I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 214
ตอนที่ 214 หลุมพลาง
เอริควางแก้วน้ําในมือลงอย่างเบามือก่อนที่จะเงยหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ คุณเมอร์ ด็อกคุณเองก็น่าจะเข้าใจผมดี ผมว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะดื้อรั้น หากคุณให้ผมเอ่ยปากพูดออกมาหลังจากนี้เงื่อนไขต่างๆจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก และถ้า Fox รับไม่ได้กับเงื่อนไขของผม ผมคิดว่าทั้งตัวผมและ Fox ก็คงจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก ดังนั้น ผมคิดว่าคุณพูดมาก่อนดีกว่าว่าข้อเสนอของคุณเป็นอย่างไร หากเงื่อนไขของ Fox สามารถทําให้ผมพึงพอใจได้ผมก็พร้อม ที่จะพิจารณาอีกครั้ง เพราะอันที่จริงตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นคนโลภมากสักเท่าไหร่ ”
หลังจากที่ฟังเช่นนั้นภายในใจของเมอร์ดอกก็หลุดค้านกับคําพูดที่ว่า “ไม่โลภ” ของเขาในทันที เมอร์ด็อกคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า “เอริค สัญญาของ Fox และ Firefly ต่างก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก เอาอย่างนี้แล้วกันฉันจะใช้จํานวนหุ้นของ Fox Films 59% มาแทนที่หุ้นของ Firefly ด้วยสัดส่วนที่เท่ากัน คุณเองก็รู้ว่ามูลค่าทางการตลาดของ Fox และFirefly เป็นการต่อรองที่ดีที่สุด ถ้าเป็นเช่นนี้ก็สามารถทําให้สัญญาของบริษัทภาพยนตร์ทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น ฉันจะใช้ราคาที่เสนอไปนี้เพื่อเป็นการแลกกับสิทธิ์ในการออกอากาศครั้งแรกของซีรี่ย์เรื่อง friends ในสี่ไตรมาสหลังจากนี้ในส่วนของสัดส่วนการแบ่งค่าโฆษณา 70 % ที่ ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เอริคนายคิดว่าข้อเสนอนี้เป็นอย่างไร ? ”
เมื่อเอริคได้ฟังข้อเสนอของเมอร์ด็อกแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่เกิดอาการตาลุกวาวพร้อมกับอาการดีอกดีใจอยู่ภายในใจของเขาขึ้นมา แต่เพียงครู่เดียวอะไรบางอย่างก็แวบขึ้นมาในหัวของเขาก่อนที่ความรู้สึกดีใจจะหายไปในฉับพลัน
คําพูดของเมอร์ด็อกก่อนหน้านี้ชัดเจนแล้วว่าเขาจะใช้หุ้นของ Fox Films มาแทนที่หุ้นของ Firefly ในสัดส่วนที่เท่ากัน แต่นั่นไม่ได้หมายถึงหุ้นของโทรทัศน์ Fox !
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าทั้งสองบริษัทนี้เป็นบริษัทเดียวกัน ทว่าสําหรับเอริคแล้วเขากลับแบ่งมันออกจากกันได้อย่างชัดเจน แม้ว่าในตอนนี้ทั้งสองบริษัทจะอยู่ในการดูแลของแบร์รี่ ดิลเลอร์ ทว่าบริษัท Fox Films และสถานีโทรทัศน์ Fox นั้นถูกแยกออกเป็นสองบริษัท สําหรับมูลค่าทางการตลาดในปัจจุบันของบริษัท Fox films นั้นอยู่ที่ 2000ล้านดอลลาร์ หุ้น 5% ของที่นี่จึงมีราคา เท่ากับ 100 ล้านดอลลาร์ ทว่าสําหรับหุ้น 5% ของ Firefty ในตอนนี้กลับไม่ได้มีมูลค่าสูงเท่ากับ Fox Films อย่างที่คิดไว้ เพราะเมื่อดูจากรายได้แล้วมูลค่าทางการตลาดของ Firefly จะอยู่ที่ ราวๆ 600 ล้านดอลลาร์เท่านั้น หาก Firefly ยอมที่จะเปลี่ยนหุ้นให้กับ Fox นั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาจะได้รับเงิน 70 ล้านเหรียญดอลลาร์จากครั้งนี้
แต่ทุกอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายขนาดนั้น ..
หลังจากที่เกิดการรวมกันของ Firefly และNew Line Cinema แล้ว บริษัทภาพยน ตร์อื่นๆในฮอลลีวูดไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ต่างก็รู้ถึงศักยภาพที่จะพัฒนาของ Firefly ในอนาคต หากภาพยนตร์ของเอริคได้รับบ็อกออฟฟิศอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ตําแหน่งของ Firefly ก็สามารถที่จะเลื่อนขึ้นมาเทียบเท่ากับบริษัทภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่อีก 7 บริษัทได้อย่างง่ายดาย และยิ่งไปกว่านั้นมูลค่าตลาดของ Firefly ก็จะพุ่งสูงขึ้นจนน่าทึ่งและมีแนวโน้มว่าอาจจะขึ้นสูงกว่า Fox ก็เป็นได้
เอริคค่อนข้างที่จะมั่นใจว่าหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ขั้นตอนการพัฒนาของบริษัทนี้จะใช้เวลาไม่ถึง 5 ปีเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เอริคยินดีที่จะซื้อหุ้น 15% รวมไปถึงยอมจ่ายเงินจํานวนมากเพื่อที่จะซื้อ New Line Cinema เพราะเขารู้ว่าหลังจากนี้มันจะสามารถชดเชยความบกพร่องในการกระจายรายได้ของ Firefly ได้และจะช่วยลดความเร็วในการก้าวกระโดดของ Firefly ได้อี กด้วย
หุ้น 5 % ก็เพียงพอที่จะมีส่วนในการออกเสียงภายในกลุ่มกรรมการได้แล้ว แต่ถึงอย่างไรหลังจากที่มีการเปลี่ยนหุ้นของ Fox แล้ว สําหรับเอริคนอกจากที่เขาจะมองไม่เห็นถึงประโยชน์ที่เขาจะได้รับแล้วดูเหมือนว่าข้อสัญญาเหล่านั้นยังทําให้เขาต้องถูกบีบบังคับด้วยเช่นกันอีกทั้ง
เอริคกระตุกมุมปากขึ้นก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับพูดกับเมอร์ด็อกที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาว่า ” คุณเมอร์ด็อกคุณคิดว่าปีนี้บริษัท Fox Films จะสามารถทํากําไรได้เท่าไหร่เหรอ ? ”
เมอร์ดอกหัวใจเต้นแรงขึ้นจนควบคุมไม่ได้ จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะถูกเด็กคนนี้ ทําให้หัวใจวายตายได้ในชั่วพริบตา
ถึงแม้ว่าภายในใจของเขาจะเกิดอาการตกใจทว่าเขายังคงรักษาภาพลักษณ์ภายนอกของเขาไว้ก่อนที่จะส่ายหน้าและพูดว่า “ เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ อาจจะต้องรอจนกว่าจะถึงการสรุปยอดของสิ้นปีถึงจะรู้จํานวนตัวเลขที่แน่นอน”
เอริคยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็นก่อนจะกล่าวว่า “ คุณเมอร์ด็อก ดูเหมือนว่าผมจะสามารถช่วยคํานวณตัวเลขให้กับ Fox แบบคร่าวๆได้นะ คุณแบร์รี่ ดิลเลอร์มุ่งเน้นที่จะพัฒนาเครือ ข่ายของโทรทัศน์ Fox และ Fox เองก็ไม่ได้มีภาพยนตร์เปิดตัวมากนักภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในบ็อกออฟฟิศก็ไม่มีแม้แต่เรื่องเดียว ปีนี้ที่ Fox สามารถทําสถิติได้ก็เพราะภาพยนตร์ Pretty Woman , Sleepless in Seattleและ Home Alone 2 ที่มาจากผมเท่านั้น และภาพยนตร์เรื่อง Pretty Woman ก็ทํารายได้ในอเมริกาเหนือถึง 210ล้านดอลลาร์และยังได้รับ 530ล้านด อลลาร์จากทั่วทุกมุมโลกด้วยดูเหมือนว่าเมื่อนําส่วนนี้ไปตัดค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆแล้วพวกเขาก็ยัง ได้กําไรอยู่ อย่างน้อยที่สุดคือ 70 ล้านดอลลาร์ อีกอย่างผมคิดว่าหลังจากนี้หนังเรื่อง Sleepless in Seattle และ Home Alone 2 ก็จะสามารถสร้างกําไรให้กับ fox ได้ไม่ต่ํากว่า 100 ล้านดอลลาร์ด้วย นี่ยังไม่รวมรายได้ที่จะได้รับจากการวางจําหน่ายวิดีโอเทปเพิ่มอีก อื้ม…ดูเหมือนว่าจะไปได้สวยเลยหล่ะ บางทีปีนี้อาจจะสามารถสร้างกําไรได้ถึง 300ล้านดอลลาร์ด้วยซ้ํา ซึ่งจากจํานวนนี้ถือได้ว่ามากกว่าปกติถึง 2 เท่าเลยนะ ”
เมอร์ดอกได้ฟังข้อสรุปของเอริคก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา หากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เอริคกล่าวไว้ Fox คงจะถูกจัดอันดับไว้ด้านบนสุดของ 7 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแน่นอน แม้แต่ Warner ผู้ที่สามารถทําเงินเป็นจํานวนมากในปีนี้ซึ่งมาจากภาพยนตร์เรื่อง Batman ก็อาจจะไม่สามารถทําเงินได้สูงเท่ากับพวกเขา หลังจากสิ้นสุดรายงานทางการเงินแล้วมูลค่าทางการตลาดของ Fox จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ทว่าหลังจากที่เขาแอบเผลอใจอยู่นั้น ทันใดนั้นภายในใจของเมอร์ด็อกก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างแทรกขึ้นมาจนทําให้ความดีใจก่อนหน้านี้พังทลายลง บางอย่างติดอยู่ในหัวของเขาจนทําให้เขาต้องเอ่ยปากถามออกมาว่า “ เอริค แล้วแบบนี้มันไม่ดีหรือไง ?”
” แน่นอนว่ามันต้องดีสิ “ เอริคตอบกลับ “งั้น เรามาลองคํานวนกําไรของ Firefly ในปี นี้กันเถอะ ”
เอริคกล่าวก่อนจะเอานิ้วขึ้นมานับไปพลาง” Pretty Woman 105ล้านดอลลาร์ Dark battle ถ้านับจากบ็อกออฟฟิศในตอนนี้ทั่วทั้งโลกก็ได้มาประมาณ 500ล้านเหรียญ และ Firefly ก็จะได้รับเพิ่มอีกประมาณ 100 ล้านเหรียญ สาหรับเรื่อง Sleepless in Seattle และ Home Alone 2 ในสิ้นปีนี้ถ้าหักต้นทุนออกไป Firefly ก็อาจจะได้รับกําไรอยู่ที่ประมาณ 100ล้านเหรียญ อย่าลืมนะว่าผมยังมีภาพยนตร์เรื่องอื่นอีก 3 เรื่องที่จะเข้าฉายในสิ้นปี ภาพยนตร์ 3 เรื่องนั้นผมคิดว่าผมดูแลเป็นอย่างดีแล้วแต่เมื่อคํานวณออกมารวมๆกันแล้วก็อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านเหรียญ เท่านั้น ซึ่งจากที่คํานวณทั้งหมดสําหรับรายงานทางการเงินในสิ้นปีนี้ หุ้น 5% ที่ Fox จะได้รับ เงินอยู่ที่ 20ล้านเหรียญในขณะที่ Firefly จะได้รับเพียง 15ล้านเหรียญเท่านั้น”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เอริคก็เก็บมือของเขากลับมาวางไว้ที่เดิม ภายนอกของเขาที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรทว่าในใจของเขากลับรู้สึกโกรธอย่างมาก แท้ที่จริงแล้วหลังจากที่เมอร์ด็อกยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับเงื่อนไขให้กับเขา มันกลับเป็นเพียงแค่กลอุบายที่หลอกล่อให้เขาหลงดีใจกับจํานวนตัวเลข 70ล้านเหรียญเท่านั้น ทว่าหลังจากที่เขาได้กลับมานั่งไตร่ตรองและเรียงลําดับเหตุการณ์ทุกอย่างอีกครั้ง ก็ทําให้เขาค้นพบว่านี่คือหลุมขนาดใหญ่ที่ฝ่ายตรงข้ามขุดเตรียมไว้ให้กับเขา
การแลกเปลี่ยนหุ้นส่วนกับ Fox เพื่อที่จะได้รับสิทธิ์ในการออกอากาศซีรี่ย์เรื่อง friends ในห้าไตรมาสแรก หากคํานวณอย่างจริงจังแล้วมันถูกแบ่งออกเป็นสองอย่าง แต่เมอร์ด็อกกลับทําให้ ทุกอย่างรวมเขาด้วยกันจนทําให้เกิดความสับสนจนทําให้เอริคเองก็เผลอหวั่นไหวไปกับกลอุบายของเขา ทว่าหากเอริคตัดสินใจที่จะเลือกหุ้น 5% ท้ายที่สุดแล้วเขาอาจจะไม่ได้รับอะไรเลย เป็นเพราะความแตกต่างของกําไรที่จะได้รับ นั่นจึงทําให้รายได้ต่างๆในแต่ละปีจะตกให้กับ Fox และมีความเป็นไปได้ว่าหุ้นนี้อาจจะใช้ระยะเวลาในการขายที่ยาวนานและยืดยาวออกไปจนกว่าจะขายได้ หรือบางทีมูลค่าการตลาดของ Firefly ก็อาจจะไม่ได้ต่างจาก Fox เท่าไหร่นัก
และอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต Fox จะมีสิทธิ์ในการเรียกคืนหุ้นของพวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นหากเอริคอยากจะนําหุ้นขายให้กับฝ่ายตรงข้ามผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ Fox ก็จะมีหุ้นของ Firefly ซึ่งสามารถที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับทาง Firefly ได้ทว่าในทางกลับกัน Firefly จะไม่สามารถเข้าไปแทรกแทรงเรื่องของ Fox ได้แม้แต่นิดเดียว อีกประเด็นหนึ่งคือหลังจากที่หุ้นได้ถูกเปลี่ยนแล้ว กําไรของ Firefly และ Fox ก็จะผูกติดกันแม้ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เมื่อถึงเวลานั้นเอริคก็คงจะต้องบีบจมูกตัวเองเพื่อฝืนร่วมมือกับ Fox อย่างเลี่ยงไม่ได้ทั้งหมดนี้คือการคาดการณ์ของ เอริคว่าเงื่อนไขในการแลกเปลี่ยนหุ้นกับ Fireflyของเมอร์ด็อกนั้นเป็นแผนกลอุบายเพื่อหลอกล่อ เอริคเท่านั้น
หากเอริคเป็นเด็กไร้เดียงสา อ่อนแอและไม่ทันคน เขาอาจจะต้องเสียน้ําตาให้กับทางที่เขาเลือกอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นเขาอาจจะต้องตะโกนร้องออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับน้ําตาว่า “ เอาเปรียบผู้อื่น! ผมจะไม่ทําสัญญากับพวกคุณแล้ว! “
ในความเป็นจริงภายในใจของเอริคเองก็มีความรู้สึกแปลกๆก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะจิตสานึกของร่างเก่าของเขาที่ยังอยู่จึงทําให้เขารู้สึกว่าตัวเองยังมีแรงกระตุ้นของความคิดเด็กๆซ่อนอยู่ในตัวเขา
แต่ถึงอย่างไรร่างของเด็กหนุ่มในตอนนี้ก็ถูกครอบครองโดยวิญญาณของชายวัยกลางคนอายุ 40 กว่าที่มีความสุขุมนุ่มลึก บวกเข้ากับประสบการณ์ต่างๆที่เขาเคยพบเจอก่อนหน้านี้ จึงทําให้เอริคค่อนข้างที่จะเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้มากยิ่งขึ้น สําหรับเอริคในตอนนี้ถือว่ามีโอกาสน้อยมากที่เขาจะตัดสินใจพลาดจนเสียเงินไปโดยใช่เหตุ
หลังจากที่ทุกอย่างเกิดผลสรุปชัดเจนแล้ว ภายในใจของเอริคก็เกิดความโมโหขึ้นมาอย่างมาก “ คุณเมอร์ด็อกบางที Fox คงจะไม่ได้อยากจะแสดงความจริงใจใดๆกับผม ดังนั้นผมคิดว่า…”
เมอร์ด็อกยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกฝืนก่อนจะกล่าวว่า “ เอริค ฟังฉันพูดก่อนนะ เอาแบบนี้ แล้วกันฉันว่า…”
” ไม่” เอริคตอบแทรกกลับไปโดยที่ไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามพูดจบ เพราะในเวลานี้เขาแทบจะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เมอร์ด็อกจะพูดกับเขายังจะมีหลุมดักขนาดใหญ่รอเขาอยู่หรือไม่ การที่ไม่ตอบรับกลับไปเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดสําหรับเขาที่จะไม่ต้องตกลงไปในหลุมกับดักนั้น “ให้ผมพูดดีกว่า เอาเป็นว่าตอนนี้ผมไม่สนใจหุ้นของ Fox Films ผมว่าเรามาพูดถึงเรื่องของซีรี่ย์เรื่อง Friends ที่เกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์ Fox กันเถอะ ผมอยากได้หุ้นของโทรทัศน์ Fox หาก Fox อยากจะได้สิทธิ์ออกอากาศซีรี่ย์เรื่อง Friends ในไตรมาสต่อไปที่จะมาถึงก็คงต้องให้มูลค่าการตลาดของ โทรทัศน์ Fox 80 % ก่อนที่จะออกอากาศ พร้อมกับโอนหุ้นให้กับผม 10% จากทั้งหมด “
ได้ยินเช่นนั้นเมอร์ด็อกก็เกิดอาการตกตะลึงขึ้นมาในทันที แม้ว่าเขาจะถูกเรียกว่าผู้ประกอบการด้านสื่อ ทว่าเป้าหมายของเขาคือการได้รับหุ้นของ News Corporation 30 % เท่านั้น และ ในตอนนี้ News Corporation ได้รับหุ้นจากโทรทัศน์ Fox เพียง 80 9% เมื่อแบ่งสัดส่วนออกมา แล้วครอบครัวของเขาจะได้รับหุ้นจากโทรทัศน์ Fox เพียง 24 % เท่านั้น หากเขายอมรับเงื่อน ไขของเอริคในครั้งนี้ Firefly ก็จะกลายเป็นหุ้นลําดับที่ 2 ของโทรทัศน์ Fox ในทันที หากทั้งสองฝายเกิดความขัดแย้งขึ้นมาในภายภาคหน้า หากเอริคมีผู้ถือหุ้นรายอื่นสนับสนุนเขา มีโอกาสสูงมากที่เอริคจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของโทรทัศน์ Fox
โทรทัศน์ FOX เป็นสิ่งที่เมอร์ด็อกทุ่มเทเพื่อให้มันสามารถเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือได้ด้วยความยากลําบาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาไม่มีทางที่จะตอบรับเงื่อนไขของเอริคอย่างแน่นอน
แต่ในความเป็นจริงแล้วเอริคเองก็ไม่ได้อยากจะได้รับอะไรมากมายขนาดนั้น เพราะภายในใจของเขาคาดหวังไว้ว่าเขาจะได้รับหุ้นจากโทรทัศน์ Fox 59% เท่านั้น
จากข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมมา โทรทัศน์ Fox ในตอนนี้มีมูลค่าน้อยกว่า 1000ล้าน ซึ่งห่างจากสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่สามช่องกว่า 4000-5000ล้านเหรียญดอลลาร์
ถึงจะเป็นเช่นนั้นทว่าเอริครู้ดีว่าหลังจากนี้อีก 10 ปี สถานีโทรทัศน์ Fox จะสามารถเทียบเท่ากับสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ทั้งสามช่องได้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะได้รับเงินถึง 3 หมื่นล้านเหรียญเป็นอย่างน้อย ในเวลานี้เขาเพียงแค่ต้องลงทุน 50ล้านเหรียญเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างก้าวกระโดดแล้ว หุ้น 5 % ในตอนนี้จะมีมูลค่ากว่า 1.5พันล้านเหรียญ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเทียบกับบริษัทภาพยนตร์แล้วกําไรของโทรทัศน์ดูเหมือนว่าจะมีความเสถียรกว่ามากจากบทสรุปของเขาในตอนนี้ในอนาคตเขาจะได้รับกําไรจากโทรทัศน์ Fox กว่าพันล้านเหรียญในทุกๆปีโดยที่เขาแทบจะไม่ต้องทําอะไรเลย