I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 206
ตอนที่ 206 การเปลี่ยนแปลงที่เกิดคาด
จูเลียไม่รู้ว่าควรจะรับมือยังไงกับเอลิซาเบธ แม้ว่าอีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงเรียบๆในการวิจารณ์ละครก็ตาม แต่หล่อนก็รู้ว่าน้ำเสียงเรียบๆแบบนั้นแฝงไปด้วยความอิจฉาอยู่ไม่ใช่น้อย
เพราะจูเลียเองก็เคยมีความรู้สึกอิจฉาแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าพวกหล่อนจะได้ดูละครเพียงแค่สองตอนเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่าละครเรื่อง Friend ที่ดูจะธรรมดาๆเรื่องนี้ต้องได้รับเรตติ้งที่สูงมากอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นนิสัยของตัวละครตัวหนึ่งที่ชื่อว่าราเชลซึ่งรับโดยอนิสตันจะเป็นหนึ่งในตัวละครทั้ง 6 ที่คนดูจะต้องชื่นชอบมากอย่างแน่นอน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพวกหล่อนรู้สึกได้ว่าผลตอบรับของละครเรื่องนี้ต้องดีกว่าหนังเรื่องแรกของเอริคที่วางจําหน่ายก่อนหน้า
เอริคดีต่ออนิสตันมากจริงๆ จูเลียคิดในใจ
ในขณะที่ละครเรื่องนี้กําลังเบรคพักโฆษณาอยู่ ทั้งสองสาวจึงเริ่มขยับตัว พวกหล่อนหันไปมองข้างนอกหน้าต่างก็พบว่าท้องฟ้านั้นสว่างแล้ว
จูเลียลุกขึ้นแล้วบิดเอวเพื่อขจัดความขี้เกียจ หล่อนเดินไปแปรงฟันและล้างมือ ก่อนจะ เอ่ยขึ้นว่า ” ลิซ เธอจะไปกินอาหารเช้าข้างล่างด้วยกันไหม ? “
เอลิซาเบธส่ายหน้า ” ฉันเหนื่อยแล้ว ไม่อยากออกไปไหน ฉันรบกวนพี่ช่วยตักสลัดผลไม้ขึ้นมาให้สัก 1 ชุดได้ไหม ? ”
จูเลียพยักหน้า หล่อนเปลี่ยนชุดสบายๆก่อนเปิดประตูเดินจากไป ส่วนเอลิซาเบธยังคงนั่งดูละครที่กําลังฉายอยู่ในห้องต่อ ขณะที่กําลังดูอยู่ๆหล่อนก็นึกอะไรได้บางอย่างก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ แล้วคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกดเบอร์โทรที่คุ้นเคย
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น จูเลียก็กลับมาพร้อมกับอาหารเช้า 2 ชุด เมื่อเดินเข้ามาในห้องก็เห็นเอลิซาเบธที่เพิ่งวางสายจากใครบางคนก่อนถามขึ้นว่า “โทรหาใครเหรอ ?”
” นิวยอร์ก ” เอลิซาเบธตอบ เมื่อเห็นจูเลียไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไร หล่อนจึงเดินไปนั่งที่โซฟาก่อนพูดขึ้นว่า ”
ฉันเพิ่งโทรหาสถานีโทรทัศน์ Fox ที่นิวยอร์ก เพื่อขอดูเรตติ้งของละครเรื่อง Friend หนะ ”
จูเลียหยิบกล่องข้าวขึ้นมาเปิดพร้อมกับยื่นอีกกล่องให้กับเอลิซาเบธ หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นไปหยิบนมที่อยู่ในตู้เย็นออกมา 2 กล่อง แล้วเดินกลับมานั่งบนโซฟาตามเดิม เมื่อจูเลียได้ยินสิ่งที่เอลิซาเบธพูดหล่อนก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า ” เธออยากรู้เรื่องนี้ไปทําไม ละครที่เอริคเป็นผู้กํากับเองไม่มีทางเรตติ้งตกหรอก ไม่แน่นะว่าตอนที่เพิ่งฉายออกไปอาจจะทําให้เรตติ้งเกินหนึ่งล้านไปแล้วก็ได้ “
” 1.7ล้าน ! ”
เอลิซาเบธพูดพึมพํากับตัวเองเบาๆออกมาด้วยเสียงแหบพร่าราวกับมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในลําคอยังไงยังงั้น ตอนนี้หล่อนศึกษาด้านสื่อสารมวลชนอยู่ ถ้าเทียบกับมืออาชีพแล้วละก็หล่อนก็ยังเหมือนมือสมัครเล่นอยู่ ดังนั้นการรู้ตัวเลขนี้จึงเป็นประโยชน์อย่างมากสําหรับหล่อน
” อื้อ…” จูเลียเทนมใส่แก้วก่อนดื่มไปอีกหนึ่ง หล่อนวางแก้วลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังอีกฝ่ายแล้วถามขึ้นว่า “ เมื่อกี้เธอพูดว่าเท่าไหร่นะ “
เอลิซาเบธเลื่อนจานสลัดผลไม้มาไว้ตรงหน้าแล้วก้มหน้าลงก่อนพูดว่า “ ขนาดฉายแค่ 2 ตอนเรตติ้งก็ปาไปถึง 10.7 ล้านแล้ว สถิติที่สูงที่สุดคือ 500 ล้าน มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ”
” พระเจ้า “ จูเลียถึงกับสําลักนมที่อยู่ในปาก หล่อนเอามือลูบอกก่อนหันไปพูดว่า “ มันไม่ผิดพลาดใช่ไหม ? ”
” จะผิดได้ยังไงละ สถานีโทรทัศน์นั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ”
ใช่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
หลังจากที่บริษัท Fox ได้เผยแพร่เรตติ้งของสองตอนแรกออกมา ต่อให้ตอนนี้จะเป็นเวลาดึกมากแค่ไหนก็ตาม ข่าวเรื่องนี้ก็ยังคงแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งแวดวงภาพยนตร์และโทรทัศน์อย่างต่อเนื่อง หนังสือพิมพ์นับไม่ถ้วนก็คงเริ่มตีพิมพ์กันแล้ว ไหนจะเสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดหย่อนจนปลุกคนที่หลับไปแล้วให้ลุกขึ้นมาตื่นเต้นกับข่าวนี้
ในยุคปัจจุบันนี้ การติดตามข่าวสารความบันเทิงส่วนใหญ่ของผู้ชมมักจะมาจากการดูหนังและดูทีวีทั้งนั้น เพราะเหตุนี้ การที่หนังหรือละครเรื่องหนึ่งจะได้รับเรตติ้งมากกว่า 10 ล้านคนนั้นจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากมาก
แต่การจะได้รับเสียงตอบรับจากคนดูมากขนาดนี้ เรตติ้งเหล่านั้นถ้าไม่มาจากเข้าประกวดชิงรางวัลหรือพิธีบวงสรวงก็อาจมาจากการปรับเปลี่ยนบทบาทสําคัญหรือมีตอนจบหักมุมจากละครที่ได้รับความสนใจมาอย่างยาวนานก็เป็นได้
ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่สร้างเรตติ้งได้มากมายจนน่าตกใจขนาดนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์แวดวงละคร และจุดสําคัญของเหตุการณ์ครั้งนี้ คือบริษัท Fox เป็นสถานีโทรทัศน์ที่เพิ่งเติบโตมาไม่ถึง 10 ปี ถึงแม้ว่าบริษัท Fox จะถูกจัดให้อยู่ลําดับที่ 4 ในอเมริกาเหนือก็ตาม แต่ก็นับว่ายังห่างไกลจาก 3 อันดับแรกอย่างมาก การได้รับเรตติ้งมากขนาดนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ก่อนจะมาฉายละครเรื่อง Friend นั้น เรตติ้งที่สถานีโทรทัศน์ Fox ทําได้สูงสุดคือรายการที่สัมภาษณ์นักร้องชื่อดังที่ชื่อว่า ไมเคิล แจ็คสัน เมื่อรายการนี้ได้ถ่ายทอดออกไปครั้งแรกก็ได้รับเรตติ้งสูงถึง 1.9 ล้าน เลยทีเดียว และพอมาเป็นละครเรื่อง Friend ที่เพิ่งจะฉายออกไปเพียงแค่ 2 ตอนเท่านั้น ก็ได้เรตติ้งสูงกว่าสถิติที่ Fox เคยได้รับมาก่อน ซึ่งตัวเลขนี้ห่างกันมากถึง 10 ล้านคนเลยทีเดียว
ในฐานะที่เอริคเป็นบุคคลสําคัญสําหรับเหตุการณ์ครั้ง เขาจึงถูกเสียงโทรศัทท์ที่ดังขึ้นไม่หยุดหย่อนปลุกให้ตื่นขึ้นทั้งที่ยังไม่ถึงเจ็ดโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ
สายแรกที่โทรเข้ามาคือแบร์รี่ ดิลเลอร์ ซึ่งเขาโทรมาแสดงความยินดีกับเรตติ้งที่เกินคาดของละครเรื่อง Friend และบอกให้เขากลับอเมริกาโดยเร็วที่สุด เพราะว่าประธานบริษัท News Corp อย่างรูเพิร์ตเมอร์ด็อกจะมาถึงลอสแองเจลิสภายในสองวันนี้เพื่อจะมาพบเขาเป็นการส่วนตัว หลังจากที่คุยกับแบร์รี่ ดิลเลอร์นานกว่า 10 นาที เขากระชับให้เอริคกลับลอสแองเจลิสให้เร็วที่สุดอีกครั้งก่อนจะวางสายไปอย่างไม่เต็มใจนัก
เอริคที่เพิ่งวางสายจากแบร์รี่ ยังไม่ทันได้คิดทบทวนถึงเรื่องที่แบร์รี่ ดิลเลอร์บอกเมื่อสักครู่ เสียงโทรศัพท์อีกสายก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
สายที่สองเป็นเจฟฟรีย์โทรเข้ามา สายสาม สายสี่ สายห้า …
กว่าสองชั่วโมงเต็มๆที่เอริคต้องรับโทรศัพท์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนหูทั้งสองข้างของเขาที่เริ่มมีอาการคันขึ้นมาเล็กน้อย เขารับโทรศัพท์ซ้ำๆแบบนั้นจนถึง 9 โมงกว่า จนเขาทนรับไม่ไหว จึงตัดสิ้นดึงสายโทรศัพท์ของโรงแรมออกทักที ในที่สุดโลกก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง ถึงอย่างไรก็แล้วแต่สายที่โทรเข้ามาจากบุคคลสําคัญๆเขาก็รับหมดสายคนเหล่านั้นหมดแล้ว ที่เหลือเขาก็ไม่มีความจําเป็นต้องให้ความสนใจมากนัก
เพราะจุดประสงค์ที่คนเหล่านั้นโทรมาหาเขาไม่ได้แตกต่างกันมากนัก นอกจากสายที่อนิสตันที่โทรมาแสดงความยินดีอย่างจริงใจแล้ว นอกนั้นสายอื่นๆที่โทรมาก็เพื่อหวังได้ออกอากาศซีซั่นต่อไปของละคร Friend ทั้งกันนั้น
ตอนแรกที่ที่ทําข้อตกลงกันกับบริษัท Fox มีการรับประกันว่าบริษัท Fox มีสิทธิ์ออกอากาศละครเรื่อง Friend แค่ซีซั่นแรกเท่านั้น และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรขนาดนั้น ละครเรื่อง Friend เพิ่งจะได้ออกอากาศไปเพียงไม่นานแต่ก็ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ชมล้นหลามขนาดนี้ ต่อให้เรตติ้งของละครเรื่องนี้จะมีการแปรปรวนก็ตาม แต่ยังไงตัวเลขเรตติ้งต่ำสุดของละครเรื่องนี้ก็เกิน 10 ล้านคนอยู่ดี และต่อให้เรตติ้งในอนาคตจะมีเปลี่ยนแปลงอีกก็ตาม มันก็คงไม่ลดลงมากกว่านี้แล้วแน่นอน ถึงอย่างไรก็ตามแต่เรตติงจากละครเรื่อง Friend ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานีโทรทัศน์ 3 แห่งในอเมริกาเหนือเลยแม้แต่น้อย เพราะผู้ที่ควบคุมสถานีโทรทัศน์เหล่านั้นไม่จําเป็นต้องมาดํารงตําแหน่งนี้อีกต่อไป
เพราะคนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว เขาสามารถหาตัวแทนใหม่ได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นานและเพื่อแสดงความจริงใจต่อเอ จอห์นอนิสตัน , เจมส์ บรูคส์ และโรเบิร์ด เชียร์ทั้งสามคนต่างพากันมาเยี่ยมชมถึงสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ ซึ่งเอริคเองได้ทํางานร่วมกับจอห์น อนิสตันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว นอกนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสร้างสัมพันธ์อะไรกับที่เหลืออีกสองคน ดูเหมือนผู้อํานวยการสร้างอย่างเจมส์ บรูคส์จะพยายามตีสนิทกับบริษัท Fox อยู่ ทําอย่างนี้ไม่กลัวคนอื่นรู้หรือไง ? นอกจากนี้แล้วการกระทําของโรเบิร์ด เชียร์ก็ทําให้เอริควุ่นวายไม่ต่างกัน
สําหรับละครเรื่อง Friend เอริคเองก็ไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าจะได้เสียงตอบรับมากมายขนาดนี้ เพราะหนังของเขาอีกเรื่องที่ชื่อว่า Running Out of Time ก็กําลังฉายอยู่ตอนนี้เช่นกัน การนําละครเรื่อง Friend ขึ้นมาแทรกฉายในช่วงนี้จึงทําให้เป็นที่ดึงดูดจากผู้ชมอย่างมากและเพราะมุขตลกในสองตอนแรกที่เอริคเป็นผู้กํากับและเขียนบทเองยิ่งทําให้ละครเรื่องนี้ดูน่าสนใจมากขึ้น ตลอดจนถึงการโฆษณาที่บริษัท Fox ทําอย่างเต็มกําลัง ซึ่งตอนแรกเรตติ้งที่เอริคคาดหวังไม่น่าเกิน 10 ล้านด้วยซ้ำและเพื่อหวังเกร็งกําไรของละครเรื่องนี้พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ให้ความสนใจตัวเอริคกันมากขึ้น
แต่กลังจากเรตติ้งที่ได้รับเกินกว่า 10 ล้านคน เอริคเองก็ตกใจไม่น้อย
สําหรับเรตติ้งของละครอเมริกานั้นเป็นสถิติที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปจาก 10 ล้านถึง 1000ล้าน หากว่าละครนั้นยังคงเป็นละครที่ได้รับความสนใจจากคนดูอยู่ จะทําให้รับรู้การขึ้นลงของเรตติ้งได้โดยง่าย แต่การที่เรตติ้งจะกระโดดข้ามจากพันเป็นหมื่นนั้นเป็นสถิติที่เกิดขึ้นได้ยากมาก มีละครอเมริกันเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากคนดูยาวนานขนาดนี้ ซึ่งในบางช่วงจะได้รับเสียงตอบรับแค่เพียง 1-2 ตอนเท่านั้น
ละครเรื่อง Friend &nmiddotเป็นเรื่องแรกที่สร้างเรตติ้งได้อย่างน่าอัศจรรย์ขนาดนี้ และละครเรื่องนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของวงการละครแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ เรื่องนี้ทําให้วงการภาพยนต์และโทรทัศน์สั่นสะเทือนกว่าที่จะจิตนาการได้อย่างแน่นอน