I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 171
ตอนที่ 171 พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว
” 30% เป็นไปไม่ได้แน่นอน ” เอริคโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พลางมองไปที่โรเบิร์ต พร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่รอให้โรเบิร์ตตอบกลับ เอริคก็พูดต่อว่า ” ถ้าซื้อแค่บริษัทเดียวก็ต้องจ่ายหุ้นถึง 30% ฉันไม่จำเป็นต้องทำอย่างนี้หรอก สำหรับ Firefly แล้วนี้ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย ฉันต้องแบ่งหุ้นส่วนมากแบบนี้ให้กับบริษัทที่ร่วมมือทำหนังยักษ์ใหญ่ไม่กี่เรื่อง ด้วยสถานะ Firefly ตอนนี้ เชื่อว่า 6-7 บริษัทยักษ์ใหญ่ตอนนี้ไม่มีใครที่จะปฏิเสธการร่วมงานกับฉันหรอก “
เอริคพูดจบ โรเบิร์ต รีบตอบกลับทันทีว่า ” ที่จริงแล้ว เอริคคุณไม่รู้จะทำยังไง Firefly ก็เป็นแค่ลูกไล่ของบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่ดี โดยพื้นฐานแล้วคุณจะสูญเสียการพัฒนาตัวบริษัท แล้วคุณยังต้องการความร่วมมือจากบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ผ่านวิธีการซื้อควบคุมบริษัทระดับ 2 หรือ 3 เพื่อป้องกันการคุกคามตำแหน่งของตัวเอง บริษัทใหญ่ส่วนใหญ่ใช้เคล็ดลับนี้บ่อยๆ เรื่องอย่างนี้ฉันที่อยู่ในฮอลลีวูดมากกว่า 20 ปีฉันบอกคุณตรงๆเลยว่าฉันเจอแบบนี้มาเจอมาเยอะแล้ว “
” ฉันจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ฉันแค่จะพูดถึงความเป็นไปได้ ถ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายหุ้น 30% ถ้าทำอย่างนั้นฉันแลกเปลี่ยนหุ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่ดีกว่า ฉันก็มีขั้นต่ำของฉัน โรเบิร์ต ฉันให้หุ้นคุณได้มากสุดแค่ 10% เท่านั้น แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณจะได้ ฉันจะจ่ายค่าชดเชยเป็นเงินสดให้คุณได้อีก ” เอริคเสนอความคิดของตัวเองออกมา 10% เขาคิดนานแล้วถึงยอมรับ เขารู้สึกว่าแค่นี้ก็มากแล้ว Firefly ในอนาคตต้องดึงดูดคนที่อยากร่วมงานด้วยได้อย่างแน่นอน
” 10% น้อยไป ” โรเบิร์ต พูด ” บริษัท New Line Cinema อยู่ในมือของฉันมากว่า 20 ปีแล้ว และมันก็เปรียบเสมือนลูกของฉัน ถ้ารวมกันกับบริษัท Firefly ของคุณ ฉันรู้สึกว่า 30% นี่ไม่ถือว่ามากไป แล้วถ้าตัวเลขน้อยกว่านี้ ฉันก็ขอปฏิเสธที่จะรวมบริษัทกัน!!! “
หลังจากที่ได้ยินโรเบิร์ตตอบกลับมาแบบนั้นรอยยิ้มที่เคยอยู่บนใบหน้าของเขาก็เริ่มหายไปที่ละนิดก่อนจะพูดออกมาว่า ” RKO Picture สร้างขึ้นเร็ว ถึงวันนี้ก็อยู่ตัวแล้ว United Artist ก็สร้างขึ้นเร็ว เสียดายที่กลายเป็นบริษัทลูกของ MGM ไปแล้ว โรเบิร์ต ฉันมีเวลาไม่มากพอที่จะอธิบายทุกเรื่องให้คุณฟังได้หมด ในปี 1981 เพราะ United Artist ขาดทุนไปกับ《Gates of Paradise 》จึงถูกรวมเข้าด้วยกันกับ MGM ฮอลลีวูดเหลือแค่ WB, Universal, Paramount Picture, MGM และ Fox 6 บริษัทหนังยักษ์ใหญ่ แต่ตอนนี้ล่ะ ตั้งแต่ปี 1984 ไมเคิล ไอส์เนอร์เข้าบริหารดิสนีย์ ถึงจะสั้นๆแค่ 5 ปี 6 บริษัทยักษ์ใหญ่ก็กลายเป็น 7 “
โรเบิร์ต หน้าแดงขึ้นมา ในคำพูดของเอริคมีความหมายกว่าแค่ ไมเคิล ไอส์เนอร์ เท่านั้น แม้ว่าในใจเขารู้ดีว่าความสามารถของตัวเองนั้นเทียบไมเคิล ไอส์เนอร์ไม่ติดเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อถูกเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าตัวเองถึง 30 ปีพูดต่อหน้า สีหน้าก็เหมือนจะแข็งค้าง เขารีบพูดออกไปว่า ” ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง เอริคแต่ฉันยืนยันหุ้นที่ 30% “
เอริคเห็นว่าโรเบิร์ต ลนลานนิดหน่อย เลยพูดปลอบออกไปว่า ” ไม่งั้นก็เอาอย่างนี้ละกัน โรเบิร์ต ถึงแม้ว่าพวกเราทั้งสองฝ่ายจะมีความเห็นไม่ตรงกัน งั้นพวกเรามาลงรายละเอียดใหม่กันอีกครั้งเถอะ “
” ไม่จำเป็นแล้ว ” โรเบิร์ต พูดปฏิเสธ ” ถ้าคุณไม่ตกลง พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องคุยเรื่องร่วมงานอะไรกันแล้ว “
ในใจเอริคนั้นรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย นิ้วที่วางอยู่บนโต๊ะก็เคาะไปมาตามความเคยชิน เพราะมีผ้าปูโต๊ะอยู่ นิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะเลยไม่มีเสียงอย่างที่เคยเป็น
” โรเบิร์ต คุณต้องเข้าใจ เวลาของพวกเรามีไม่มากแล้ว “
โรเบิร์ต ได้ยินประโยคที่ไม่มีเหตุผลนี้ของเอริค ก็อดสงสัยไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาจะอยากรู้มากก็ตาม แต่เขากลัวว่าถ้าตนนั้นอ้าปากถามแล้วจะมีอารมณ์ขึ้นจนทนไม่ไหวเลยไม่ได้ถามออกไป
เอริคไม่ได้ขยายความอะไร ก่อนจะพูดต่อไปว่า ” เพราะวิดีโอเทป การสร้างช่องในเคเบิ้ลทีวีถึงพัฒนาไปได้อย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์ที่ทำออกมาเมื่อ 10 ปีก่อน ในตอนที่เข้าโรงภาพยนตร์ นั้นทำกำไรได้แค่กลุ่มเล็กๆเท่านั้น ในตอนนี้มันทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ยิ่งได้รับความสนใจ ฉันเชื่อว่าในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้า บรรดามหาเศรษฐีของฮอลลีวูดส่วนใหญ่ก็จะรับช่วงต่อ และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อื่นๆก็จะเจาะเข้ากลุ่มเป้าหมายเหมือนรายการเคเบิลทีวี ถ้ามีแหล่งภาพยนต์ขนาดใหญ่ หรือแหล่งกองทุนหนุนหลัง บริษัทภาพยนตร์ใหญ่ๆของฮอลลีวูดจะไม่ต้อง
กังวลเรื่องการลงทุนที่ล้มเหลวจนล้มละลาย อีกทั้งยังมีความได้เปรียบของสื่อ
ขนาดใหญ่ ที่คอยเสริมภาพลักษณ์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ถึงเวลานั้น บริษัทภาพยนตร์ระดับ 2 3 ถ้าไม่มีโชคที่มากพอ ก็ยากที่จะแย่งชิงตำแหน่งของบริษัทภาพยนตร์หลักได้ ดวงของพวกเขาถ้าไม่ถูกบริษัทภาพยนตร์ใหญ่ๆซื้อ ก็เป็นอย่างที่คุณว่าเมื่อกี้ นั้นคือหมดโอกาส หรือไม่ก็ต้องแยกออกมาแสวงหากำไรจากเศษเหลือๆ ของบริษัทภาพยนตร์ใหญ่ๆอีกทีหนึ่งก็เท่านั้น “
เมื่อได้ยินที่เด็กหนุ่มตรงหน้าพูดก็ยิ่งทำให้โรเบิร์ตตกใจจนความดันขึ้นสูงจนใจสั่น แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าแต่อย่างใด ไม่นานเขาก็พูดตอบกลับไป ” เป็นอย่างที่คุณว่า…….มีเหตุผล แน่นอนว่ายังอีกหลายปี ฉันเชื่อว่า New Line Cinema ยังมีโอกาส แค่….”
” ไม่…คุณไม่มีโอกาสแล้วโรเบิร์ต ” เอริคขัดคำพูดของโรเบิร์ต ขึ้นมาอย่างเด็ดขาด ” ที่จริงแล้ว จากการรวบรวมข่าวปีก่อนๆ ในศตวรรษที่ 20 กระแสเริ่มมีมาอย่างนี้แล้ว ปีนี้โซนี่ซื้อโคลัมเบีย จากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มี 7 บริษัทไปแล้ว 2 บริษัทอีกทั้งฉันอ่านหนังสือพิมพ์ก็เห็น Warner ตั้งใจจะร่วมมือกับบริษัท Turner มีเครือข่ายทีวีเป็นของตัวเอง สร้างบริษัทสื่อมวลชน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มี 7 บริษัทไปแล้ว 3 คุณคิดว่า ภายใต้บริษัทภาพยนตร์ที่เหลือแค่ 4 บริษัท ยังจะยืนหยัดได้นานไหมล่ะ ? “
โรเบิร์ต ที่ได้ยินแบบนั้น ทำได้เพียงนั่งฟังอย่างเงียบๆ
ส่วนเอริคยังคงไม่หยุดพูดแถมยังยืนกรานพูดต่อไปอีก ” โรเบิร์ต นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของบริษัทระดับ 2, 3 อย่างพวกเราแล้ว เวลาเหลือให้พวกเราไม่เกิน 10 ปี หรือแม้กระทั่งแค่ 5 ปี จากที่เคยผิดพลาด รอจนแผนธุรกิจสิ้นสุดลงเหมือนที่คุณพูด ในอนาคตอาจจะยังต้องพึ่งโชคและประสบการณ์ที่สะสมมานานได้ New Line Cinema กำลังทำกำไรได้เกินกว่าแต่ก่อน จากนั้นคุณก็จะถูกกำหนดให้แค่ระดับที่ 2 เพราะภาพยนตร์พันล้านก็จะรวมเข้ากับบริษัทขนาดใหญ่แล้ว บริษัทภาพยนตร์อย่างเดียวไม่สามารถสู้ได้อย่างแน่นอน “
พูดถึงตรงนี้ เอริคก็คิดออกถึงบริษัท Lionsgate ในชาติก่อน Lionsgate ขึ้นอยู่กับซีรีย์《The Hunger Games》และ《Twilight》แม้ว่ากำลังจะเกินบริษัทภาพยนตร์เดิม แต่ช่วงเวลานี้ 6 บริษัทภาพยนตร์ใหญ่ที่เหลือก็รวมเข้ากับบริษัทเคเบิลทีวีแล้ว บริษัท Lionsgate มีแค่บริษัทภาพยนตร์อย่างเดียวเท่านั้น
” ที่คุณพูด….ทั้งหมดนี้แค่เรื่องสมมติ ไม่ใช่หรอ ? ” โรเบิร์ต อดไม่ได้ที่จะตอบกลับไปอีกครั้ง
เอริคมองโรเบิร์ต เพียงชั่วครู่ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเมื่อกี้ ” โรเบิร์ต ถึงแม้ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้จะเป็นเรื่องสมมติ แต่จากประสบการณ์ที่คุณสั่งสมมานับ 20 ปีของคุณ แน่นอนว่าคุณจะต้องวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของเรื่องสมมตินี้ได้ ใช่ไหม ? “
โรเบิร์ต ก้มหัวอย่างใช้ความคิดก่อนจะมองไปที่แก้วกาแฟข้างหน้าที่เหลือกาแฟอยู่ไม่มากนัก ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง ” แต่ 10 % นี่มันยังถือว่าน้อยมาก….”
” ไมเคิล ไอส์เนอร์ตอนนี้มีหุ้นของดิสนีย์ไม่ถึง 10% ส่วนคนในครอบครัวก็มีไม่มากไปกว่าคุณเท่าไหร่นัก แต่รายชื่อผู้มีอำนาจในฮอลลีวูด เขากลับเป็นแนวหน้าอันดับ 3 เขาถูกคนกว่า 90% ขึ้นไปของฮอลลีวูดอิจฉา โรเบิร์ตไม่ใช่ว่าคุณก็พูดแล้วหรอว่า เงินสำหรับพวกเราแล้ว มันหลอกลวงพวกเราไม่ได้ แต่ถ้าคุณยังสับสน คุณลองคิดดูสิ หลังจากที่ Firefly ซื้อ New Line Cinema คุณก็จะได้รับตำแหน่ง CEO ของ Firefly ในส่วนการทำกำไรของการสร้างภาพยนตร์นั้น ฉันเชื่อในตัวคุณและไม่สงสัยอะไร ความเชื่ออย่างนั้นใช้ได้ไม่กี่ปี พวกเราก็สามารถไต่ระดับภาพยนตร์ขึ้นเป็นฟอร์มยักษ์แล้ว ตอนนั้นแน่นอนว่าพวกเราก็เป็นส่วนหนึ่งของเคเบิลทีวีแล้ว ครอบครองสถานที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง ถึงเวลาคุณมีหุ้น 10% บางทีอาจจะมีมูลค่าถึง พันล้านดอลล่าร์ขึ้นไป ถ้าคุณจะดำเนินกิจการ New Line Cinema ต่อไป อย่างนั้นต้องนานเท่าไหร่ล่ะ มูลค่าตลาดของ New Line Cinema ถึงจะไปถึงพันล้านได้นะ? “
” 20% เอริค 20% ไม่น้อยไปกว่านี้อีก ” โรเบิร์ต ที่ถูกเอริคโน้มน้าวจากมุมมองตรงหน้าโดยสมบูรณ์ ทำให้เขาเริ่มยอมจำนนมากขึ้น
เอริคยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างเหนือกว่า แม้ว่าโรเบิร์ต เชียร์จะไม่ได้ปากแข็งยืนหยัดต่อรองเรื่องหุ้นให้ไม่ต่ำกว่า 30% อีก อย่างนั้นก็คงเจรจากันต่อไปได้ เขาเรียกให้บริกรเข้ามา ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตยื่นให้เพื่อเช็คบิล แล้วค่อยพูดกับโรเบิร์ต เชียร์ว่า ” โรเบิร์ต ถึงตอนนี้พวกเราจะเจรจาธุรกิจไม่ได้ผลสรุป อีกทั้งเวลาก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าเราค่อยหาเวลามาคุยกันใหม่ดีมั้ยครับ “
ถ้าโรเบิร์ต คิดว่าผลตอบแทนที่ได้จากการรวมมือกับบริษัทของเอริคคือหุ้นของบริษัท 20% ก็นึกเสียใจแล้ว แต่ตอนนี้เขาพบว่าตัวเองถูกเด็กหนุ่มที่อ่อนกว่าตัวเองถึง 10 ปีครอบงำในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ถึงกับตบหน้าตัวเอง แม้ว่าในใจจะตัดสินใจที่จะยอมจำนน แต่พูดออกมาเวลานี้ ก็ไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ราวกับว่าเย็นวันนี้เขาทำผิดไปแล้วหลายอย่าง นี่ทำให้โรเบิร์ต เชียร์ไม่กล้าดูถูกอะไรเอริคอีก แถมยังต้องระวังตอนเจรจาอีก เขาคิดว่าครั้งหน้าที่ต้องมาคุยกันเรื่องการร่วมบริษัทกัน บางทีเขาควรหาผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาไปด้วยสักคนก็ไม่เลว เห็นเอริคไม่รีบคว้าโอกาสยืนกรานที่จะกดราคา เขาพูดเพื่อยืดเวลาออกไปว่า ” โอเค ดึกมากแล้วจริงๆ ฉันก็ควรต้องกลับบ้านแล้ว “
หลังจากที่บอกลากันที่หน้าร้าน แอนนิสตันที่เดิมที่เงียบๆก็คว้าแขนเอริคมากอดทันที พร้อมกับยืนเขย่งเท้าพูดอย่างยิ้มๆ ” ว้าว เอริคเมื่อสักครู่นี้คุณหล่อมากเลย โรเบิร์ตถูกท่าทางคุณทำให้งงไปเลย “
เอริคยื่นมือหนึ่งออกมาลูบผมยาวๆของแฟนสาว แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า ” แล้วคุณล่ะ จะไม่หอมแก้มชื่นชมฉันหน่อยหรอ ? “