I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 189
ตอนที่ 189 ถูกกดดันอีกครั้ง
เอริคคิดขึ้นมาได้ว่าฮอลลีวูดนั้นมีประวัติที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษหนังแต่ละเรื่องย่อมมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าหนังของเอริคนั้นจะยอดเยี่ยมโดดเด่นกว่าหนังเรื่องอื่น ในความเป็นจริงแล้วหนังหลายเรื่องของเอริค รวมทั้งเรื่อง Home Alone , Pretty Women ไปจนถึงหนังเรื่อง Running Out of Time เมื่อได้วิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วก็พบว่า บรรดาหนังเหล่านี้ไม่ได้มีศิลปะที่โดดเด่นมากขนาดนั้น และไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามีความคิดสร้างสรรค์ที่น่าหลงไหลแต่อย่างใด
แต่หลังจากที่หนังหลายเรื่องได้สร้างรายได้มากมายจนเป็นที่น่าตกใจในบ๊อกออฟฟิส จากการวิเคราะห์หนังของเอริคพบว่านอกจากความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว ความคิดสร้างสรรค์อื่นๆก็ไม่ได้ดูโดดเด่นใดๆ แต่หนังของเขากลับประสบความสำเร็จมากมายขนาดนั้น บริษัทหนังยักษ์ใหญ่หลายแห่งจึงเรียกประชุมเพื่อช่วยกันวิเคราะห์หนังของเอริคอย่างละเอียด ผลการวิเคราะห์มากมายนั้นจะค่อยๆปรากฏบนหนังฮอลลีวูดในอีกสองปีข้างหน้า ตัวอย่างหนังแนวไลฟ์แอคชั่นสำหรับเด็กๆ หนังรักโรแมนติกสำหรับผู้หญิงจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้หนังแนวสืบสวนสอบสวนแข่งขันด้านปัญญาก็จะเข้ามาโด่งดังในอนาคต
ผลการวิเคราะห์ด้านหนังของเอริคนั้น บริษัท Disney ก็ไม่ได้เป็นข้อยกเว้น เมื่อไมเคิล ไอสเนอร์เห็นการวิเคราะห์หนังหลายแนวของเอริคนั้นก็เข้าใจได้ทันที การที่หนังของเอริคนั้นสามารถทำรายได้ให้กับบ๊อกออฟฟิสมากมายมหาศาลนั้นไม่ใช่เป็นการวิเคราะห์แค่เพียงในเอกสารเท่านั้น แต่เป็นเพราะเพื่อสนองความต้องการตลาด ไม่ว่าจะเป็นหนังการ์ตูนสำหรับเด็กๆ หรือแม้แต่หนังรักโรแมนติกสำหรับผู้หญิง เอริคคนนี้กลับมองออกได้ทุกอย่าง
ดังนั้นข้อสรุปที่ออกมา หนังทุกเรื่องที่เอริคมีส่วนเกี่ยวข้อง เนื้อหาของหนังแต่ละเรื่องไม่ได้มีความเหมือนกันหรือคล้ายกันแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีกฏตายตัว หนังเรื่อง 17 Again ก็เป็นหนังของวัยรุ่นในรั้วมหาลัย Home Alone ก็เป็นหนังตลกสำหรับเด็กๆ Pretty Women ก็เป็นหนังรัก Running Out of Time ก็เป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน หนังเหล่านี้ก็ไม่ได้มีเนื้อหาที่สัมพันธ์กันแต่อย่างใด แต่หนังทั้งหมดกลับประสบความสำเร็จจนน่าตกใจ หากต้องการค้นหาคนธรรมดาที่มีความสามารถล้นเหลือ เอริคคนนี้คือคำตอบ
หนังเหล่านี้เป็นหนังที่เอริคควบคุมดูแลเองทั้งหมด แน่นอนว่าหนังเรื่อง 17 Again เป็นหนังที่ Fox เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดจำหน่าย แต่ถ้าให้ยกขึ้นมาจำหน่ายตอนนี้ ทุกคนคงไม่คิดว่าความประสบความสำเร็จของหนังเรื่อง 17 Again เป็นผลเกิดมาจาก เจมส์ บรูค และ เพนนี มาร์แชลล์เป็นแน่ เอริค วิเลียมเป็นคนสำคัญคนหนึ่งที่สามารถทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศมากกว่า 100 ล้าน
ดังนั้นหลังจากมีข้อสรุปออกมา ไมเคิล ไอสเนอร์ก็หันไปให้ความสนใจกับเอริคและบริษัท Firefly อย่างมาก เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเอาชนะใจเอริคให้ได้ ยิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การจัดการของไมเคิลมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นผลดีมากขึ้นเท่านั้น
ไมเคิล ไอสเนอร์เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมากคนหนึ่ง ในช่วงที่ Disney กำลังเติบโตนั้น ความทะเยอทะยานนี้ก็มากขึ้นตามไปด้วย เพียงแต่ไมเคิล ไอสเนอร์ยังไม่ได้ดันทุรังทำถึงขนาดโดนขับไล่ออกจาก Disney เพียงไม่กี่ปีเขาก็ประสบความสำเร็จ จนถึงตอนนี้ชื่อเสียงของเขาในกลุ่มดิสนีย์นั้นไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน
ทุกคนต่างรู้ดี ว่า Disney เป็นบริษัทที่ทำการ์ตูนอนิเมชั่นชั้นแนวหน้า แต่เมื่อมีไมเคิล ไอสเนอร์เข้ามาควบคุมเขากลับไปให้ความสำคัญกับหนังไลฟ์แอคชั่นมากกว่า ทว่าตัวเขาก็รู้ว่าการ์ตูน Disney เป็นการ์ตูนที่ดีเลิศที่สุดกว่าบริษัทอื่น การจะรักษาให้การ์ตูนของ Disney คงมีชื่อเสียงโด่งดังในฮอลลีวูดต่อไปนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ไม่กี่ปีมานี้หนังไลฟ์แอคชั่นก็เติบโตเช่นกัน ไมเคิล ไอสเนอร์ยังคงขยายธรุกิจการ์ตูนของ Disney อย่างต่อเนื่อง และยังวางแผนจัดจำหน่ายวิดีโอเทปการ์ตูนของ Disney รวมไปถึงการขายลิขสิทธิ์ของภาพและอื่นๆอีกด้วย จนได้รับผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาก
ด้วยเหตุนี้ ทำให้เอริคเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเขายังซื้อสตูดิโอส่วนตัวไว้สำหรับสร้างการ์ตูนอนิเมชั่น 3 มิติอีกด้วย ไมเคิล ไอสเนอร์จึงเริ่มมีความสนใจกับสตูดิโอนี้มากขึ้น
หนัง 3 มิติสำหรับหลายๆคนนั้นคงหมายถึงแนวคิดแปลกๆแนวหนึ่ง ไมเคิล ไอสเนอร์ก็พึ่งรู้จักหนัง 3 มิติได้ไม่นาน แต่เพราะหนังแนวนี้มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน มีทั้งตัวอย่างหนังที่มีเสียงมาแทนที่หนังไร้เสียงหรือภาพยนตร์ใบ้ หนังที่มีสีสันเข้ามาแทนที่หนังที่มีภาพขาวดำ ไมเคิล ไอสเนอร์จึงให้ความสำคัญกับอนิเมชั่นมากขึ้น เขามีความรู้สึกบางอย่างว่าหนัง 3 มิตินั้นจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับหนังยุคปัจจุบันได้
ด้วยเหตุนี้เขาได้ค้นพบว่าการ์ตูนสั้นเรื่อง Tin Toy ของ Pixar ได้รับรางวัลออสก้าสาขาการ์ตูนยอดเยี่ยม ทำให้เหล่าผู้บริหารประเภทการ์ตูนของ Disney ได้เข้ามาร่วมกันวิเคราะห์และรับชมการ์ตูนนี้ ถึงแม้ภาพตัวละครเด็กทารกนั้นจะไม่ค่อยละเอียดมากก็ตาม แต่ก็ทำให้อนิเมเตอร์ระดับสูงของ Disney หลายท่านหัวเราะได้ แต่ความพิเศษของ Disney ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกราฟฟิกคอมพิวเตอร์จากซิลิคอนแวลลีย์ซึ่งต่างก็เคยทำวิจัยแจกแจงถึงจุดสำคัญและจุดยากที่สุดของเทคโนโลยีเกี่ยวกับการทำอนิเมชั่นให้กับผู้บริหารระดับสูงฟังมาแล้ว อีกทั้งยังยืนยันว่าหากเทคโนโลยีของบริษัท Pixar ได้รับทุนสนับสนุนมากพอก็เป็นไปได้ที่จะสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่น 3 มิติที่มีความยาวมากกว่า 90 นาทีอีกทั้งคุณภาพยังไม่ด้อยไปกว่า 2 มิติอีกด้วย
คำพูดของผู้เชี่ยวชาญด้านกราฟฟิกคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง ไมเคิล ไอสเนอร์เมื่อคิดถึงใบหน้าที่เจ้าเล่ห์ของเอริค เขารู้ได้ทันทีว่าการที่ Disney จะเข้าไปแทรกแซง Pixar นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอน และยิ่งอยากสร้างแผนกการทำการ์ตูนอนิเมชั่น 3 มิติ อีก มันไม่ใช่สิ่งที่สำเร็จได้ในคืนเดียว
“เอริค คุณเห็นนี่รึยัง? ตอนนี้บริษัท Pixarไม่ได้ทำหนังการ์ตูนอนิเมชั่น คิดว่าไงถ้าในอนาคตจะให้ Disney เป็นผู้จัดจำหน่ายหนัง?” ถึงแม้ว่าไมเคิลจะเข้าไปแทรกแซง Pixar ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ล้มเลิกความคิดที่จะนำหนังการ์ตูนอนิเมชั่น 3 มิติมาจัดจำหน่าย อย่างน้อยสถานการณ์ต่างๆก็อยู่ภายใต้การควบคุมของ Disney
เอริคพูดอย่างยิ้มๆ”คุณไอสเนอร์ เราจะรีบกันไปทำไม ถึงแม้หนังการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องแรกจะเสร็จสิ้นไปแล้วก็ตาม แต่ยังไงก็ต้องรออย่างน้อย 2 ปีถึงจะจัดจำหน่ายได้ ตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่เซ็นสัญญาเท่านั้น ยังไงพวกเราทั้งสองฝ่ายก็พร้อมรับกับความเสี่ยงอยู่แล้ว”
ไมเคิล ไอสเนอร์นำเอริคไปยังโซฟาด้านนอกและนั่งลงข้างเอริค เขายังคงโน้มน้าวเอริคต่อ “เอริค คุณเข้ามาในฮอลลีวูดนี้ยังไม่นานนัก ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณยังไม่เข้าใจ จริงๆแล้วก่อนที่จะถ่ายทำหนัง ผู้อำนวยการสร้างหนังต้องเตรียมติดต่อกับบริษัทจำหน่ายหนังไว้แล้วเพื่อให้แน่ใจว่าหนังเรื่องนี้จะได้เงินทุนคืนโดยเร็วที่สุด การลงทุนหนังการ์ตูนอนิเมชั่นหนึ่งเรื่องต้องใช้เงินมากกว่า 30 ล้านดอลลาห์ และฉันรู้สึกว่าการทำการ์ตูนอนิเมชั่น 3 มิติต้องใช้มากกว่านั้น เงินลงทุนมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่เตรียมการไว้ตั้งแต่แรก อนาคตก็คงได้แบกรับความเสี่ยงที่มากขึ้นอย่างแน่นอน”
ยังมีอีกส่วนที่ไมเคิล ไอสเนอร์ไม่ได้พูด ตัวอย่างเช่น หากเราทำหนังการ์ตูนอนิเมชั่นไปแล้วแต่ปรากฏว่าผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร ย่อมไม่มีบริษัทไหนยอมจัดจำหน่ายเป็นแน่ เงินลงทุนกว่าสิบล้านก็เสียเปล่า แต่ถ้าเซ็นสัญญากับบริษัทที่จัดจำหน่ายหนังไว้แล้วก็จะป้องกันเรื่องนี้ได้ ถึงแม้จะเป็นหนังที่ผลตอบรับไม่ดีก็ตาม แต่ก็ยังสามารถกู้ทุนส่วนหนึ่งกลับมาได้ แต่ไมเคิลคิดว่าภายใต้การควบคุมดูแลเอริคนั้น Pixar คงไม่ทำหนังที่ไม่ดีออกมาแน่นอน
เอริคก้มหน้าพร้อมแกว่งแก้วไวน์ครุ่นคิดสักพัก หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น “คุณไอสเนอร์ ฉันบอกได้แค่ว่าการจัดจำหน่ายหนังการ์ตูนอนิเมชั่นในอนาคต บริษัท Disney จะเป็นบริษัทแรกที่ผมจะเลือก”
คำพูดนั้นแน่นอนว่าไม่มีอะไรรับประกันได้ ตัวเลือกแรกเป็นเพียงตัวเลือกที่สามารถเลือกได้ ในฮอลลีวูดนั้นไม่ได้มีเพียงตัวเลือกเดียว บางทีตัวเลือกแรกอาจจะกลายเป็นตัวเลือกสุดท้าย
ในใจของไมเคิล ไอสเนอร์ทั้งโกรธทั้งผิดหวังในเวลาเดียวกัน ในฐานะผู้ที่ควบคุมดูแลบริษัท Disney นั้น มีน้อยคนนักที่จะมีความกล้าปฏิเสธเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงอาการเสียสติออกมาก็ตาม แต่น้ำเสียงของไมเคิล ไอสเนอร์ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาไปไม่น้อย “เอริค คุณรู้ไหมว่าราคาของหนังเรื่อง The Others และ Steel Magnolia ที่เสนอออกมาแบบนั้น ฉันซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ภายในบริษัท Disney ก็แบกรับความกดดันไม่ใช่น้อย ดังนั้น ฉันจึงต้องอธิบายให้คณะผู้บริหารเข้าใจ บริษัทหนังที่ต้องการร่วมมือกับคุณในปีหน้านั้นก็ยังไม่ได้ข้อสรุปใช่มั้ย?”
เอริคเองนั้นรับรู้ได้ถึงนำเสียงที่เย็นชาและความไม่สบายใจของไมเคิล ไอสเนอร์ได้ ซึ่งแต่เดิมทีนั้นเขาไม่ได้คิดจะหาบริษัทร่วมมือเพิ่มเติม การพิจารณาการทำงานร่วมกับ Pixarที่เอริคกำลังจะทำนั้นได้สิ้นสุดแล้ว ปีหน้าเขาจะมุ่งเน้นพัฒนาบริษัทของตัวเองเพียงอย่างเดียว เพียงแต่ว่า ถ้าคิดถึงปีหน้า บริษัท Firefly ต้องการที่เติบโต เขาต้องเจอกับความกดดันจากทุกฝ่ายแน่นอน ตอนนี้เขาขจัดศัตรูไปได้หนึ่งนั้นถือว่าดีแล้ว เอริคครุ่นคิดสักพักหนึ่งเขายังไม่สมัครใจที่จะยื่นมืออกไปด้านหน้า “คุณไอสเนอร์ หนังหนึ่งเรื่อง คุณน่าจะรู้ทิศทางการเติบโตของบริษัท Firefly ดังนั้นผมจึงให้เพียงแค่สิทธิ์ในการจัดจำหน่ายหนังเท่านั้น ซึงไม่รวมวิดีเทปและอื่นๆ”
“คุณเป็นผู้กำกับเองใช่ไหม?” ไมเคิล ไอสเนอร์แสดงสีหน้าดีใจออกมาเล็กน้อย แต่เขาไม่ลืมที่จะถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“แน่นอน” เอริคพยักหน้าตอบ
ไมเคิล ไอเนอร์ค่อยๆยิ้มออกมา พร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้น “ถ้าอย่างนั้น แด่การร่วมมือของเรา”
“แด่การร่วมมือของเรา”เอริคยิ้มพร้อมกับชนแก้วของอีกฝ่ายเบาๆ เขารู้ว่าการร่วมมือครั้งนนี้สมบูรณ์แล้ว เปรียบเทียบดังคำว่า ในฮอลลีวูด คำพูดของคนส่วนหนึ่งที่พูดมากก็เหมือนการผายลม ถ้าคุณเชื่อจริงๆก็ต้องรอให้มีรูบนกางเกงซะก่อนมันถึงจะเกิดขึ้นจริง แต่มีบางครั้งเรื่องที่พูดออกมานั้นใช้ได้ผลมากกว่าการเซ็นสัญญาเสียอีก อย่างเช่นตอนนี้ หากเขาทำสัญญากันแล้วเขาต้องเสียใจภายหลัง เขาก็คงจะตัดขาดความสัมพันธ์กับ Disney เลยก็เป็นได้
ในเมื่อไมเคิลได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เขาก็ไม่จึงไม่รั้งเอริคไว้อีก หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แยกตัวไปพบป่ะพูดคุยกับแขกคนอื่นต่อ
เมื่อเอริคเห็นไมเคิล ไอสเนอร์เดินจากไป เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ และดื่มไวน์ที่อยู่ในแก้วโดยไม่รับรู้รสชาติของไวน์แดงเลย
“เอริค คุณอยู่ตรงนี้นี่เอง ฉันหาคุณตั้งนาน” ความเงียบเกิดขึ้นไม่นาน เจฟฟรีย์ก็เดินเข้ามาหาเอริค พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงือบนหน้าผากของตัวเอง
เอริคขยับตัวไปด้านข้างเพื่อให้เจฟฟรีย์นั่งลง เขาจึงถามขึ้นว่า “ไม่ใช่คุณต้องการพูดคุยกับโรเบิร์ต เชียร์เรื่องการรับซื้อกิจจการหรอกหรือ? เขาไม่มาแล้วเหรอ?”
“คุยเสร็จแล้ว และไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว” เจฟฟรีย์ส่ายหน้า เมื่อเขาเห็นเอริคยังคงแสดงท่าทางหดหู่ใจ “คุณเป็นอะไรครับ ส่วนแบ่งสูงที่ Disney เสนอมานั้นไม่น่าดีใจอย่างนั้นหรอ?”