตอนนี้กลับไม่เหมือนกับต้นฉบับ และเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเอริคกับอัล ปาชิโนในการทํางานนั้นเพิ่มขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง แน่นอนว่าต้องใช้ประโยชน์ตรงนี้ ให้เขาแสดงความเป็นตัวเองออกมาให้ได้
“โว โว โว” เมื่อได้ยินเอริคบอกรายละเอียด อัลก็หัวเราะออกมา “ถ้าต้องการ ผมก็ไม่ถือสา ถ้าจะให้ผมเปลือยกายนะ”
” เอริคยักไหล่ “คุณก็รู้ว่าโครงเรื่องนี้ยังไงก็ต้องทํา”
” แน่นอน ผมรู้สึกว่าละครเรื่องนี้ดูน่าสนใจมาก อื้อ โอเค ดูเหมือนคุณผู้หญิงอันวาร์คงจะหงุดหงิดแล้วละ ผมต้องขอโทษด้วยดึงตัวเอริคไว้นานไปหน่อย พวกคุณกําลังจะไปเต้นรําใช่ไหม เอริค ลีลาการเต้นแทงโก้ของคุณผู้หญิงอันวาร์ไม่แพ้ใครในโลกเลย”
” ขอบคุณนะคะสําหรับคําชม คุณปาชิโน” กาเบรียลล์ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดอะไรออกมาขณะที่หันไปพูดกับอัล หล่อนจะไปกล้าทําได้ ในใจของหล่อนทําได้เพียงแค่ซาบซึ้งใจกับคําชมของของอัลปาชิโนเท่านั้น
“งั้นขอให้สนุกกับงานปาร์ตี้นะครับ ผมต้องขอตัวไปคุยกับแขกท่านอื่นก่อน ลากก่อนครับ”
” แล้วพบกันใหม่ครับ” เอริคพยักหน้า แล้วพาหญิงสาวออกไปเต้นรํา