I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 218
ตอนที่ 218 อ่าห้ะ!
หลังจากที่โรเบิร์ตเดินออกไปแล้ว เอริคก็พูดกับเจฟฟรี่ย์ว่า “เจฟฟรี่ย์นายก็เห็นแล้วว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ ในปีนี้ Firefly จึงมีค่าใช้จ่ายถึง 80 ล้านเหรียญ เงินทุนในตอนนี้ค่อนข้างที่จะตึงเครียดแล้ว นายคิดว่ายังไงถ้าฉันจะให้นายเปลี่ยนผู้ผลิตของนายในปีนี้ให้กลายเป็นผู้ร่วมหุ้นของบริษัท ?
เจฟฟรี่ย์ได้ฟังเช่นนั้นก็ตกตะลึงพร้อมกับหัวเราะออกมาว่า ” นี่เป็นเรื่องที่ฉันไม่คิดมาก่อนเลยนะ ว่าแต่… นายตัดสินใจที่จะทําให้หุ้นของโรเบิร์ตน้อยลงอย่างนั้นเหรอ ?”
” แน่นอนว่าไม่ใช่แบบนั้น ” เอริคกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมา ” ถ้าทําเป็นนั้นจริงๆโรเบิร์ตคงคิดที่จะฆ่าฉันแน่ๆ ที่ฉันจะทําก็คือแบ่งหุ้นของฉันส่วนหนึ่งโอนให้กับนาย และฉันคิดว่านายคงจะไม่คิดว่าฉันให้นายน้อยเกินไปนะ”
“ไม่เลย นายให้ฉันเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ” เจฟฟรี่ย์รีบกล่าวออกมา “ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยากจะเห็น Firefly ก้าวไปทีละก้าวเพื่อไปเหยียบจุดสูงสุด ตอนนี้ฉันคงจะปลดระวางไปแล้ว อ่อ จริงสิ ก่อนหน้านี้ไม่นานฉันได้ซื้อฟาร์มในแมร์รี่แลนด์ ประมาณ 1000 ไร่ ซึ่งเป็นที่ที่ภรรยาของฉันเติบโตอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ฉันให้คนอื่นมาดูแลให้อยู่ รอให้ถึงวันที่ Firefly ไม่ต้องการฉันแล้วฉันคงจะออกจากที่นี่ไปเองก็คงจะกลับไปปลูกข้าวโพด เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ตามเรื่องตามราวสักที ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเอริคก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวิวๆขึ้นมาในทันที หากเขาไม่มีเจฟฟรี่ย์และการช่วยเหลือจากภรรยาของเจฟฟรี่ย์ที่ช่วยฝึกฝนทีมงานให้กับเขา เอริคเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร ทันทีที่เจฟฟรี่ย์กล่าวจบเขาก็รีบทําเป็นพูดขึ้นมาโดยที่ไม่ได้แสดงความกังวลใจว่า ” เอาเถอะ เอาเถอะ นายไม่ใช่โรมิโอของจูเลียต และก็ไม่ใช่เจ้าชายของนางเงือกด้วย นายมันก็แค่ชายอ้วนหัวล้านวัยกลางคน เพราะฉะนั้นหยุดพูดเรื่องเซนซิทีฟสักที่โอเคไหม ? “
เจฟฟรี่ย์รู้ดีว่าสิ่งที่เอริคพูดไม่ได้จงใจจะด่าเขา แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากจะหมกมุ่นอยู่กับอดีตที่ผ่านมา เจฟฟรี่ย์จึงกล่าวออกมาด้วยคําพูดที่ขบขันว่า “ แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนพวกนั้น แต่ฉันคือเจฟฟรี่ย์ของโซลิน่า”
“โอ้ย อยากจะอ้วก ”
เจฟฟรี่ย์ยิ้มก่อนจะส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวว่า ” นี่เอริค ถ้าในอนาคตฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ นายอย่าลืมไปหาฉันบ้างนะ นายเองก็รู้ว่าคนที่ฉันรู้จักจริงๆมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”
ได้ยินเช่นนั้นเอริคก็ถามต่อว่า “ แล้วนาย…กับลูกชายของนายยังไม่ดีกันอีกเหรอ ? ”
เมื่อได้ยินคําถามของเอริค เจฟฟรี่ย์ก็เกิดความรู้สึกเหมือนกับสูญเสียอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อนจะกล่าวว่า “ จะว่ายังไม่คืนดีกันก็ไม่ใช่ แต่ถ้าจะบอกว่าดีกันแล้วก็ยังไม่ใช่อยู่ดี คริสยุ่งมากปีหนึ่งพวกเราเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นเป็นเพราะแบบนี้ละมั้งถึงทําให้พวกเรารู้สึกอึดอัดใจที่จะต้องคุยกัน ”
เอริคได้ฟังเช่นนั้นก็เกิดอาการอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา “ ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าลูกชายของนายมาก่อนเลย เมื่อกี้นายเรียกเขาว่าคริสใช่ไหม แล้วเขาทํางานอะไรหล่ะตอนนี้ ? ”
“ เขาทํางานอยู่ที่วอลล์สตรีท ”
“โว้ว วอลสตรีท ! ได้ยินมาว่าที่นั่นดีกว่าฮอลลีวูดเสียอีก” เอริคได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะนึกขึ้นมาในใจ ก่อนที่เขาจะถามต่อว่า “ อยู่บริษัทไหนของวอลล์สตรีทหล่ะ ?”
“ Morgan Stanley ”
“โว้ว ! ” เอริคได้ยินชื่อก็เผลอหลุดเปล่งเสียงออกมาด้วยความตื่นเต้น Morgan Stanley คือ 1 ใน 4 ของธนาคารเพื่อการลงทุนซึ่งยังมี Merril Lynch Goldman Sachs และ Citigroup ประกอบอยู่ด้วย จากความทรงจําของเขาก่อนหน้านี้ทําให้เขารู้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต่างก็มีส่วนร่วมกับเบื้องหลังวิกฤติทางการเงินที่เกิดขึ้นด้วย
“ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะให้เขามาทํางานให้กับ Firefly นะ ชื่อเสียงของบริษัท Morgan Stanley ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ แล้วที่ฉันพูดก็จริงจังด้วย ”
คําพูดของเอริคทําให้เจฟฟรี่ย์รู้สึกอดไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจแทนลูกชายของเขาแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะแปลกจากครอบครัวอื่นไปเสียหน่อย ทว่าก็คงไม่มีพ่อคนไหนที่จะไม่รู้สึกภูมิใจกับความสําเร็จของลูกตนเอง
” เอริค ถ้าอนาคตนายอยากจะลงทุน นายก็ลองไปหาเขาดูสิ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับงานของเขาทั้งหมด แต่ฉันเชื่อว่าคุณภาพงานของคริสจะต้องโดดเด่นแน่ๆ ตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เขาก็ได้ทุนการศึกษาเต็มจํานวนตลอดภาคการศึกษา จนฉันไม่ต้องจ่ายค่าเรียนให้กับเขาเลยแม้แต่เหรียญเดียว ”
เมื่อได้ยินที่เจฟฟรี่ย์เล่า ภายในใจของเอริคก็มีไอเดียต่างๆแวบออกมามากมาย
แต่ว่าเขาก็กดความคิดของเขาลง ในตอนนี้เขาไม่เคยแม้แต่จะเจอหน้าคริสมาก่อนซึ่งเขาก็ยังไม่สามารถตัดสินคริสจากคําพูดของเจฟฟรี่ย์ในตอนนี้ได้ แต่ภายในใจของเขากลับบันทึกชื่อของคริสเอาไว้เป็นอย่างดี
เอริคพูดคุยกับเจฟฟรี่ย์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แบร์รี่ ดิลเลอร์จะเดินเข้ามา
นอกจากโรเบิร์ตและเจฟฟรี่ย์ที่มีส่วนใน Firefly แล้ว แบร์รี่ ดิลเลอร์ที่อยู่ในฐานะผู้นําของ FOX เองก็ให้ความสนใจกับซีรี่ย์ Friends เช่นกัน ตอนที่เอริคเดินออกมาจากห้อง แบร์รี่เองก็สังเกตเห็นแล้ว แต่ว่าก่อนหน้านี้เขาแค่อยากจะรอให้เมอร์ดอกลงมาเสียก่อน เขาถึงจะถามผลของการเจรจาจากปากของเมอร์ด็อกด้วยตัวเอง
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จนถึงตอนนี้เมอร์ดอกก็ยังไม่ปรากฏตัวมาเสียทีและในเวลานี้แบร์รี่เองก็แทบจะรอต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงต้องเดินมาหาเอริคด้วยตัวของเขาเอง
” สวัสดี คุณแฮนเซน เอริค” แบร์รี่เอ่ยปากทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม
การมาของแบร์รี่นั้นทําให้เจฟฟรี่ย์รู้ดีว่าแบร์รี่ไม่ได้เข้ามาเพื่อพูดคุยกับเขา เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นมาว่า ” เอริค พวกนายคุยกันไปก่อนนะ ฉันขอตัวไปทักทายเพื่อนเก่าทางนั้นก่อน ”
หลังจากที่เจฟฟรี่ย์ออกไปแล้ว แบร์รี่ก็เอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า ” เอริค ลิขสิทธิ์เรื่อง An Affair to Remember นายให้คนมาซื้อไปเหรอ ? ”
เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถที่จะซ่อนอะไรกับชายที่มีความฉลาดอย่างแบร์รี่ได้ เอริคก็ยิ้มออกมา
” ตอนแรกผมเองก็ไม่ได้สนใจกับลิขสิทธิ์ของหนังเรื่อง An Affair to Remember หรอก แต่หลังจากที่ผมอ่านบทของเรื่อง Sleepless in Seattle แล้วผมก็เพิ่งจะนึกถึงสิ่งนี้ขึ้นมา “ หลังจากพูดจบ แบร์รี่ก็แสดงอาการไม่พอใจขึ้นมา ” เอริค เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไรหรอกนะ แต่สัญญาของเราก่อนหน้านี้มันก็เป็นไปได้ด้วยดีไม่ใช่หรอ ? ตอนแรกนายเองก็เป็นคนเสนอมันออกมาด้วยตัวเอง อย่าว่าแต่ 1 ล้านที่ Fox ขายลิขสิทธิ์ให้กับนายเลย 5 แสนสําหรับฉันฉันยังคิดว่ามันสูงเกินไปเลยด้วยซ้ำ ๆ
เอริคไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาทําได้เพียงแต่ยิ้มแห้งๆ เพราะในใจของเขารู้ดีว่าในเวลานี้เขาเพียงแต่รอให้หนังเรื่อง Sleepless in Seattle ถูกฉายในโรงภาพยนตร์และเทปวิดีโอของหนังเรื่อง An Affair to Remember ถูกขายออกไปเสียก่อน หลังจากนั้นเขาก็คงจะ
แต่ถึงอย่างไรเขาเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเมื่อถึงเวลานั้นแบร์รี่จะแสดงสีหน้าอย่างไรเมื่อเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น บางทีการตัดสินใจขายลิขสิทธิ์ของหนังเรื่อง An Affair to Remember ก็อาจจะทําให้ผู้จัดการคนนั้นมีความสุขได้ไม่น้อยเลย
และแน่นอนว่าแบร์รี่เองก็ไม่สามารถอ่านความคิดของเขาได้ เขาจึงคิดว่าในเวลานี้เอริคคงรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย เขาจึงทําท่าที่ปลอบใจเอริคก่อนจะตบบ่าของเขาพร้อมกับกล่าวว่า ” เอาเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว จําไว้นะว่าครั้งหน้าถ้าต้องการความช่วยเหลือ นายต้องมาพูดกับฉันตรงๆ โอเคไหม ? “
“ แน่นอน “ เอริคตอบกลับด้วยท่าทางที่จริงใจ พร้อมกับใช้แก้วในมือของเขาชนเข้ากับแก้วของแบร์รี่เพื่อแกล้งแสดงความซาบซึ้งใจออกมา ในเวลานั้นเองภายในใจของเอริคก็ตัดสินใจถึงบางอย่างขึ้นมา ก่อนสิ้นปีนี้เขาจะต้องได้รับลิขสิทธิ์ดัดแปลงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ Fox ให้ได้
เพราะหากรอให้พ้นปีนี้ไปแล้ว ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจะเอาทุกสิ่งมาจาก Fox ได้อีก