I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 202
ตอนที่ 202 หรือว่าจะเปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อเอลิซาเบธวิ่งตามออกไปจนถึงนอกร้าน หล่อนก็ไม่เจอตัวเอริคแล้ว หล่อนจึงกลับโรงแรมด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“พี่จูเลีย พี่กําลังทําอะไรอยู่อ่ะ? ”
เมื่อกลับมาถึงห้องพักของโรงแรมแล้วเอลิซาเบธเห็นกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งที่ตั้งไว้อยู่กลางห้อง และก็พบว่าจูเลียกําลังเก็บข้าวของของตัวเองอยู่
จูเลียที่กําลังยัดเสื้อเชิ้ตใส่กระเป๋าอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นพร้อมพูดขึ้นว่า “ฉัน…ฉันต้องไปจากที่นี่ ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ฉันต้องกลับลอสแองเจลิสแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเอลิซาเบธกระทืบเท้าด้วยความโกรธทันทีก่อนจะเดินเข้าไปหาจูเลียแล้วจับหล่อนให้นั่งลงบนเก้าอี้ ” พี่รู้ไหม ว่าตอนนี้พี่เหมือนกับอะไร เหมือนสัตว์ตัวน้อยที่เอาแต่วิ่งหนีศัตรู
คําพูดของเอลิซาเบธที่มแทงเข้ามาในจิตใจของจูเลีย หล่อนพยายามหลบสายตาที่สับสนคู่นั้น ก่อนหันไปตําหนิเอลิซาเบธว่า “ฉันจะยังไม่ยกโทษให้เธอ เรื่องที่เธอไม่เตือนฉันตอนที่เอริคมายืนอยู่ด้านหลังของฉัน แล้วฉันพูดออกไปขนาดนั้น ผู้ชายคนนั้นต้องจัดการกับฉันแน่ๆ”
เอลิซาเบธอดขําออกมาไม่ได้ “ฮ่าฮ่า เขาจะจัดการพี่ยังไงละ ตีก้นพี่เหรอ อย่าพึ่งโวยวายไปก่อนสิพี่จูเลีย คิดซะว่าเรื่องนั้นเป็นความฝันของพี่ละกัน”
จูเลียก้มหน้าลงทันทีก่อนจะพูดว่า “เธอ…ไม่เข้าใจหรอกลิชว่าผู้ชายคนนั้นร้ายกาจมากแค่ไหน”
เอลิซาเบธไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของจูเลีย จึงหยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนจะคว้ามือของจูเลียแล้วพูดว่า “ไป ไปกับฉัน”
“ไปไหน? “จูเลียยืนขึ้นตามแรงดึงของเอลิซาเบธและถามขึ้น
“พวกเราไปหาเอริค วิลเลียมกันเถอะ ในเมื่อพี่ยังเป็นกังวลขนาดนี้ ฉันก็จะช่วยพี่พูดให้ชัดเจนเอง ว่าห้ามมาก่อความวุ่นวายให้พี่อีก “
เมื่อหญิงสาวได้ยินเอลิซาเบธพูดอย่างนั้น ก็ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทันที และไม่ยอกลุกไปไหนมือเล็กๆทั้งสองข้างนั้นจับเก้าอี้ไว้แน่นก่อนจะพูดว่า “เขา…เขาไม่เคยก่อความวุ่นวายให้ฉันมาก่อน”
“งั้นพี่บอกฉันสิว่าพี่เป็นอะไรกันแน่? ”
“ฉัน…ฉันก็ไม่รู้ ฉันรู้สึกกลัวเขา อาจเป็นเพราะเรื่องเมาคืนนั้น ไหนจะเรื่องวันนี้อีก ฉันจึงไม่กล้าเจอเขา ลิซ เธอไม่ต้องสนใจฉันได้ไหม? ” จูเลียพูดย้ําๆอึ้งๆ ถึงแม้ว่าหล่อนกับเอลิซาเบธจะสนิทกันมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่หล่อนก็ยังไม่วางใจที่จะบอกความลับของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้ได้ นั้นเป็นความลับที่มีแค่เอริคกับหล่อนรู้กันอยู่แค่สองคนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตัวหล่อนเองก็ยังไม่ค่อย เข้าใจถึงโรคสตอกโฮล์มซินโดรมที่ตัวเองเป็นตอนนี้ด้วย หล่อนเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับโรคนี้ แต่ดูเหมือนอาการที่ตัวเองเป็นนั้น…ไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่นัก
หรือว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว ?
เอลิซาเบธเดินไปเดินมาในห้องด้วยความกลุ้มใจ แล้วจู่ๆหล่อนก็ตบมือเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะพูดว่า “พี่จูเลีย พี่คิดว่าเรื่องนี้เป็นอย่างนี้ไหม”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วคิดตามเอลิซาเบธ ” บางที อาจเป็นเพราะพี่กับเขาทํางานร่วมกันน้อยเกินไป และเวลาทํางานกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆนั้น เขาค่อนข้างที่จะเอาเปรียบพี่ ดังนั้นเป็นไปได้ว่าการกระทําแบบนี้อาจทําให้มีผลกระทบทางจิตใจแบบนี้?”
“อาจ…อาจจะมั้ง” จูเลีบพยักหน้า แล้วคิดตามอย่างละเอียด ซึ่งเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ที่ทําให้หล่อนเป็นแบบนี้ เมื่อตอนที่ถ่ายทําหนังเรื่อง Pretty Women หล่อนไม่เคยอยู่กับเอริคเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง ตั้งแต่เริ่มที่จะรู้จักเขาตนถึงตอนนี้ หล่อนกับเขาเคยนอนด้วยกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าครั้งนั้นจะเป็นความประทับใจที่ค่อนข้างลึกซึ้งก็ตาม แต่กลับมีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว
แล้วความประทับใจอื่นๆนั้น…
คืนนั้นเป็นการพบกันครั้งแบบจริงจังครั้งแรก เขาจ้องมองไปในดวงตาหล่อน แล้วบอกกับหล่อนว่าจะทําให้หล่อนได้เป็นนักแสดงที่ดังที่สุดในฮอลลีวูด…
และตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง Temptress Moon หล่อนพยายามที่จะบอกเป็นนัยน์ๆกับเอริคแล้ว แต่เขากับบอกว่า : ช่างมันเถอะ ผมต้องรีบกลับไป…
ไหนจะตอนที่หล่อนใช้คําเชิญชวนของอัลในการทดสอบเขา แต่เขากลับตอบกลับเพียงเบาๆ ว่าไปเถอะ อย่าให้กระทบกับการถ่ายหนังพรุ่งนี้…
แล้วไหนจะยังตอนอยู่ในรถอีก เขายกมือขึ้นมา ในใจของหล่อนตอนนั้นคาดหวังอย่างมากว่าเขาจะทําอะไรบางอย่างกับหล่อน แต่แล้วก็ตกผิดหวัง เพราะเขายกมือปิดประตูรถเท่านั้น….
หลังจากที่หนังเรื่อง Temptress Moon ประสบความสําเร็จแล้ว หล่อนรีบไปหาเขาทันทีด้วยความรู้สึกดีใจเต็มเปี่ยม แต่เขากลับตําหนิหล่อน ถ้ารอไม่ได้คุณจะทํายังไง
บริษัทจ้างบอดี้การ์ดมาเป็นคนขับรถให้หล่อน หล่อนมีความรู้สึกแปลกๆ และตอนที่หล่อนไปหาเขา เอริคกลับส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้หล่อน…
ตอนแรกที่รู้จักกัน หล่อนเป็นเพียงคนทั่วไปที่มักจะยืนมองเอริคอยู่ข้างล่าง เขาเปรียบเสมือนเทวดาที่อยู่บนท้องฟ้ายากที่หล่อนจะเอื้อมถึง แต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นเหมือนแสงอาทิตย์ที่คอยสาดแสงเข้ามาในความมืด
เมื่อเอลิซาเบธเห็นจูเลียกําลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง หล่อนจึงดีดนิ้วดังข้างๆหูของจูเลียเพื่อเรียกสติ
“ห้ะ? ” เมื่อถูกเรียกสติ หญิงสาวจึงมองไปยังเอลิซาเบธด้วยความสงสัย
“พี่จูเลีย พี่ไม่คิดจะแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้หน่อยเหรอ? ”
“แล้ว…จะแก้ไขยังไงละ? ”
เอลิซาเบธจึงพูดต่อว่า “ง่ายจะตาย พี่ต้องเข้าหาเขามากกว่านี้ ฉันรู้สึกว่าเอริค วิลเลียมไม่ได้ น่ากลัวอะไรขนาดนั้น อีกอย่างตอนนี้เขาก็อยู่เวนิส ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้ว พี่สามารถเข้าหาเขาได้สบายๆเลย บางทีหลังจากที่ปรับความเข้าใจกันแล้ว พี่อาจจะไม่กลัวเขาแล้วก็ได้”
หลังจากที่พูดจบจูเลียนั่งเงียบอยู่พักใหญ่ แล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดว่า “มันจะ ได้ผลไหม”
“ไม่ลองแล้วจรู้ได้ยังไงละ” เอลิซาเบธมองจูเลียที่ดูผ่อนคลายลง แล้วรีบพยุงตัวหล่อนขึ้นทันที่ “ไปกันเถอะ พวกเราไปหาเขาตอนนี้เลย”
“เดี๋ยวก่อน ฉัน…ฉันคิดว่าขอเปลี่ยนชุดสักหน่อย” จูเลียพูดขึ้น
เอลิซาเบธมองไปยังชุดของจูเลีย ซึ่งใส่แค่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีชมพูและกางเกงยีนส์ขายาวเท่านั้น เอลิซาเบธส่ายหน้าก่อนพูดว่า “แบบนี้ก็ได้แล้ว อีกอย่างตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าด้วย ถ้าขืนรอให้พี่เปลี่ยนชุดสวยๆอยู่ละก็จะยิ่งดึกเข้าไปใหญ่” พูดจบเอลิซาเบธก็จูงมือจูเลียออกจากห้องไปทันที
เอริคเพิ่งจะอาบน้ําเสร็จ เขาเปลี่ยนเป็นชุดง่ายๆสบายๆ แล้วมาเปิดทีวี เขากดเปลี่ยนไปมาหลายช่อง แม้ว่าโรงแรมนี้จะมีเคเบิ้ลทีวีที่ฉายรายการดังๆในอเมริกาเหนือก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่รายการที่น่าสนใจมากนักสําหรับเอริค อีกอย่างละครก็เป็นภาษาท้องถิ่นที่เอริคก็ไม่เข้าใจด้วย เขาจึงปิดทีวี แล้วหยิบหนังสือที่ดูรซ์ซื้อให้เขาที่สนามบินอย่างเรื่อง Walden ขึ้นมาเปิดอ่าน
ชายวัยกลางคนอายุ 40 ปีในร่างเด็กหนุ่มอายุ 19 ปี ยากที่จะใจเย็นลงได้ในโลกอันแสนวุ่นวายนี้ ซึ่งทําให้เอิรคยากที่จะเข้าใจบทประพันธ์ของหนังสือเล่มนั้นได้ เมื่อตอนอยู่บนเครื่องบินเขาก็เปิดอ่านไปแล้วรอบหนึ่งแต่อ่านไปอ่านมาสุดท้ายก็หลับซะงั้น ถึงเขาจะอ่านตอนนี้อีกรอบก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายแล้วก็ทําให้เขาง่วงอยู่ดี
ขณะที่เขากําลังจะเตรียมตัวนอน โทรศัพท์ของโรงแรมก็ดังขึ้น พอเขารับแล้วจึงรู้ว่าเป็นสายจากล็อบบี้ด้านล่าง ซึ่งเขาว่ามีคนมาหา
“เชิญเข้ามา พวกเธอมาทําอะไรดึกดื่นขนาดนี้” เอริคเปิดประตูให้พวกหล่อนเข้ามาในห้องแล้วถามขึ้น
เอลิซาเบธไม่ได้สนใจจูเลียที่แสดงท่าทางระมัดระวังตัวอยู่ด้านหลังของตัวเอง หล่อนมองสํารวจไปรอบๆห้องที่กว้างขวางของเอริค แล้วไปหยุดอยู่ที่หนังสือเล่มหนึ่งที่วาอยู่บนโต๊ะน้ําชาของเอริคก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “นี่ คิดไม่ถึงว่าคุณจะชอบอ่านหนังสือแบบนี้ด้วย ? ”
เอริคที่กําลังยื่นแก้วน้ําผลไม้สองแก้วให้พวกหญิงสาว เมื่อเขาได้ยินเอลิซาเบธถามจึงรีบตอบทันที “ไม่ได้ชอบ”