I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 163
Chapter 163 – องค์ประกอบที่ไม่น่าพอใจ
ที่บ้านในเกาะแห่งหนึ่งที่อังกฤษ เกรซ ได้ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายแล้วขยี้ตาของเธอเพื่อตื่นมาพบกับอีกวัน สามีของเธอไม่อยู่ที่บ้าน เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้
เธอไม่รู้ว่าทำไมแต่แม่บ้านที่บ้านอยู่ๆก็หายไป ดังนั้นเธอจึงเริ่มรับสมัครแม่บ้าน วันนี้มีคนถึงสามคนได้มาสมัคร
คนสวนผมขาว, หญิงชราและผู้หญิงที่ดูโง่เง่า การรวมกันของทั้งสามคนนี้ดูแปลกอย่างมากแต่เพราะคำประกาศที่เธอได้ลงไว้เมื่อนานมาแล้วและไม่มีใครมาสมัครเลยจึงทำให้ เกรซ รับทั้งสามคนมาและอธิบายพวกนั้นถึงกฎภายในบ้าน
เธอไม่รู้ว่าเพราะการมาของสามคนนี้รึเปล่าแต่มันก็มีเรื่องแปลกทุกอย่างเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ ลูกสาวของเธอ แอนนี่ ได้บอกว่าเธอเห็นเด็กผู้ชาย เกรซ เองก็ได้ยินเสียงแปลกๆอยู่เรื่อยๆและเธอเองก็พบว่าทั้งสามคนที่เข้ามาใหม่นี้ดูเจ้าเล่ห์และวางแผนที่จะทำบางอย่างอยู่ เพราะแบบนั้น เกรซ จึงเริ่มอึดอัดขึ้นมา จนกระทั่งวันหนึ่งที่สามีของเธอกลับมา เกรซ ก็คิดว่าตอนนี้เสาหลักของครอบครัวได้กลับมาแล้วและทุกอย่างก็คงเข้าที่แต่สามีเธอไม่ได้กลับมาหาครอบครัวอย่างมีความสุขแต่กลับกันเมื่อเห็นภรรยาและลูก เขากลับเศร้าแทน หลังจากที่อยู่บ้านได้ไม่กี่วันเขาก็ออกจากบ้านไป
เรื่องแปลกในบ้านหลังเก่านี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไปและด้วยการจากไปของสามีเธอทำให้จิตใจของ เกรซ นั้นเครียดขึ้นมา สุดท้ายแล้ววันหนึ่งเธอก็พบว่าม่านในบ้านนั้นถูกฉีกขาดและเพราะ เกรซ ย้ำว่าลูกทั้งสองของเธอนั้นไม่ชอบแดดแรงๆ เธอจึงเริ่มโกรธแล้วโทษคนรับใช้ทั้งสามคนก่อนจะไล่พวกนั้นออกไป
เด็กสองคนวิ่งออกมาที่สวนหลังบ้านในดึกคืนหนึ่งและ แอนนี่ ก็พบหลุมศพสามหลุม เมื่อมองดูใกล้ๆเธอก็ต้องกลัวเมื่อพบว่ามันคือคนรับใช้ทั้งสามคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาในบ้าน ในเวลาเดียวกันคนรับใช้สามคนก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากความมืด แอนนี่ ตะโกนบอกน้องชายของเธอและพวกเขาก็ได้วิ่งไปที่ประตู แม่ที่รู้ ‘ ความจริง ‘ ก็รีบวิ่งออกมาพร้อมกับปืนเพื่อปกป้องพวกเขา เด็กๆได้กลับเข้าไปในบ้านและหาทางป้องกันผีทั้งสามตัว เกรซ ภาวนาให้ผีทั้งสามตัวปล่อยครอบครัวเธอไป เด็กทั้งสองคนกลับขึ้นไปที่ชั้นบนและคอยเอาแต่กรีดร้อง ตอนนั้น เกรซ ได้กลับขึ้นไปที่ชั้นบนและมองประตูที่เปิดอยู่ก่อนจะพบกับอีกครอบครัวที่อยู่ในห้อง
ทุกอย่างทำให้ เกรซ เจอกับความจริง มันกลับเป็นว่าเธอและลูกทั้งสองนั้นตายไปแล้ว
เธอได้แต่กอดลูกทั้งสองเอาไว้แล้วนึกถึงอดีตที่น่าเศร้า
เกรซ และลูกสะอื้นร้องไห้ราวกับมันเป็นฝันร้าย หนังได้จบลงและส่วนเครดิตท้ายเรื่องยังไม่ได้เล่นแต่แสงในห้องได้ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว
“ เอริค ครั้งนี้เป็นยังไง ? “
โจนาธานเดม ถามออกมาแบบไม่มั่นใจ แม้ว่าเขาจะทำการปรับปรุงตามคำแนะนำของ เอริค แต่เขาก็ยังไม่มั่นใจว่ามันจะทำให้ เอริค พอใจรึเปล่า
The Others ถ่ายเสร็จกลางเดือนมิถุนายนและจากนั้นส่วนการตัดต่อก็ทำในอังกฤษแต่เพราะบางฉากนั้นต้องกลับไปถ่ายใหม่ ทีมงานเลยอยู่ที่อังกฤษจนเดือนมิถุนายนก่อนจะกลับมาที่อเมริกา
เอริค ไปหาพวกนั้นที่อังกฤษหลังจากเสร็จงานกับ Running Out of Time เขาดูการถ่ายบางฉากด้วยตัวเองและหลังจากที่ตรวจสอบฉากที่ โจนาธาน ถ่ายทำแล้ว เอริค ก็พอใจอย่างมาก บางทีเพราะการเตือนครั้งก่อนหน้านี้ของ เอริค ในตอนที่ โจนาธาน ได้ส่งหนังที่ปรับปรุงมาแล้วให้กับ เอริค เขาก็ใช้ความทุ่มเทไปอย่างมากเพื่อให้หนังที่ปรับปรุงมานี้ทำให้ เอริค พอใจ
แต่ความจริงนั้นเหมือนกับเอาน้ำมาราดหัว โจนาธาน เอริค คิ้วขมวดหลังจากที่ดูจบและจากนั้น เอริค ก็ส่งสัญญาณให้คนเล่นมันอีกรอบตั้งแต่แรก พวกเขาได้ดูหนังที่ย้อนกลับไปอย่างรวดเร็วก่อนที่หนังจะเริ่มเล่นใหม่อีกรอบ เอริค ได้เขียนบางอย่างกว่า 20 อันในสมุดรวมไปถึงฉาก, เพลง, การตัดต่อและด้านอื่นๆซึ่งเกือบจะเท่ากับงานในส่วนการตัดต่อของ โจนาธาน
แม้ว่า โจนาธาน จะไม่ได้มั่นใจแต่เขาก็ไม่ได้มีสิทธิยืนกรานในการตัดต่อ เขาทำได้แต่เปลี่ยนแปลงมันตามความเห็นที่ เอริค ให้มา
หลังจากที่ทำตามความเห็นของ เอริค โจนาธาน ก็ดูหนังอีกครั้ง เขายังรู้สึกว่าเวอร์ชั่นนี้ดีกว่าเวอร์ชั่นที่เขาได้ทำมาก่อน ไม่ใช่แค่เรื่องที่ส่งผลต่อคนดูมากกว่าเดิมแต่เนื้อเรื่องยังดูสับสนและสร้างความรู้สึกต่อร่างกายที่ทำให้ โจนาธาน ชื่นชมผู้กำกับหนุ่มที่เด็กกว่าเขาถึง 20 ปี
ในตอนที่ โจนาธาน เตรียมที่จะรับตำแหน่งผู้กำกับและบางความคิดของเขานั้นเหมือนกับของ เอริค แต่เทคนิคของเขาก็ยังหนีจากความน่าอายไม่ได้ว่ามันเป็นแบบหนังผีย้อนยุค มันไม่ใช่ความต้องการของเขาแต่เป็นนิสัยแย่ๆที่ติดตัวซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ด้วยการพูดมากกว่าการทำ
ในตอนที่ได้ยินคำถามของ โจนาธาน เอริค ไม่ได้รีบตอบ เขากลับเทียบหนังแบบเดิมในหัวเขาแล้วเปรียบเทียบกับหนังที่เขาเพิ่งดูไป ในบรรดาหนังสามเรื่องที่ Firefly ได้ลงทุนไป เอริค รู้สึกว่ารายได้ของ The Others นั้นน่าจะมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
สำหรับอีกสองเรื่อง เอริค ได้ให้อำนาจมากกว่าหนังเรื่อง The Others เฮอเบิร์ตโรส รับผิดชอบสำหรับหนัง Steel Mognolias เอริค ถึงกับไม่ได้เข้าไปยุ่งในส่วนตัดต่อและส่วนใน Scent of a Woman ก็อยู่ในมือของ เอริค ในอนาคตเขาต้องเคารพมุมมองของ อัลปาชิโน ในทางกลับกันสำหรับการถ่ายทำ The Others ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งความหวัง เขายังรู้ว่าการปฏิเสธส่วนที่ โจนาธาน ได้ตัดต่อมาเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดแต่เขาต้องทำเพื่อที่จะให้หนังเรื่องนี้ทำรายได้ได้ดี
แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์เล็กน้อยในชีวิตที่แล้วแต่มันก็ลดลงกับการย่ำอยู่กับที่มาหลายปี ทักษะที่เหลืออยู่ของเขานั้นคือสัญชาตญาณเหมือนกับคนแก่ในครัวที่ทำงานมากว่าสิบปี กุ๊กที่ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรแต่ก็สามารถทำอาหารที่อร่อยออกมาได้ตามนิสัยเดิมของตน
หนังแม้ว่าจะเป็นองค์ประกอบเดียวกันและบทเดียวกันแต่มันก็มีความต่างอย่างมากหากตัดต่อโดยคนละคน เอริค ได้ยินว่ามีบางคนได้ทำการตัดต่อแค่บางฉากและตัดต่อหนังประวัติศาสตร์ให้เป็นหนังคุณภาพต่ำได้แต่องค์ประกอบต่างๆไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแต่น่าจะบอกว่าเป็นแค่การปรับเปลี่ยน ดังนั้น เอริค จึงไม่ได้ต้องการให้มันเหมือน The Others แบบเดิม นอกจากนี้หนังแบบชีวิตที่แล้วของเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อเสีย ยกตัวอย่างเช่นฉากที่สามีของ เกรซ กลับมานั้นดูสบายใจกว่าแบบเดิม ในหนังสยองขวัญที่ต้องรักษาความตึงเครียดและบรรยากาศเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ดังนั้น เอริค จึงได้ทำการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องในเวอร์ชั่นนี้
ใช้เวลากว่า 10 นาทีในการเปรียบเทียบรายละเอียดและจากนั้น เอริค ก็พยักหน้า – “ ใช่ โดยพื้นฐานแล้วเราจะต้องเปลี่ยนสัก 1-2 จุดเล็กๆ สำหรับการปล่อยหนัง เจฟฟี่ แจ้งไปที่หัวหน้าของค่ายหนังใหญ่ยกเว้น Fox กับ Columbia เพื่อดูว่าพวกนั้นสนใจเข้าร่วมรอบฉายภายในรึเปล่า “
เมื่อได้ยินคำพูดของ เอริค โจนาธาน ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เจฟฟี่ นั้นลังเลขึ้นมา – “เอริค มันไม่ดีที่จะไม่แจ้งไปทาง Fox และ Columbia ยังไงซะไม่ใช่ว่าเราร่วมมือกับสองบริษัทนี้ได้ดีที่สุดงั้นเหรอ ? “
เอริค อธิบาย – “ สถานการณ์ตอนนี้หลังจากที่ Columbia ถูกญี่ปุ่นซื้อไป มันจะไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเท่านั้น มันยากที่จะบอกได้ว่าญี่ปุ่นจะจัดการกับ Columbia ยังไงตอนที่พวกเขาได้มันไป ตอนนั้นฉันกังวลเรื่องส่วนแบ่งของ Running Out of Time ดังนั้นฉันเลยยังไม่อยากทำงานร่วมกับพวกเขาในตอนนี้ สำหรับ Fox พวกเขามีสิทธิในการขายหนังสองเรื่องต่อไปของฉันและพวกมันก็จะเป็นหนังที่เราทำเองโดยไม่มีทุนนอก “
เจฟฟี่ เสนอขึ้นมา – “ ถ้าเราดูดี ทำไมถึงไม่เชิญคนของ Columbia กับ Fox มาและทำงานร่วมกันล่ะ ไม่ใช่ว่ามันดีกว่าเหรอที่เราจะไม่เลือกแบบนั้น ถ้าเราไม่เชิญพวกเขามามันก็คงดูว่าเป็นการไม่เคารพ “
เอริค ก้มหน้าลงและคิดก่อนจะพยักหน้า – “ ได้ ทำตามที่นายพูด เอาส่วนของ Steel Magnolias ลงไปด้วย Scent of a Woman พักไว้ก่อน ให้ อัล จัดการมันก่อน ตราบใดที่มันพร้อมปล่อยตอนปลายปี ยังไงซะหนังเรื่องนี้ก็เอาไว้ใช้ชิงออสการ์ได้ “
ในตอนที่ทั้งสองพูดเรื่องช่องการขายหนัง โจนาธาน ก็ใช้โอกาสนั้นขัดขึ้นมา – “ เอริค นายจะไปที่เทศกาลหนังเวนีซในเดือนกันยายนรึเปล่า ? “
“ ใช่ อย่างน้อยก็ต้องไปเปิดงานไม่ก็พิธีรับรางวัล “ – เอริค ตอบกลับ
ในบรรดาเทศกาลหนังยุโรป เทศกาลหนังเวนีซนั้นใกล้ชิดกับแวดวงหนังจีนที่สุด เอริค สนใจเทศกาลหนังเวนีซในชีวิตที่แล้วของเขา ครั้งนี้เมื่อเขามีโอกาส มันเป็นธรรมดาที่เขาต้องไป
ในปีที่แล้วตอนเขาเกิดใหม่ เขายุ่งอยู่ตลอดและไม่มีเวลาว่างเลย บางทีการเดินทางไปที่เวนีซอาจใช้ข้ออ้างว่าวันหยุดได้ สำหรับรางวัลแล้ว เอริค ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แม้ว่าเรื่อง The Others จะดูเป็นนิยายแต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่หนังตลาดแต่ยังเป็นหนังสยองขวัญด้วย แบบไหนก็ตามในสองแบบนี้จะถูกแบ่งแยกกันอย่างเห็นได้ชัดจากเทศกาลหนัง สำหรับหนังที่มีองค์ประกอบที่ไม่น่าพอใจสองแบบนี้มากที่สุด ความสามารถในการได้สิทธิเข้าแข่งขันนั้นต่างก็มีผลลัพธ์ที่ดีอย่างมาก