I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 217
ตอนที่ 217 การตัดสินใจ
เมอร์ด๊อกยิ้มออกมาด้วยความจริงใจก่อนจะกล่าวว่า “ เอริค ทุกคนรู้ดีว่าการให้คะแนนเรตติ้งเหล่านั้นมันเป็นหน้าที่ของ Nielsen ที่เป็นคนรับผิดชอบ”
” Nielsen เป็นบริษัทวิจัยตลาดเชิงพาณิชย์ ที่พวกเขาทําอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อให้ได้เงินไม่ใช่เหรอ ? “ เอริคถามออกมาอย่างไม่เกรงใจ สําหรับบริษัทเชิงพาณิชย์แล้วขอเพียงแค่ได้ผลกําไร การที่จะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงจึงไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรสําหรับพวกเขา และยิ่งเป็นในช่วงยุคนี้วิธีการให้เรตติ้งรายการโทรทัศน์ก็ค่อนข้างหละหลวมซึ่งนั้นทําให้เกิดช่องว่างที่มากพอที่จะปรับเปลี่ยนค่าเรตติ้งได้ตามที่พวกเขาต้องการ ” คุณเมอร์ด๊อก คุณเพิ่งจะตอบรับข้อตกลงของผมไป ทําไมคุณถึงไม่แสดงความดีใจหน่อยละ ยิ่งในอนาคตเราต้องทํางานร่วมกันแล้วก็ควรที่จะมีความสุขสิ “
ทันทีที่ได้ยินคําพูดของเอริคเมอร์ด๊อกก็อดไม่ได้ที่จะนึกด่าเขาในใจขึ้นมา สําหรับเมอร์ด๊อก แล้วเขารู้ดีว่าเงื่อนไขและสัญญาของเขาและเอริคอาจจะมีผลกระทบถึงอํานาจในการครอบครองสถานีโทรทัศน์ Fox ในอนาคต ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆเขาจะมีความสุขได้อย่างไรกัน!
หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่ที่เอริคบีบบังคับเขาเช่นนั้นเมอร์ด๊อกก็คงจะไม่ตอบตกลงแน่ๆ ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาได้พลาดท่าให้กับเอริคแล้วและนั่นทําให้เขาถูกเอริคบีบบังคับอย่างต่อเนื่องจนเขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธอะไรได้อีก และในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้โอกาสที่จะต้องโอนหุ้น 10 % ให้กับเอริคก็สูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ที่สําคัญตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าภายในใจของเอริคกําลังคิดอะไรอยู่ และเขาก็ไม่สามารถแน่ใจได้เลยว่าหลังจากนี้เอริคจะผิดสัญญากับเขาหรือไม่ หากเขาคิดตุกติกเลือกที่จะโอนซีรี่ย์เรื่อง Friends ให้กับสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นเขาจะทําอย่างไรต่อไป.ยิ่งไปกว่านั้นเมอร์ด็อกก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าสถานีโทรทัศน์เหล่านั้นยื่นข้อเสนออะไรให้กับเอริคบ้าง ท่ามกลางความวิตกกังวลของเมอร์ด๊อกทว่าเอริคกลับมองเห็นความคิดของเมอร์ด๊อกได้อย่างทะลุปรุโปร่งตั้งแต่ตอนที่เมอร์ด็อกพยักหน้าตกลงกับเงื่อนไขนั้นเอริคก็รู้ได้ทันทีว่าในเวลานี้เมอร์ด๊อกไม่สามารถยอมให้ Fox สูญเสียซีรี่ย์เรื่อง Friends ไปอย่างแน่นอน เพราะจุดอ่อนของเมอร์ด๊อกนี้จึงทําให้ในเวลานี้เอริคได้เปรียบฝ่ายตรงข้ามอย่างมาก
ในเมื่อเขาไม่สามารถที่จะคืนคําพูดของตัวเองได้ในเวลานี้ ทางเดียวที่เมอร์ด๊อกจะทําได้คือพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อที่เขาจะได้รับกําไรให้มากที่สุด แม้ว่า Firefly ของเอริคจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของสถานีโทรทัศน์ FOX ทว่าเขาก็ยังคงมองว่าสถานีโทรทัศน์ Fox ยังคงเป็นของส่วนตัวของเขาอยู่ดี
เมื่อนึกถึง Fox ที่ต้องการจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับซีรี่ย์ Friends แต่กลับต้องถูกปฏิเสธกลับมา เมอร์ด๊อกจึงตระหนักได้ว่าหากรายการใหม่อีกสองรายการที่เอริคกล่าวถึงก่อนหน้านี้สามารถสร้างเรตติ้งออกมาได้สวยงามจริงๆอย่างที่เอริคพูดไว้ ลิขสิทธิ์รายการสําคัญๆ เหล่านั้นของ Fox ก็จะอยู่ในมือของ Firefly ซึ่งนั่นเท่ากับว่า Firefly ก็เพียงแค่รอจับชีพจนของ Foxอยู่นิ่งๆ บวกเพิ่มกับ Firefly ที่ได้รับหุ้นส่วนเพิ่มอีก 10% นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าในอนาคตเมอร์ด๊อกและเอริคอาจจะต้องพบกับความขัดแย้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ หุ้นส่วนคนอื่นๆที่จะได้รับประโยชน์เหล่านี้ต่างก็ต้องทําทุกอย่างเพื่อที่จะสามารถรักษาไฟที่เหนือกว่าโดยย้ายไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ได้ผลรับผลประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมอร์ด๊อกก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า ” เอาหล่ะเอริค ฉันตกลง…ส่วนเรื่องอื่นๆหลังจากนี้ก็ค่อยว่ากัน แต่สําหรับรายการสองรายการที่นายพูดก่อนหน้านี้ เนื่องจาก Firefly จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Fox เพราะฉะนั้นฉันหวังว่านายจะสามารถยกรายการทั้งสองรายการนั่นให้กับ Fox ได้นะ “
เมื่อเอริคได้ยินว่าเมอร์ด๊อกตอบตกลงกับข้อเสนอแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบดีใจขึ้นมา เพราะในอนาคตหุ้นส่วนนี้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ได้ ทว่าในเวลานี้แผนการที่เขาจะขยายไปสู่สาขาใหม่อื่นๆเริ่มมีเค้าโครงขึ้นมาแล้ว ในเวลานี้เมอร์ด๊อกได้ตอบตกลงเขาแล้วและในเวลานี้เขาเองก็ควรที่จะแสดงความจริงใจของตัวเองออกมาเช่นกัน
คําพูดที่เมอร์ด๊อกกล่าวก่อนหน้านี้ไม่ผิดเลย หากอยากจะได้หุ้น 10% ของ Fox การให้เพียงซีรี่ย์เรื่อง Friends เรื่องเดียวคงจะไม่พอจริงๆ
แม้ว่าภายในใจของเขาจะรู้สึกไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ว่าเอริคก็ตอบออกไปว่า ” คุณเมอร์ด๊อกการที่จะให้สิทธิของรายการให้กับ FOX ทั้งหมดคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ผมสามารถตอบตกลงกับรายการสองรายการนี้ ซึ่งเราจะผลิตรายการโดยการร่วมมือกันระหว่าง Fox และ Firefly และในส่วนของการลงทุนและลิขสิทธิ์ก็สามารถที่จะแบ่งส่วนกันได้ “
ก่อนหน้านี้เมอร์ด๊อกเองก็ไม่ได้คิดว่าเอริคจะยอมยกลิขสิทธิ์ทั้งหมดของรายการทั้งสองให้กับ Fox เป้าหมายหลักของเขาก็คือส่วนของลิขสิทธิ์และการผลิต ซึ่งสิ่งที่เอริคกล่าวออกมาก็เป็นไปตามที่เมอร์ด็อกคิดไว้ตั้งแต่แรกซึ่งนั่นไม่จําเป็นที่เขาจะต้องต่อรองอะไรอีก
ในเวลาที่สั้นๆนี้ ดูเหมือนว่าเอริคต้องพยายามอย่างมากเพื่อที่จะรับมือกับเมอร์ด๊อกอย่างมีสติ และรอบคอบเท่าที่เขาจะทําได้
“ งั้นก็ตกลงตามนี้ ถือว่าเป็นการร่วมมือที่มีความสุข “ แม้ว่าในตู้ข้างๆจะมีไวน์แดงอยู่ แต่เมอร์ด๊อกในตอนนี้ไม่มีแรงที่จะเดินไปหยิบมันมา เขาจึงนําแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้าของเขายกขึ้นมาเพื่อเป็นการฉลองให้กับข้อตกลงที่เกิดขึ้นนี้
” ร่วมมือทํางานด้วยกันอย่างมีความสุข “ เอริคยกแก้วกาแฟขึ้นมาตอบรับเช่นกัน
ทั้งคู่ต่างยิ้มแย้มให้กันราวกับว่าเรื่องที่ถกเถียง การบีบบังคับ และการปะทะกันก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อทั้งคู่พูดคุยกันต่อเพียงครู่หนึ่ง เอริคก็เดินออกมาจากห้องรับแขกก่อนที่จะเดินมายังทางเดินที่เชื่อมต่อกับบันได ขณะที่เขาเดินไปตามทางนั้นมีลมพัดอ่อนๆปะทะเข้ามา จนทําให้เอริครู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เอริคสูดอากาศที่บริสุทธิ์อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินลงบันไดไปยังงานปาร์ตี้ด้านล่าง
ในตอนนี้เป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าแล้วซึ่งยังเป็นเวลาที่งานปาร์ตี้ยังคงเป็นไปอย่างครึกครื้น หนุ่มสาวภายในงานต่างพูดคุยกันอยู่ภายในห้องโถงจนเสียงเจื้อยแจ้วไปทั่ว ภายใต้เพลงที่บรรเลงอยู่ในตอนนี้เริ่มมีคู่หนุ่มสาวเดินทยอยกันไปตรงกลางเพื่อเต้นรําคู่กันอย่างสนุกสนาน
ขณะที่เอริคกําลังกวาดตามองหาอนิสตันอยู่นั้นเขาก็ถูกโรเบิร์ต เซียและเจฟฟรี่ย์ที่ยืนดักรอเขาอยู่ตรงบันไดลากออกไปอย่างรวดเร็ว
“ เอริค เป็นยังไงบ้าง ? ” โรเบิร์ตถามขึ้น แม้ว่าหุ้นของเขาและเอริคจะห่างกันอย่างมากทว่าเขาก็ถือว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของ Firetty ดังนั้นเรื่องซีรี่ย์ Friends และผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับถือว่ายังมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ถึงแม้ว่าภายในใจของเจฟฟรี่ย์เองก็อยากจะรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นภายในห้องทว่าเขาก็ยังไม่กล้าที่จะถามออกไปตรงๆเหมือนกับโรเบิร์ต
เอริคก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมก่อนจะพูดกับโรเบิร์ตว่า ” โรเบิร์ต ฉันมีเรื่องที่ไม่ค่อยดีอยากจะบอกนาย ”
“ ห้ะ?!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นโรเบิร์ตก็อ้าปากค้าง ก่อนหน้านี้เอริคได้พูดถึงแผนที่เขาคิดไว้ให้กับเขาฟัง แต่เมื่อได้ฟังเช่นนี้ภายในใจของเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมา ทว่านั่นก็ยังไม่ได้ทําให้โรเบิร์ตหมดหวังซะทีเดียวเขาจึงรีบถามต่อว่า “ หรือว่า… เจรจาไม่สําเร็จ ?”
เอริคส่ายหน้า ก่อนที่จะพูดกับโรเบิร์ตและเจฟฟรี่ย์เกิดอาการสับสนว่า ” ที่ฉันจะบอกก็คือส่วนแบ่งที่ได้จากบ็อกออฟฟิศจากหนังเรื่อง Pretty Woman ที่นายจะได้รับจากฉัน 60 ล้านเหรียญนั่นน่ะ ในตอนนี้จํานวนเงินเหล่านั้นอาจจะต้องเอาไปใช้กับสิ่งอื่นแล้ว”
ทันใดนั้นโรเบิร์ตและเจฟฟรี่ย์ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าพวกเขากําลังถูกเอริคอําเล่นอย่างแน่นอน เพราะในเวลานี้ดูเหมือนว่าการเจรจาของเขาและเมอร์ด็อกจะผ่านไปได้ด้วยดี
โรเบิร์ตทําท่าจะใช้มือทุบเข้าที่อกของเอริคด้วยความโกรธ ก่อนที่จะยิ้มออกมาพร้อมกับเอ่ยปากด่าว่า “ ไอ้บ้าเอ้ย! หยุดพูดวนไปวนมาสักที สรุปว่ายังไงเนี่ย “
เอริคยื่นนิ้วมือของเขาออกมาพร้อมกับแยกออกจากกันก่อนจะพูดว่า ” เมอร์ด๊อกตอบตกลงที่จะให้หุ้น 10% ของสถานีโทรทัศน์ Fox ให้กับฉัน ซึ่งเป็น 80 % ของซีรี่ย์ Friends ที่จะได้รับก่อนที่จะถูกออกอากาศ “
เมื่อทั้งคู่ได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตาลุกวาวขึ้นมา จนทําให้โรเบิร์ตต้องกลืนน้ําลายอึกใหญ่ ทว่าถึงแม้ว่าเอริคจะแสดงท่าทางราวกับว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมาเป็นเรื่องจริง ทว่าพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก บริษัทที่ถูกจัดอยู่ลําดับที่ 4 ของอเมริกาเหนือแต่ยอมที่จะมอบหุ้นจํานวน 10% ให้กับเขาจะเป็นไปได้อย่างไรกัน สิ่งที่ได้ยินยากเกินกว่าที่โรเบิร์ตจะทําใจเชื่อได้จนเขา ต้องพูดออกมาว่า “ นี่เอริค ไม่ตลกเลยนะ ครอบครัวเมอร์ด๊อกมีหุ้นแค่กี่หุ้นเอง ? ”
เจฟฟรี่ย์และเอริครู้จักกันมานานและเขาก็ได้เห็นความน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับเอริคมาก่อนหน้านี้ ทว่าสิ่งที่เขาได้ยินก็สร้างความตกตะลึงให้เขาอยู่ไม่น้อย หลังจากที่เขาได้สติกลับคืนนี้มาแล้วเจฟฟรี่ย์ก็รู้สึกได้ทันทีว่าเรื่องที่เอริคพูดจะต้องเป็นความจริงเกินกว่า 90 % อย่างแน่นอน” เอริค นายแน่ใจนะว่าไม่ได้ล้อพวกเราเล่น ? ”
เอริคหยิบแชมเปญจากบริกรที่เดินเสริฟอยู่ภายในงานก่อนที่จะยกแก้วขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า ” แน่นอนสิ พวกเรากําลังจะกลายเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ Fox แล้วนะ”
หลังจากได้ยินเช่นนั้นทั้งโรเบิร์ตและเจฟฟรี่ย์ก็หยุดสงสัยในคําพูดของเอริคในทันที ทั้งสองคน แสดงอาการดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดจนทําให้โรเบิร์ตต้องยกแก้วไวน์ของเขาขึ้นมาด้วยอาการตื่นเต้น
แม้ว่าหุ้น 10 % นี้เขาจะได้รับส่วนแบ่งเพียง 1.5 % ทว่าการที่เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของ Firefly นั่นก็หมายความว่าเขาเองก็มีสิทธิใน 10 % ของสถานีโทรทัศน์ Fox เช่นเดียวกันซึ่งเป็นเรื่องที่โรเบิร์ตไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะได้รับโอกาสนี้ หลังจากที่โรเบิร์ตได้กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านแล้วเขาก็ไม่ได้พยายามที่จะขวนขวายหาเงินมากเท่าไหร่นัก แต่ในเวลานี้เขากลับมีอํานาจมาก ยิ่งขึ้นกว่าเดิม และเป้าหมายของเขาคือการได้กลายเป็นผู้นําของภาพยนตร์ยักษ์ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับไมเคิล อายส์เนอร์
และแน่นอนว่ามีบางสิ่งที่โรเบิร์ตไม่ได้ตระหนักถึง หรือบางทีเขาอาจจะจงใจที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งนั้น
นั้นก็คือ Firefly ยังมีเอริค ทว่า Disney ไม่ได้มีคนแบบเขา
หลังจากช่วงเวลาที่ดีใจผ่านไป เอริคก็พูดขึ้นต่อว่า ” แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ Firefly ก็ยังสามารถที่จะจ่าย 60 ล้านเหรียญให้กับนาย แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจจะทําให้ทุนของ Firefly ค่อนข้างที่จะเกิดสภาวะกดดันมากกว่าเดิม ดังนั้นฉันจึงคิดว่าจะเป็นไปได้ไหมที่เงินส่วนนี้จะจ่ายให้กับนายหลังจากสิ้นปีนี้ แต่นายวางใจได้เลยว่าฉันจะจ่ายดอกเบี้ยส่วนที่เหลือโดยอ้างจากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารให้กับนายตามที่เขียนในสัญญาเกี่ยวกับเรื่องการจ่ายเงินไม่ตรงตามเวลาที่กําหนดไว้”
โรเบิร์ตหัวเราะออกมาก่อนที่จะตบบ่าของเอริคแล้วกล่าวว่า ” แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ตอนนี้ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ยังจะมาพูดเรื่องพวกนี้ไปทําไม ฉันเห็นเอกสารแล้วว่าสิ้นปีนี้ Firefly ก็ยังไม่ได้มีเงินทุนมากพอขนาดนั้น เพราะภาพยนตร์ที่เหลืออยู่ก็จะถูกฉายออกไปในสิ้นปีกว่าส่วนแบ่งต่างๆของภาพยนตร์จะถูกแบ่งออกมาได้ชัดเจนก็คงจะต้องรอช่วงกลางปีหน้านั้นแหละ ถึงเวลานั้นนายค่อยจ่ายให้กับฉันก็ได้ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
โรเบิร์ตพูดจบก็รีบกล่าวแทรกขึ้นมาว่า ” จริงแล้วๆ เงินส่วนนั้นไม่ให้ฉันก็ได้นะ นายก็แค่เอาเงินนั่นเปลี่ยนเป็นหุ้นใน Firefly ก็พอแล้ว “
เอริคหัวเราะออกมา ราวกับว่าเขาไม่ได้ตระหนักถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคําพูดของโรเบิร์ต หลังจากหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเขาก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที เมื่อคุยกันอยู่ครู่หนึ่งโรเบิร์ตก็เดินออกไปพร้อมกับแก้วไวน์ด้วยท่าทางที่พึงพอใจ
เหลือเพียงเอริคและเจฟฟรี่ย์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมในเวลานี้