I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลี - ตอนที่ 228
ตอนที่ 228 ผู้หญิงต้นแบบ
ประตูห้องประชุมถูกผลักออก คุณนายแลงเคิลมองไปยังชาร์ลี ซันที่เดินตามหลังเอริคออกมาหลังจากที่หล่อนเห็นสามีของตนเองพยักหน้าเบาๆให้กับหล่อนแล้ว หล่อนก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้า
” คุณวิลเลี่ยม คุณเป็นคนที่โดดเด่นมากผมหวังว่าหลังจากวันนี้ไปเราจะได้ร่วมมือกันนะ “ หลังจากที่การเจรจาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ไบรอันก็ไม่ได้มองเอริคเป็นคู่เจรจาอีกต่อไป ใบหน้าของเขาสงบนิ่งพร้อมกับยื่นมือของตนเองไปด้านหน้าด้วยความเคารพ
” ผมคิดว่าจะต้องมีโอกาสนั้น “ เอริคยิ้มก่อนที่จะยื่นมือออกมารับมือของไบรอัน การ ฝึกฝนของตัวแทนผู้นี้น่านับถืออย่างมาก หากเป็นคนอื่นที่โดนชาร์ลีหักหน้าเช่นนี้เขาก็คงจะโกรธจนกระแทกประตูเดินออกไปนานแล้ว
แต่สําหรับไบรอันเขากลับไม่มีท่าทีเช่นนั้น เขายังคงพูดคุยกับแลงเคิลอีกครู่หนึ่งก่อนที่จะขอตัวออกจากห้องไป
เอริครู้ดีว่าแม้ว่าสตีเวิร์ดจะนํารายได้มาให้ตัวแทนได้มากมาย แต่หลังจากนี้ไบรอันจะต้องถอนตัวออกจากตําแหน่งตัวแทนของสตีเวิร์ดอย่างแน่นอน เพราะการทํางานกับลูกค้าที่ไร้ความสามารถและไม่เหมาะสมกับตนเองเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ตัวแทนที่มีการทํางานที่ยอดเยี่ยมเช่นเขาจะรับได้
หลังจากที่ก้มลองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้ว เอริคก็ได้พบว่าการเจรจาครั้งนี้ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วซึ่งในเวลานี้เป็นเวลาเที่ยงตรงพอดี
” ชาร์ลี จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันไหม ? “ เอริคถามขึ้นขณะที่คู่สามีภรรยากําลังยืนพูดคุยกันอย่างเบาๆ
ชาร์ลีเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะมองไปยังเอริคที่ในเวลานี้เขาแสดงความเป็นมิตร และบุคลิกของเขาที่เป็นเหมือนกับเด็กมัธยมตอนปลาย ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะมีลักษณะคล้ายกับเด็กวัยรุ่นแต่มันก็ไม่สามารถทําให้ชาร์ลีลืมภาพของเอริคที่มีท่าทางที่เด็ดขาดตอนอยู่ในห้องประชุมก่อนหน้านี้ได้เลย
” ไม่ดีกว่า พวกเรายังมีเรื่องที่ต้องทําต่อน่ะ “ ชาร์ลีปฏิเสธ
“ ไม่ ผมจะไป “ เด็กชายพูดแทรกขึ้นเมื่อได้ยินว่าพ่อของตนปฏิเสธคําชวนของเอริคก่อนที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา เขาเดินไปอยู่ด้านข้างเอริคทว่าก็ถูกแม่ของเขาลากกลับมาพร้อมกับจ้องมองลูกชายของเขาด้วยสายตาตําหนิ
เอริครู้ดีว่าเรื่องของคนสองคนหากมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากที่จะเอ่ยชวนกันได้สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน หลังจากที่เอริคพูดกับเด็กชายไม่กี่คําเอริคก็เดินออกจากห้องมาพร้อมกับเอลิซาเบธและเอเลน
ภายในร้านอาหารใกล้เมืองเซนจูลี เอเลนและคนขับก็แยกออกไปนั่งโต๊ะแยกจากเอริคและเอลิซาเบธ หลังจากที่พวกเขาสั่งอาหารเสร็จแล้ว เอลิซาเบธก็จะอดใจไม่ไหวที่จะถามขึ้นมาว่า ” นี่เอริค ทําไมถึงเจรจาเร็วจัง ? “
” แล้วเธอคิดว่าควรจะเจรจานานขนาดไหนล่ะ ? “ เอริคถามกลับ
เอลิซาเบธคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ ฉันจําได้ว่าปีที่แล้วที่ไปเจรจาหนังเรื่อง Rain Man กับทอม ครูซและดซติส ฮัฟแมนนายใช้เวลาตั้งครึ่งปี สุดท้ายก็เกือบจะล้มไปเป็นท่า แล้วยังมีหนังเรื่อง The Dark War อีกที่นายต้องเสียเวลาถกเถียงกับ Caa อีกตั้งนานไม่ใช่เหรอ ? ”
เอริคยิ้มออกมา “ ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนหน่ะ ถ้าคุยกับตัวแทนของ Caa ก็อาจจะ ต้องใช้เวลานานหน่อย แต่เมื่อกี้ฉันคุยกับชาร์ลีโดยตรงหน่ะ ”
หญิงสาวพยักหน้าเพื่อบอกว่าตนเข้าใจในที่สิ่งที่ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะถามขึ้นมาอีกว่า ” ครั้งนี้ค่าตัวของเด็กน้อยคนนั้นเท่าไหร่เหรอ ? ”
” 80ล้านเหรียญแล้วก็มีส่วนแบ่งของบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาเหนืออีก 3% “
” ราคาสูงจัง ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินราคาของหมาป่าน้อยนั้นต่ําเกินไป “ เอลิซาเบธพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงที่โกรธเคือง
เอริครู้ได้ทันทีว่าตอนที่อยู่ในห้องประชุม เอลิซาเบธจะต้องถูกเด็กน้อยกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน ” ก็ไม่ถือว่าสูงนะ อีกอย่างราคาของสติว ถ้าหากเจรจากับผู้ริเริ่มของ Caa ราคาของเขาจะต้องสูงกว่านี้แน่นอน แต่น่าเสียเดียวที่สามีภรรยาคู่นั้นไม่มีความฉลาดอีกอย่างก็ไม่ค่อยจะเชื่อคนอื่นนอกจากตัวเอง สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นต้นเหตุที่ทําให้ตนเองต้องเสียผลประโยชน์ไป “
” ไม่มีใครสามารถทําอะไรนายได้เลยจริงๆนะ ฉันจําได้ว่าคนพวกนั้นเป็นเพื่อนบ้านนายไม่ใช่หรอ ? ” หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็รีบถามอีกประเด็นขึ้นมาทันที
แม้ว่าเอริคจะชอบเด็กที่เฉลียวฉลาดอย่างสตีเวิร์ด แต่สําหรับพ่อแม่ของเขาเอริคกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับทั้งสองคนนั้น เอริคได้ยินคําถามก็รู้สึกเบื่อที่จะตอบคําถามของหญิงสาว เมื่อพนักงานเสริฟนําอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ เขาก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารในทันที
” นายยุ่งแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ ? ” เอลิซาเบธถามขึ้นในขณะที่เข็มสั้นของหน้าปัดนาฬิกาไปที่เลขหก หลังจากที่ทั้งคู่เดินทางไปเจรจาตามที่ต่างๆ ตลอดทั้งวัน เอริคก็ได้เดินทางมาถึงออฟฟิศของตนเองในเย็นวันนั้น ทว่าถึงแม้ว่าภารกิจในการเจรจาของเขาจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะนําเอกสารสัญญาระหว่าง New Line Cinema และ Firefly ออกมาอ่านเพื่อตอบกลับไป ในเวลานี้ตึกของ Firefly ไม่มีคนหลงเหลืออยู่แล้ว มีเพียงเอลิซาเบธที่ยังอยู่ภายในออฟฟิศของเขาพร้อมกับเดินสํารวจสิ่งต่างๆที่อยู่ภายในห้องด้วยท่าทางที่เบื่อหน่าย
” ก็ไม่นะ แต่แค่ช่วงนี้มีเรื่องให้ทําเยอะไปหน่อยหน่ะ ” เอริคตอบโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวแม้แต่น้อย
” อ่อ “ เอลิซาเบธตอบสั้นๆ ก่อนที่จะเปิดตู้เอกสารออกมาพร้อมกับหยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดู
หลังจากที่นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงแล้ว เอกสารตรงหน้าของเอริคก็ได้ถูกจัดการจนเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะมองเอลิซาเบธที่ยังนั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องทํางานของเขา
” คนอื่นกลับกันหมดแล้ว ทําไมเธอยังไม่ได้กลับไปอีก ? ”
หญิงสาวมองเอริคก่อนที่จะลุกขึ้นพร้อมกับนําหนังสือในมือวางบนชั้นวางดังเดิม” กลับไปก็ไม่มีอะไรให้ทํา อีกอย่างจะทําอะไรก็ต้องทําให้เสร็จไม่ใช่เหรอ”
ได้ยินเช่นนั้นเอริคก็แทบจะพูดแทรกออกไป แต่หลังจากที่เขาเห็นหญิงสาวตามเขาไปทุกที่ตลอดทั้งวันอีกทั้งดูเหมือนว่าหญิงสาวจะทําตามที่เขาบอก เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะรู้ว่าเอริคกําลังจะพูดอะไรหล่อนจึงกล่าวออกมาว่า ” นายคงอยากจะพูดเสียดสีฉันอีกสินะ ? “
“ ไม่หนิ ” เอริคตอบกลับไปโดยไม่ได้ยอมรับว่าสิ่งที่หญิงสาวถามเป็นสิ่งตรงกับความคิดของ เขาอย่างมาก ” ไปกันเถอะ ” พูดจบเอริคก็เดินนําออกไปข้างนอกทันที
หญิงสาวเดินตามไปไม่กี่ก้าวก็ยังคงคะยั้นคะยอถามขึ้นมาอีกว่า “ เมื่อกี้นายต้องอยากพูดจาเสียดสีฉันแน่ๆ ”
“ เอาเถอะ ก็ตามที่เธอว่านั่นแหละ “ เอริคตอบกลับไปเพื่อให้หญิงสาวหยุดคะยั้นคะยอเขา ก่อนที่จะหันไปทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพร้อมกับเดินลงบันไดไป
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นจึงรีบพูดขึ้นว่า “ ฉันทํางานทั้งวันแถมยังทําโอที่ให้นายโดยที่นายไม่ต้องร้องขอ แต่นายกลับคิดแบบนี้ รีบขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ ”
” ขอโทษ “ เอริคตอบกลับไปเพราะไม่อยากจะทะเลาะกับหญิงสาวให้ยืดยาวไปมากกว่านี้
หญิงสาวกัดริมฝีปากของตนเองก่อนพูดว่า ” ไม่มีความจริงใจเอาเสียเลย นายเองก็ควรจะเลี้ยงมื้อค่ําฉันด้วยนะ เพราะฉันอุตส่าอยู่เป็นเพื่อนนายจนถึงดึกดื่นขนาดนี้ “
เอริคที่กําลังนึกหาร้านอาหารค่ําได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไปว่า ” โอเค ”
คําตอบของเอริคทําให้เอลิซาเบธรู้สึกสงสัยขึ้นมา ” ตกลงง่ายขนาดนี้ นายคงจะไม่มีแผนอะไรในใจใช่ไหม ? “
” เธอนี้เป็นต้นแบบของผู้หญิงจริงๆเลยนะ ” เอริคอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
แม้ว่าหล่อนจะรู้ว่าไม่ว่าหล่อนจะถามอะไรออกไป เอริคก็คงจะไม่ตอบคําถามของหล่อนด้วยความเห็นที่ดีอย่างแน่นอน ทว่าหล่อนก็ยังคงถามออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ นายหมายความว่ายังไง ? “
” ยิ่งใกล้ก็ไม่มีความเกรงใจกัน แต่พอไกลก็เอาแต่ไม่พอใจ “ เอริคอธิบายความหมายของคําพูดของเขาให้หล่อนฟัง
เอลิซาเบธได้ยินเช่นนั้นก็รีบตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า ” นี่นายคําพวกนี้มันเป็นคําที่ใครก็รู้นายอย่าคิดว่าฉันไม่เข้าใจความหมายของนายไปหน่อยเลย เพราะตอนที่ฉันเรียนฉันก็เคยได้ยินมา “ หญิงสาวพูดจบก็กล่าวด้วยน้ําเสียงที่หงุดหงิดขึ้นมาว่า “ เทียนหวางควรมีโทนเสียงที่ต่ํา เขาจึงสามารถที่จะดื่มมันได้อย่างแท้จริง นายว่าเป็นไงดีกว่าของนายไหม ? ”
เอริคกรอกตา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่หล่อนจะพูดวลีออกมาด้วยคําที่ไม่มีการใช้เสียงวรรณยุกต์ (เป็นการเล่นเสียงของภาษาจีน ที่จะพูดด้วยการไม่ใช้วรรณยุกต์จนทําให้ทั้งประโยคเป็นเสียงเรียบเสียงเดียว ) เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งกับสิ่งที่หล่อนพูด
” แล้วเธอรู้ไหมว่ามันความหมายของมันคืออะไร ? “ หลังจากที่เดินออกมาจากตึกแล้ว เอริคก็เอ่ยปากถามขึ้น
” หมายถึงว่าการกระซิบที่มีความดังไม่ต่างอะไรกับการใช้เมล็ดงาเปิดประตู ฉันเขียนได้ด้วยนะ นายคงจะเขียนไม่เป็นหล่ะสิท่า ? ”
” ใช่ๆ เธอเก่งกว่าฉัน ” เอริคตอบกลับไปเมื่อมาถึงลานจอดรถเอริคก็มองไปรอบๆก่อนที่จะถามขึ้นว่า ” รถเธอหล่ะ ?”
“ วันนี้ฉันไม่ได้ขับรถมา “ หญิงสาวโบกมือบอก
เอริคเปิดประตูรถฝั่งตนเองก่อนจะกล่าวว่า ” งั้นก็ขึ้นรถ ”
หลังจากที่ทานมื้อค่ําเสร็จแล้วพวกเขาก็เดินออกมาจากร้านซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มกว่า เอริคมองหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังของเขาก่อนจะถามว่า ” เธอจะกลับยังไง จะโทรหาคนขับรถให้มารับเธอไหม ? “
หญิงสาวมองไปที่เอริคก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่า ” ทําไมนายถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ย สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่านายควรจะไปส่งฉันหรือไง ? “
“ ขอร้องหล่ะ บ้านเธออยู่มาลิบูเลยนะ ฉันขับไปขับกลับก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง อย่าโยนภาระมาให้ฉันเลย”
” งั้นก็แล้วแต่ ฉันนั่งแท็กซี่กลับก็แล้วกัน “ หญิงสาวแสดงสีหน้าไม่แยแส ก่อนที่จะใช้มือล้วงกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะก้าวเดินออกไป มองจ้องมองการจราจรที่อยู่บนท้องถนนที่ขับผ่านไปมาในยามค่ําคืนก่อนที่จะพึมพําออกมาว่า ” มีการปล้นบนรถแท็กซี่ในลอสแองเจลิสหลายครั้งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ยินมาว่ากลุ่มเป้าหมายคนของพวกนั้นคือหญิงสาวด้วยสิ แต่นายสบายใจเถอะ ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นพ่อฉันก็คงจะไม่โทษนายหรอก”
” ขึ้นรถ! ” เอริคกัดฟันก่อนที่จะพูดขึ้น
หญิงสาวแอบยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูรถอย่างร่าเริง พร้อมกับขึ้นมานั่งบนรถซึ่งเอริคกําลังแสดงสีหน้าหดหูตรงตําแหน่งที่นั่งของคนขับ หญิงสาวที่กําลังรัดเข็มขัดอยู่ก็หัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า ” นี่ ฉันล้อเล่น ช่วงไม่กี่วันนี้ฉันอยู่กับจูเลีย ถึงมันจะไม่ได้เป็นทางผ่านบ้านนายแต่มันก็ไม่น่าจะเสียเวลานายมากสักเท่าไหร่หรอก”
เอริคถอนหายใจออกมาก่อนที่จะออกรถในทันที
หลังจากที่รถออกตัวมาได้ไม่นานหญิงสาวก็ใช้นิ้วชี้ไปด้านหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า ” ด้านหน้าเป็นโรงหนังนี้ พวกเราดูหนังสักเรื่องแล้วค่อยกลับกันเถอะ ตอนนี้มันก็ยังไม่ดึกเท่าไหร่อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ดูหนังนานแล้วด้วย ”
เอริคจอดรถไว้ข้างทางโดยไม่ได้ดับเครื่องและเขาก็ไม่มีท่าที่จะลงจากรถ เขาใช้มือจับพวงมาลัยรถก่อนจะหันไปมองหญิงสาวพร้อมกับถามขึ้นว่า “ ลิซ เธอต้องการอะไรกันแน่ ?”
หญิงสาวมองหน้าเอริคที่ดูเหมือว่าจะหมดความอดทน ก่อนที่จะโบกมือไปมาก่อนจะกล่าวว่า “ ช่างเถอะๆ ฉันก็แค่นึกอยากจะดูหนังเฉยๆน่ะ นายไม่ดูก็ไม่ดูไม่เห็นเป็นไรเลย งั้นก็ส่งฉันกลับเลยแล้วกัน ”
เอริคตบที่พวกมาลัยรถก่อนที่จะพูดว่า ” ดู ก็แค่เรื่องเดียวไม่ใช่เหรอ ๆ
ไม่เพียงแต่จะดูหนังเท่านั้น ในเวลานี้เขายังอยากจะดูด้วยว่าคืนนี้หญิงสาวต้องการจะทําอะไรกันแน่
” แบบนี้สถึงจะดูเป็นสุภาพบุรุษ “ หญิงสาวพูดก่อนที่จะปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับลงจากรถไป
เอริคขับรถไปจอดตรงลานจอดรถ หลังจากที่เขาเดินรถจากรถแล้ว เขาก็เดินไปยังโรงหนังที่อยู่ด้านข้างพร้อมกับเอลิซาเบธทันที
” ฉันเลี้ยงเอง นายอยากดูเรื่องอะไร ? “ เมื่อถึงจุดขายตั๋วหนัง หญิงสาวก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาพร้อมกับถามขึ้น
เอริคกวาดตามองโปสเตอร์หนังที่ติดอยู่รอบๆก่อนที่จะชี้ไปยังหนึ่งในนั้นพร้อมกับพูดว่า “ เรื่องนี้แล้วกัน”
” When Harry Met Sally ? “ หญิงสาวหันไปมองโปสเตอร์ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ น่าสนใจมากเลย งั้นดูเรื่องนี้ก็แล้วกัน”