I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 221
ตอนที่ 221 ค่ําเก้าอี้
เอริคกล่าวปฏิเสธออกมาโดยไม่คิดว่า “ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่เลยนะลิซ ถึงแม้ว่าจะเป็นบทภาพยนตร์เดียวกันแต่คนถ่ายทําคนละคนกัน รูปแบบหนังที่ออกมาก็จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย ถึงแม้ว่าฉันจะบอกว่ามันสามารถทําออกมาเป็นหนังได้ดี แต่ถ้าผู้กํากับหนังของพวกเธอไม่มีความสามารถมากพอที่จะทําให้มันออกมาให้ดีได้ สุดท้ายคนที่จะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ก็ยังเป็นฉันอยู่ดี”
เอลิซาเบธเอื้อมมือไปถึงชายเสื้อของเอริคก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “งั้นพวกเราลงทุนร่วมกันก็ได้ นายเองก็สามารถอยู่ในฐานะของผู้ผลิตได้ด้วย ถ้าทําแบบนี้นายก็สามารถตรวจสอบคุณภาพของภาพยนตร์ได้ด้วยตัวของนายเอง”
“หากฉันปล่อยเรื่องที่ฉันจะผลิตภาพยนตร์ร่วมกับคนอื่น คงไม่ต้องพูดถึงบริษัทอื่นๆเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาคงจะร้องห่มร้องไห้ออกมาแน่ๆ เธอคงไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้เงื่อนไขของพวกเขาที่ยื่นให้ไว้กับฉันดูเหมือนว่าจะดีกว่าของเธอมากเสียด้วยสิ ไหนเธอลองพูดสิว่ามีเหตุผลอะไรถึงทําให้ฉันต้องร่วมมือกับเธอ? ”
“นาย…” เอลิซาเบธชะงักในทันทีก่อนที่จะมองเอริคด้วยสายตาที่ไม่เต็มใจพร้อมกับกัดฟันแล้วพูดออกมาว่า “นายมันคนไร้มารยาท! ”
“ว้า โกรธซะแล้วสิ “ เอริคยิ้มออกมาพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนที่จะก้มตัวลงพร้อมกับใช้มือค้ำไปที่เก้าอี้ยาวก่อนที่จะมองหญิงสาวที่นั่งหดตัวอยู่ใต้แขนของเขาแล้วพูดเสียงเบาว่า “ดังนั้น…ถ้าพ่อของเธอไม่อยากให้เธอสืบทอดธุรกิจของเขา เธอก็ควรจะตัดใจแล้วใช้ชีวิตอยู่บนกองเงินกองทองที่พ่อเธอสร้างไว้ให้สบายใจซะ หลังจากนั้นเธอก็แค่หาผู้ชายสักคนมาแต่งงานด้วยก็พอแล้ว ”
ก่อนหน้านี้การพูดคุยของเอลิซาเบธและเอริคไม่ได้สร้างความรู้สึกอะไรให้กับหล่อนเลย ทว่าในเวลานี้เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามเข้ามาใกล้ หล่อนก็สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นบุหรี่ที่ติดอยู่บนตัวของเอริคได้อย่างชัดเจน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เอลิซาเบธไม่ทันได้เตรียมตัวจนทําให้หล่อนอดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงกรีดร้องอยู่ภายในใจ ก่อนที่แก้มเนียนใสของหล่อนจะผุดรอยแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
โคมไฟที่สาดส่องมาแบบสลัวในเวลานี้ทําให้หญิงสาวดูสวยงามมากขึ้นกว่าปกติ และบรรยากาศรอบๆของทั้งสองก็กลายเป็นเพียงส่วนประกอบจางๆที่ไม่ได้ชัดเจนสําหรับพวกเขาในเวลานี้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์หรือเพราะความรู้สึกอะไรที่ทําให้เอริคค่อยๆเอนตัวลงเรื่อยๆอย่างห้ามใจไว้ไม่อยู่ เขาสูดดมกลิ่นหอมที่อยู่บนร่างกายของหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่จะประกบริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากบางของหญิงสาวอย่างแม่นยํา
เอลิซาเบธที่ไม่คาดคิดว่าเอริคจะทําเช่นนี้ก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะยกมือเตรียมขึ้นผลักเขาให้ออกไป ทว่าความรู้สึกชาได้ครอบงําไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย จนทําให้ร่างกายของหล่อนอ่อนปวกเปียกจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้วของหล่อนเอง
เมื่อรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่สั่นไหวอย่างต่อเนื่องของหญิงสาว สติของเอริคกลับคืนมาอีกครั้ง ทว่าในเวลานี้เขาได้ทําสิ่งนั้นลงไปแล้ว เอริคจึงใช้โอกาสนี้เลียไปที่ริมฝีปากที่เรียบเนียนของหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย ก่อนที่จะผละตัวออกจากหล่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าริมฝีปากของหญิงสาวเกิดความชุ่มชื้นขึ้นจากการสัมผัสทางจูบของเขา เอริคก็ยกมือขึ้นเช็ดที่ปากของ หล่อนก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า “โทษทีนะลิซ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เพียงไม่กี่วินาที เอลิซาเบธก็รู้สึกราวกับว่าเธอกําลังลอยอยู่ที่ใดสักแห่งด้วยตัวที่เบาหวิว ใบหน้าของเอริค สัมผัสจากริมฝีปากของเขาและปลายนิ้วหยาบกร้านที่สัมผัสมาบนริมฝีปากของหล่อนทําให้หล่อนรู้สึกได้อย่างชัดเจนในเวลานี้
ความรู้สึกแบบนี้…ไม่เลวเลย
ทันใดนั้นความรู้สึกของหล่อนก็กลับมาอีกครั้ง ‘เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ…อ่อ เขาพูดว่าไม่ได้ตั้งใจ’
ไม่ได้ตั้งใจ !!!
เมื่อหญิงสาวได้สติกลับมาหล่อนก็กระพริบตา 2-3 ครั้งเพื่อยืนยันว่าหล่อนไม่ได้ฟังผิด
และแน่นอนว่าหล่อนไม่ได้ฟังผิดแน่ๆ
ทําไมเขาถึงพูดแบบนี้ คนขี้โกง !
ในเวลานั้นหญิงสาวประกายไฟที่อยู่ภายในใจอยู่หญิงสาวก็ปะทุขึ้น พร้อมกับร่างกายของหล่อนที่เริ่มทํางานอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันที่เอริคจะก้าวเดินออกไป เอลิซาเบธก็รีบคว้ามือออกไปเพื่อรั้งตัวเขาไว้ทว่ามือของหล่อนกลับไม่สามารถคว้าไว้ได้ หล่อนจึงยกขาเรียวเล็กขึ้นพร้อมกับใช้สันรองเท้าแหลมเตะไปที่เอริคอย่างไม่เกรงใจ
“ โอ้ย ! ”
หลังจากที่หล่อนจัดการกับเอริคแล้ว เอลิซาเบธก็รีบวิ่งออกไปท่ามกลางเสียงที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดของเขาโดยที่ไม่ได้หันมาสนใจแม้แต่น้อย
เป็นเพราะเสียงร้องของเขาจึงทําให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนที่อยู่ในสวนวิ่งเข้ามาดูทว่าในเวลานั้นพวกเขากลับเห็นเอริคที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวเพียงลําพังพร้อมกับกําลังถลกกางเกงของเขาขึ้นก่อนที่จะใช้มือลูบไปที่น่องของเขาในทันที
หลังจากที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองเห็นว่าเป็นเอริคที่นั่งอยู่ตรงนั้น พวกเขาก็นํากระบองไม้เก็บเข้าไปที่เดิมพร้อมกับถามออกมาด้วยน้ําเสียงผ่อนคลายลงว่า
“ เมื่อครู่เกิดอะ ไรขึ้นเหรอ คุณวิลเลี่ยม? “
เอริคยิ้มออกมาด้วยสีหน้าอึดอัดใจก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ซุ่มซ่ามนิดหน่อยหน่ะ ”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจ้องไปที่น่องของเอริคที่เปลี่ยนเป็นซ้ําม่วงพร้อมกับถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงว่า “คุณวิลเลี่ยมจะให้พวกผมประคองเข้าไปพักผ่อนด้านในไหม ?”
“ไม่ไม่ไม่ ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งพักแปบเดียวเดี๋ยวก็โอเคขึ้นแล้ว ไม่ต้องกังวลหรอกฉันเดินเข้าไปเองได้ ”
หนึ่งในเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังแสดงสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นักเพราะเขายังเกิดความกังวลว่าจะถูกตําหนิจากการทําหน้าที่ที่บกพร่องจนทําให้คนในงานได้รับบาดเจ็บถึงแม้ว่าจะเห็นไม่ชัดก็ตาม หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถามขึ้นอีกว่า “ ในห้องพักของพวกผมมีกล่องปฐมพยาบาลอยู่ ไม่แน่ใจว่าคุณวิลเลี่ยมต้องการไหม ?”
“อ้อ งั้นก็ขอบคุณมากนะ” เอริครีบพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มขอบคุณไปที่สองคนนั้นทันที
หลังจากที่เอลิซาเบธทิ้งความเจ็บปวดไว้ให้กับเอริคแล้วหล่อนก็รีบกลับไปยังห้องนอนของตนเองทันที หล่อนถอดชุดราตรีของตนเองก่อนที่จะอาบน้ําชําระล้างร่างกาย ในเวลานี้ภายในจิตใจของหล่อนยังคงร้อนระอุด้วยความโกรธ แม้ว่าเมื่อครูหล่อนจะระบายความโกรธของตัวเองด้วยการใช้เท้าเตะที่ไปขาของเขาแล้ว ทว่ามันกลับไม่ได้ทําให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย นอกจากที่จะไม่สามารถระบายความโกรธได้แล้วหล่อนกลับยังรู้สึกทุกข์ทรมานจากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเดินวนไปมารอบห้อง เขวี้ยงหมอนบนเตียงลงกับพื้น หรือแม้แต่การสูดหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติหลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่ทําให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นได้ หล่อนกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนที่จะใช้หมอนกดศีรษะตัวเองพร้อมกับเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความอึดอัดใจ หลังจากที่เริ่มสงบลงหล่อนก็ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ตรงโต๊ะข้างหัวเตียงพร้อมกับกดหมายเลขอย่างรวด
หลังจากที่จูเลียขับรถเข้ามาถึงในเมืองแล้วโทรศัพท์ของหล่อนก็ดังขึ้น หล่อนรีบจอดรถที่ข้างทางก่อนจะนําโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
ทันทีที่หล่อนกดรับเสียงของหญิงสาวที่พูดออกมาด้วยน้ําเสียงราวกับว่าไม่ได้รับความยุติธรรมก็ดังขึ้น “จูเลีย เขาจูบฉัน”
ไม่ทันที่จูเลียได้ถามเรื่องที่เกิดขึ้นหล่อนก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่า ‘เขา’ ที่เอลิซาเบธกล่าวถึงคือใคร
แม้ว่าการดื่มเหล้าในคราวก่อนนั้นจะทําให้หล่อนหลุดพูดความจริงออกมา ทว่าในเวลานี้สําหรับจูเลียแล้วหล่อนรู้ดีว่าหล่อนเป็นเพียงแค่นกกระทาตัวเล็กๆที่ไม่ยอมปล่อยมือจากเขา ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นนิสัยของหญิงสาวก็ยังไม่เปลี่ยนไปหลังจากได้ยินในสิ่งที่เอลิซาเบธพูดออกมา หล่อนก็พอจะเดาได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากที่หล่อนจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแล้ว หล่อนยังไม่มีท่าทีหึงหวงอย่างที่ควรจะเป็นหล่อนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดหยอกล้อว่า “ลิซ เธอแค่ไปพูดเรื่องบท ภาพยนตร์กับเขาไม่ใช่เหรอ ทําไมถึงออกไปเป็นแบบนั้นได้ล่ะ แล้วเป็นยังไงบ้างเขาจูบเธอแล้ว เขาตอบตกลงหรือยังล่ะ ?”
เอลิซาเบธตอบกลับด้วยน้ําเสียงหดหูว่า “ไม่อ่ะ” หลังจากที่ตอบไปหญิงสาวก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้กับจูเลียฟังและแน่นอนว่าเรื่องบางอย่างก็จําเป็นที่จะต้องอธิบายออกมาให้ชัดเจนมากกว่าปกติ
จูเลียอดทนฟังเรื่องที่เอลิซาเบธพูดจนจบก่อนที่จะพูดปลอบไปเล็กน้อยพร้อมกับวางสายลงหลังจากที่วางสายแล้วหญิงสาวก็ออกรถอีกครั้ง หล่อนเหลือบตามองดรูว์ที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ซึ่งในเวลานี้ใบหน้าของหล่อนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก จูเลียเห็นเช่นนั้นจึง เลียริมฝีปากตัวเองก่อนที่จะบ่นออกมาว่า “ป๊ะป๋าของเธอเนี่ยน่าเกลียดจริงๆเลยนะไปจูบลิซจนได้ นอกจากลิซจะต้องเสียจูบของหล่อนแล้วบทภาพยนตร์ที่ควรจะได้ก็ยังไม่ได้อีก”