I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 220
ตอนที่ 220 ฉันจะจับตามองนายอย่างดีเลยหล่ะ
เอริคมองหน้าของหญิงสาวที่ดูผิดปกติไปจากเดิมเล็กน้อยเพราะในเวลานี้ดูเหมือนว่าใบหน้ารูปไข่ของเอลิซาเบธจะร้อนวูบขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในเวลานี้หญิงสาวกลับทําทุกอย่างให้เหมือนกับการทํา “สงคราม” เพราะหล่อนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับหนีไปไหนด้วยความดื้อรั้น ราวกับว่าหากหล่อนลุกออกไปจากที่นี่แล้วหล่อนอาจจะต้องสูญเสียอะไรบางอย่างไป เมื่อหล่อนมองเห็นสีหน้าของเอริคที่ไม่ได้สนใจอะไรหล่อนเลย หญิงสาวก็เกิดอาการโมโหขึ้นก่อนที่จะถามขึ้นว่า “นี่ นายกําลังคิดอะไรอยู่หน่ะ ? “
เอริคชี้ไปยังไฟที่ห่างออกไปจากเขาไม่ไกลก่อนจะกล่าวขึ้นไม่ได้หันไปมองหญิงสาวว่า “ โคมไฟนั่นสวยมากเลย ฉันกําลังคิดว่าจะรอให้เธอทนไม่ไหวแล้วเดินออกไปก่อน จากนั้นฉันจะเดินไปถอดโคมไฟพวกนั้นแล้วย้ายไปไว้ที่หลังรถของฉัน ”
ได้ยินเช่นนั้นเอลิซาเบธก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ทว่าเพียงครู่เดียวหล่อนก็ปรับสีหน้าให้นิ่งเฉยอีกครั้งก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบว่า “ อย่าหวังว่าจะได้ทําแบบนั้นเลย เพราะฉันจะจับตามองนาย ”
“ น่าเสียดายจัง ” เอริคพูดออกมาทว่าภายในน้ำเสียงของเขากลับไม่ได้มีความหมายเดียวกับคําที่เขาพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย
“นี่นาย ช่วยจริงจังหน่อยได้ไหม” ในที่สุดเอลิซาเบธก็กล่าวออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
เอริคนําก้นบุหรี่ทิ้งลงถังขณะที่อยู่ข้างๆก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า ” ก็ได้ลิซ สรุปว่าเธอมีเรื่องอะไร พูดมาตรงๆเลยแล้วกัน “
“ ฉัน ” เอลิซาเบธนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ที่ฉันอยากจะบอกก็คือ….นายอย่าลืมให้เงินเดือนฉันด้วยนะ”
ทันทีที่ได้ยินหญิงสาวพูดเช่นนั้นเขาก็เกิดความงุนงงทันที ” ห้ะ ? ”
” ก็เรื่องที่จะเป็นผู้ช่วยผู้กํากับไง ถึงพ่อจะให้ฉันไปแต่นายก็อย่าคิดจะใช้งานฉันฟรีๆนะ เพราะยังไงฉันเองก็ต้องพึ่งพาทุกอย่างด้วยเงินของตัวเอง ถ้าฉันสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้วฉันจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องที่พ่อของฉันจะข่มขู่ว่าจะปิดบัตรเครดิตของฉันอีก “
เอริคได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา ” เธออยากจะเป็นผู้ช่วยผู้กํากับจริงๆหรอลิซ พวกเราต่างก็รู้จุดประสงค์หลักของพ่อเธอดี แต่พวกเราทั้งสองก็ไม่ได้คิดว่าจะให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะฉะนั้นเธอเองก็อย่าวุ่นวายกับเรื่องนี้เข้าใจไหม ? ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้มีบทเรียนในชั้นเรียนของเธอแล้วแต่ฉันก็แนะนําว่าเธอควรจะกลับไปมหาวิทยาลัยของเธอซะ ไปใช้ชีวิตหนึ่งปีในรั้วมหาวิทยาลัยของเธอ เพราะหลังจากที่เธอก้าวออกมาจากที่นั่นแล้วเธอจะไม่ได้ซึมซับกับความรู้สึกแบบนั้นอีกตลอดชีวิต ”
“ นั่นมันเรื่องของฉัน ! ” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจก่อนจะพูดขึ้นมาอีกว่า “ มีวางแผนอนาคตของตัวฉันเองแล้วว่าฉันอยากจะเป็นคนผลิตภาพยนตร์ เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ฉันต้องทําตอนนี้คือการคุ้นชินกับด้านนี้ ”
” เหรอ? แล้ว News Crop หล่ะจะทํายังไง ? เธอเองก็เรียนด้านสื่อมาก็เพื่อจะสืบทอดกิจการของพ่อเธอไม่ใช่หรือไง ? ”
เมื่อได้ยินเอริคถามเช่นนี้เอลิซาเบธก็เกิดอาการงุนงงเล็กน้อย ” เขาถึงพ่อจะไม่เคยพูดกับ ฉันมาก่อน แต่ฉันก็รู้ว่าพ่ออยากจะให้น้องชายของฉันเป็นคนรับช่วงต่อ “
” พ่อของเธอยังมีแนวคิดโบราณอยู่อีกเหรอ ? ”
เอริคคิดไม่ถึงว่าเมอร์ด็อกจะยังยึดคติที่ว่าให้ความสําคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาวอยู่ ซึ่งนั่นทําให้เอริคอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจขึ้นมา
” คงงั้นมั้ง” เอลิซาเบธพึมพําออกมาด้วยความไม่เต็มใจก่อนที่จะกลับมาพูดเรื่องของตนเองต่อว่า ” อ่อ แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่ง”
เอริคตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องที่เอลิซาเบธจะพูดหลังจากนี้จะต้องเป็นเรื่องที่หล่อนอยากจะพูดตั้งแต่แรก เขาจึงหยักหน้าเพื่อให้หญิงสาวพูดต่อไป
” ฉันคุยกับจูเลียแล้ว อาจจะเป็นปีหน้าหลังจากที่เก็บสะสมประสบการณ์สักระยะหนึ่งแล้วฉันคิดว่าฉันอยากจะผลิตหนังเรื่องแรกของตัวเองและหล่อนเองก็ตกลงที่จะเล่นเป็นนางเอกให้กับหนังของฉัน ”
“ แล้ว ? ”
” ดังนั้น มันจะเป็นไปได้ไหมที่…นายจะ…ขายบทภาพยนตร์ให้กับฉันสักเรื่องหนึ่งมั้ย?”
เอริคได้ฟังเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบรับในทันทีทว่าเขากลับคว้าซองบุหรี่ออกมาอีกครั้งจนทําให้เอลิซาเบธรู้สึกรับไม่ได้กับสีหน้าที่เพิกเฉยของเขาในครั้งนี้จนทําให้หล่อนต้องคว้าบุหรี่ในมือของเขาโยนทิ้งไปในถังขยะ ” นี้ นายไม่รู้หรือยังไงว่าการสูบบุหรี่ต่อหน้าผู้หญิงมันเป็นเรื่องไม่สุภาพเลยหน่ะ ? “
” โอเค โอเค ฉันไม่สูบก็ได้ ” เอริคยกมือขึ้นโบกไปมาก่อนจะถามขึ้นว่า ” เราไม่พูดถึงเรื่องของบทภาพยนตร์ก่อนแล้วกัน สิ่งแรกที่จะพูดคือเรื่องของการถ่ายภาพยนตร์ เธอจะเอาเงินลงทุนมาจากไหน ? ในเมื่อเมื่อกี้เธอเป็นคนบอกเองว่าจะพึ่งพาเงินตัวเองทุกอย่าง อีกอย่างเธอก็เป็นแค่มือสมัครเล่นด้วย การที่เธอจะลากจูเลียมาแสดงเป็นนางเอกก็ยังไม่เห็นว่ามันจะทําให้เงินลงทุนของเธอมากขึ้นเลยนี่ ? “
“ ฉันคิดมาก่อนหน้านี้แล้วว่าฉันจะยืมเงินจากพ่อของฉัน 10 ล้านเหรียญเพื่อสร้างบริษัทภาพยนตร์ของตัวเองขึ้นมา หลังจากที่ใช้เงินนี้ไปกับการถ่ายภาพยนตร์แล้ว จูเลียเองก็ยินดีที่จะร่วมหุ้นและหารส่วนแบ่งจากกําไรที่ได้รับ ”
สาหรับเอลิซาเบธในตอนนี้ดูเหมือนว่าหล่อนจะมองสิ่งนี้เป็นเรื่องง่ายๆ เพราะทันทีที่เอริคได้ยินในสิ่งที่หล่อนพูดเขาก็เข้าใจได้ถึงความคิดของหล่อนเป็นอย่างดี
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เศรษฐีพันล้านทําเพื่อที่จะสืบทอดความมั่งคั่งของครอบครัวและการหลีกเลี่ยงภาษีอสังหาริมทรัพย์ก็เป็นเรื่องปกติที่คนเหล่านั้นทํากัน การปล่อยเงินให้กับลูกของตัวเองส่วนหนึ่งเพื่อช่วยให้พวกเขาสร้างบริษัทขึ้นนั้นก็ถือเป็นการพัฒนาบริษัทของตัวเองด้วย เมื่อถึงเวลานั้นพวกเขาก็จะรอเวลาให้บริษัทของลูกๆเขาก้าวหน้าขึ้นก่อนที่จะสร้างกฏขึ้นมาและอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหุ้นหลังจากนั้นซึ่งวิธีการนี้สามารถทําให้เหล่าเศรษฐีส่งต่อความมั่งคั่งให้กับรุ่นหลังๆได้ด้วยวิธีการที่ประหยัดลง และแน่นอนว่าการสืบทอดเช่นนี้ยังมีข้อกําหนดที่สูงมากสําหรับความสามารถของเด็กเหล่านั้น หากพวกเขาไม่สามารถที่จะทําให้ลุล่วงไปได้นั่นก็จะทําให้การทํางานของพวกเขายากมากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ว่าเมอร์ด็อกจะไม่ได้อยากให้เอลิซาเบธสานต่อธุรกิจของเขาทว่าหากเกี่ยวกับเรื่องของการสืบทอดความมั่งคั่งของพวกเขาแล้ว เพียงแค่เอลิซาเบธเอ่ยปากขอเมอร์ด็อกเองก็คงจะไม่ปฏิเสธหล่อนอย่างแน่นอน
เอริคคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เอลิซาเบธจะพูดแทรกความคิดของเขาขึ้นมาพร้อมกับถามว่า ” เอริคคิดอะไรอยู่หน่ะ สรุปว่านายจะตอบตกลงฉันหรือป่าว ?”
“ ตอบตกลงอะไร ? “ เอริคถามกลับไป ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นมาได้ก่อนที่จะยิ้มพร้อมกับพูดออกมาว่า “ อ่อเรื่องบทหน่ะเหรอ ? แล้วเธอจะให้ฉันเท่าไหร่สําหรับบทหนังหนึ่งเรื่องหล่ะ ? ”
เมื่อคําถามนี้หลุดออกมาจากปากเขา เอลิซาเบธก็เกิดอาการวิตกขึ้นมาในทันที
เพราะในตอนนี้บทภาพยนตร์ที่เอริคเขียนขึ้นมาด้วยตัวเขาเองนั้น สามารถทํารายได้ให้กับบ็อกออฟฟิศไม่น้อยกว่า 100 ล้านเหรียญ และเกือบทุกเรื่องก็สามารถสร้างกําไรให้กับผู้ร่วมลงทุนได้ไม่น้อยกว่า 50 ล้านเหรียญ จากมาตรฐานเหล่านี้แล้วถึงแม้ว่าหล่อนจะใช้ราคาของภาพยนตร์ยอดนิยมของฮอลลีวูดก็ไม่สามารถเทียบเท่าได้
” ดูสิ เธอเองก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย ดังนั้นฉันคิดว่ารอให้เธอคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยมาว่ากันดีกว่านะ ”
เอริคพูดจบก็ลุกขึ้นยืน หาทักษะในด้านความเข้าใจของเอลิซาเบธไม่ได้มีปัญหาหล่อนเองก็น่าจะรู้ว่าในเวลานี้เขาได้ตอบปฏิเสธหล่อนแล้ว
จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะเรื่องเงินที่เป็นปัญหาสําหรับเขาและ “บทหนัง” ที่อยู่ภายในหัวของเขาก็มีสํานวนนับไม่ถ้วนหากเขาจะมอบให้กับเอลิซาเบธสักเรื่องก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไร แต่ในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะประสบความสําเร็จในบ็อกออฟฟิศติดต่อกันจํานวนมากมายแต่เขาก็ยังไม่ได้มีความแข็งแกร่งที่เสถียรพอในฮอลลีวูด หากเขานําบทหนังของเขาให้กับคนอื่น เขาก็จะไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพของหนังเรื่องนั้นได้ด้วยตัวของเขาเองและถ้าหากหล่อนทําให้หนังของเขาพลาดจนเละเทะขึ้นมา มันก็จะทําลายภาพลักษณ์ของหนังหลายๆเรื่องที่เขาสร้างมาให้พังทลายลงในพริบตาเดียว ถึงแม้ว่าเอลิซาเบธจะเอ่ยปากบอกเขาเองว่าจะดึงจูเลียมาร่วมด้วย แต่เขาก็ยังไม่เชื่อมั่นมากพอว่าผู้หญิงสองคนทําให้ประสบความสําเร็จได้
” นี่ เอริค นายรอฉันก่อน ” เอลิซาเบธรีบรั้งเอริคไว้เมื่อเห็นว่าเขาลุกขึ้น แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้รับรู้ถึงความกังวลภายในใจของเขา แต่หลังจากที่หล่อนคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งหล่อนก็เปลี่ยนใจล้มเลิกที่จะซื้อบทของเอริคลง เพราะหล่อนรู้ดีว่าตัวหล่อนเองไม่สามารถที่จะใช้เงินจํานวนมากขนาดนั้นเพื่อบทของเอริคได้ แต่ความฉลาดของหล่อนที่ยังมีอยู่นั้นก็เสนอแนวคิดใหม่ขึ้นมาให้กับเอริคว่า “ เอริค ฉันไม่เอาบทของนายแล้ว ฉันจะคิดบทกับจูเลียด้วยตัวเอง แต่เมื่อถึงเวลานั้นนายช่วยตรวจสอบบทหนังของฉันให้หน่อยได้ไหมว่ามันมีศักยภาพเพียงพอที่จะนําออกไปขายได้หรือเปล่า ? “