I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 318 เข้าสู่ยานหลัก!
“เพราะว่าฉันเป็นแฮคเกอร์” หลี่หลานเฟิงบอกสถานะอีกอันของตัวเองให้ผู้คนฟังโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว
หลิงหลานได้ยินถึงตรงนี้ การเคลื่อนไหวของมือก็ช้าลง อย่างไรก็ตามเธอฟังลงไปอย่างเด็ดเดี่ยวและฉับไว ช่วงเวลานี้ทำให้เธอทำลายข้อต่อได้เกือบครึ่งแล้ว แต่สภาพของปู้หุ่ยก็ย่ำแย่มากเหมือนกัน ทว่าตอนนี้หลิงหลานไม่มีเวลาไปปวดใจ ถึงอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าชีวิตแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเมฆลอย
“ถ้าพวกนายไม่เชื่อ สามารถสอบถามห้องควบคุมของยานลำเลียงได้” หลี่หลานเฟิงเห็นทุกคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเลยพูดเสนอแนะด้วยความเฉยชามาก
จากนั้นก็เห็นผู้ควบคุมหุ่นรบไม่น้อยหยุดการเคลื่อนไหว เริ่มติดต่อห้องควบคุมของยานลำเลียง ทุกคนต่างสับสนวุ่นวายขึ้นมาภายใต้การได้รับคำยืนยัน
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษสอบถามหลี่หลานเฟิงขณะที่พวกเขากำลังถามห้องควบคุม “ต่อให้ทะเลพายุสนามแม่เหล็กก่อตัวขึ้นมา อาศัยแค่ความสามารถเล็กๆ ของหุ่นรบเพียงอย่างเดียวก็บินออกไปจากขอบเขตรัศมีไม่ได้ ไม่สู้อยู่ในยานลำเลียงจะปลอดภัยมากกว่า”
“น่าเสียดายที่ความเร็วของยานลำเลียงช้ามากเกินไป…” หลี่หลานเฟิงได้ยินคำถามก็ตอบแค่ประโยคนี้เท่านั้น ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างได้ เขาเก็บมีดคลื่นแม่เหล็กในมือ กล่าวกับหลิงหลานที่กำลังทำลายข้อต่อว่า “ทางฉันมีปืนลำแสงระดับพิเศษ บางทีอาจจะช่วยได้”
หลิงหลานถอยออกโดยไม่ลังเล ส่งสัญญาณให้ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเข้ามา ถ้าหากประหยัดเวลาได้หนึ่งวินาที พวกเขาก็จะปลอดภัยมากขึ้นหนึ่งส่วน
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษหยิบปืนลำแสงระดับพิเศษที่ห้อยอยู่ตรงหลังลงมาอย่างแน่วแน่ เล็งไปยังข้อต่อที่ถูกหลิงหลานทำลายไปมากกว่าครึ่งแล้ว จากนั้นก็ยิงเข้าไปทันที พลังงานของปืนลำแสงไม่ได้น้อยนิดเลย หลายสิบวินาทีสั้นๆ ก็ปล่อยพลังงานทั้งหมดของปืนลำแสงออกมาจนหมด
เวลานี้ ข้อต่อถูกทำลายไปแล้วเจ็ดแปดส่วน ขณะที่หลิงหลานกำลังเตรียมตัวขึ้นหน้าไปทำลายต่อ จีอู๋ปู้ซิวพลันเอ่ยปากว่า “ให้ฉันลองเถอะนะ”
หลิงหลานตะลึงงัน จีอู๋ปู้ซิวคนนี้ยังมีไพ่ตายอีกเหรอ? ดูเหมือนว่าอัจฉริยะด้านการพัฒนาหุ่นรบจะดูถูกไม่ได้จริงๆ
ต่อมาก็เห็นกระสุนปืนใหญ่ทรงกระบอกพลันยิงออกมาจากตรงส่วนศีรษะของหุ่นรบสองลูก นี่เป็นปืนใหญ่รบกวนกลางอากาศที่ติดตั้งมากับหุ่นรบทุกตัว พลังทำลายล้างด้อยที่สุดในหมู่อุปกรณ์อาวุธทั้งหมดของหุ่นรบ ปกติแล้วผู้ควบคุมหุ่นรบนึกถึงการใช้เจ้านี่น้อยมาก มันย่อมเป็นของที่มีประโยชน์เพียงน้อยนิด แต่ไม่นึกเลยว่าการโจมตีที่จีอู๋ปู้ซิวเลือกใช้จะเป็นเจ้านี่
แววตาของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเผยร่องรอยความผิดหวังออกมา มีเพียงหลิงหลานเท่านั้นที่เลิกคิ้วขึ้น เนื่องจากเธอดูออกชัดเจนว่า ปืนใหญ่ที่ยิงออกมาจากส่วนหัวของจีอู๋ปู้ซิวย่อมไม่ใช่ปืนใหญ่รบกวนแบบนั้น ถึงแม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูคล้ายคลึงอยู่บ้าง แต่หลิงหลานที่มีสายตาแหลมคมยังคงมองเห็นความแตกต่างได้ในชั่วพริบตา
เป็นไปตามที่คาดไว้ ปืนใหญ่ยิงโดนข้อต่อ ส่งเสียงระเบิดดังสนั่นหูอีกครั้ง กลบเสียงอุทานของผู้ควบคุมหุ่นรบที่เข้าใจความจริงเหล่านั้นจนหมด
หลังจากการระเบิดอย่างรุนแรงนี้ ในที่สุดประตูยานส่งเสียงดังปัง ข้อต่อหัก หลิงหลานเห็นดังนั้นก็เตะออกไปอย่างเฉียบขาด ถีบประตูยานออกไปฉับพลัน
อากาศภายในห้องรั่วไหลออกไปทันที หุ่นรบที่พังบูสเตอร์ซีทไม่น้อยลอยขึ้นมาฉับพลันเพราะสูญเสียน้ำหนัก กระแทกกับเพดานห้องอย่างหนักหน่วง หุ่นรบที่ยืนอยู่หน้าประตูยานรับมือไม่ทันถูกสลัดออกไปจากยานลำเลียงมาที่อวกาศ
เนื่องจากพวกหลิงหลานเก้าคนเตรียมการเรียบร้อยไว้นานแล้ว เมื่อประตูยานเปิดออกก็กระโจนเข้าไปในอวกาศ พอเห็นวงแหวนแวงสีม่วงงดงามตรงที่ห่างไกลสีสันเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขารู้ว่า นั่นก็คือทะเลพายุสนามแม่เหล็กที่สามารถเก็บทุกชีวิตที่นี่ได้ทั้งหมด
“เปิดใช้งานเครื่องยนต์เต็มอัตรา มุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดของหุ่นรบ” ทุกคนในทีมต่างบินเต็มกำลังหลังจากคำสั่งของหลิงหลาน ผ่านยานลำเลียงไปลำแล้วลำเล่า
“ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษคนนั้นตามพวกเรามาด้วย” เซี่ยอี๋ที่อยู่รั้งขบวนเอ่ยเตือนทุกคน
“ไม่ต้องสนใจเขา” หลิงหลานทิ้งคำพูดประโยคนี้ไว้ เธอเห็นจีอู๋ปู้ซิวที่ความเร็วค่อยๆ ช้าลงมาแล้วก็สั่งฉีหลงว่า “เก๋อโต้ว จำไว้ว่าต้องช่วยเหลือจีอู๋ปู้ซิวด้วยนะ” ส่วนคนอื่นๆ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
“เสี่ยวซื่อ เรายังห่างจากยานหลักบัญชาการอีกเท่าไหร่?” หลิงหลานถามเสี่ยวซื่อ
“พวกเรามุ่งหน้าด้วยความเต็มอัตราแบบนี้ สามารถไปถึงได้ในอีกสิบเก้านาที สี่สิบเจ็ดวินาที แต่ขอเตือนลูกพี่หน่อยนะ ทะเลพายุสนามแม่เหล็กสามารถปะทุได้ก่อนกำหนดนะ” เสี่ยวซื่อตอบ
“นายคาดว่าอย่างเร็วสุดอีกนานเท่าไหร่?” หลิงหลานขมวดคิ้วมุ่น
“มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกแค่สิบแปดนาทีเท่านั้น” เสี่ยวซื่อบอกเวลาที่ที่เขาคาดการณ์ล่าสุดให้หลิงหลานฟัง เนื่องจากเป็นโลกเสมือนจริง เสี่ยวซื่อจึงไม่ได้กังวลใจมากนัก
แม่งโชคร้ายจริงๆ! หลิงหลานได้ยินคำตอบของเสี่ยวซื่อก็อดสบถคำหยาบไม่ได้ ถึงแม้การเสียชีวิตในโลกเสมือนจริงจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หักคะแนนและระดับบางส่วนเท่านั้น แย่ที่สุดก็คือเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น แต่หลิงหลานไม่อยากยอมแพ้แบบนี้ ในใจเห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นความจริงทั้งหมด ก็เหมือนกับที่เธอทำภารกิจในมิติเรียนรู้ มีเพียงใช้ความคิดแบบนี้บีบบังคับตัวเองเท่านั้น ถึงจะหาโอกาสรอดเจอในภารกิจ ทำภารกิจที่ดูเหมือนไม่มีทางทำสำเร็จเหล่านั้นได้
อีกอย่างหนึ่ง หลิงหลานไม่อยากให้พวกเพื่อนๆ ของเธอปลูกฝังนิสัยที่ไม่สนใจการเสียชีวิตในโลกเสมือนจริงแบบนี้เหมือนกัน ควรรู้เอาไว้ว่าเมื่อกลับไปที่โลกความเป็นจริง เข้าสู่สงครามที่แท้จริง มีความเป็นไปได้สูงว่านิสัยแบบนี้จะนำภัยอันตรายแอบแฝงอย่างใหญ่หลวงมา มีแต่ต้องจดจำเอาไว้ให้มั่นโดยตลอดว่าชีวิตมีแค่ครั้งเดียว ถึงจะสามารถระมัดระวังในสนามรบอยู่ตลอดเวลา เอาชีวิตรอดต่อไปได้
หลิงหลานเชื่อว่า สาเหตุที่โลกหุ่นรบทำออกมาสมจริงขนาดนี้ บทลงโทษต่อการเสียชีวิตก็รุนแรงสุดขีด ส่วนใหญ่แล้วก็หวังว่าบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบจะทะนุถนอมชีวิตในโลกหุ่นรบ อันที่จริง โลกหุ่นรบทำเรื่องนี้ได้แล้วจริงๆ หากยังไม่ถึงที่สุดละก็ ไม่มีใครอยากยอมแพ้ทิ้งชีวิตของตัวเองเช่นกัน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมตอนที่หลิงหลานพังประตูยานลำเลียงถึงได้ทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบโกรธเกรี้ยวไม่พอใจอย่างรุนแรง
“ตอนนี้ให้หุ่นรบทั้งหมดทำการเร่งเครื่องยนต์เกินพิกัด เปิดใช้งานความเร็วสูงสุดตามทฤษฎีของหุ่นรบ” หลิงหลานออกคำสั่งใหม่ล่าสุดอย่างเด็ดขาด ต่อให้มันจะทำให้หุ่นรบพังโดยสมบูรณ์เพราะเหตุนี้ ทว่าขอเพียงสามารถรอดชีวิตไปได้ ความสูญเสียเหล่านี้ต่างคุ้มค่าแล้ว
“ได้เลย ลูกพี่!” ไม่มีใครมีคำคัดค้าน ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ทำการควบคุมเพิ่มความเร็วของหุ่นรบตัวเองได้สำเร็จ
ส่วนฉีหลงกับลั่วล่างต่างประคองจีอู๋ปู้ซิวซ้ายขวาทันทีโดยไม่ต้องให้หลิงหลานสั่งการ ขณะเดียวกันเครื่องยนต์ส่งเสียงดังสนั่น พุ่งไปยังส่วนลึกของอวกาศราวกับบินก็ไม่ปาน
หลี่หลานเฟิงเห็นแบบนี้ แววตาก็เปล่งประกาย เขาลอบทอดถอนใจว่าสมาชิกทีมของกระต่ายรู้ใจกันมากอย่างที่คาดไว้จริงๆ การรู้ใจกันแบบนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ แต่เขาไม่ได้ท้อแท้ใจเลยแม้แต่น้อย ต้องมีสักวันที่เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้
ก่อนที่หลิงหลานจะออกคำสั่งก็ให้เสี่ยวซื่อส่งแผนที่เส้นทางอวกาศของยานหลักบัญชาการให้ทุกคนในทีม ขอเพียงไม่ได้หลงทิศในอวกาศก็คงไม่บินไปผิดทาง
ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่ตามหลังกลุ่มหลิงหลานมาติดๆ เห็นกลุ่มของหลิงหลานเร่งความเร็วอีกครั้งก็อดสบถเงียบๆ ไม่ได้ เขาเพิ่มความเร็วอีกครั้งโดยไม่ครุ่นคิดเลยสักนิดเดียว ถึงแม้ว่ากลุ่มของหลิงหลานจะเปิดใช้กำลังเต็มอัตราตั้งแต่เริ่มแรก แต่สำหรับหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว อันที่จริงยังเหลือส่วนที่เผื่อเอาไว้อยู่บ้าง แต่ตอนนี้รู้สึกกินแรงบ้างแล้ว ถึงขนาดที่ถูกอีกฝ่ายสลัดออกไปช่วงใหญ่ในตอนที่ได้สติกลับมาไม่ทัน เขาลอบยินดีกับตัวเองในใจว่า โชคดีที่เขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษ ถ้าเกิดเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงละก็ เกรงว่าคงถูกอีกฝ่ายสลัดทิ้งเพราะเหตุนี้ไปแล้ว
หลังจากที่บินเกินพิกัดไปได้สิบห้านาที หุ่นรบของทีมก็เกิดอัตราความเสียหาย 15% จนถึง 20% แต่ประสิทธิภาพความเร็วแบบนี้กลับเป็นที่ประจักษ์แล้ว พวกเขามองเห็นเงาของยานหลักบัญชาการ ในใจทุกคนอดดีใจยกใหญ่ไม่ได้ ขอเพียงขึ้นยานหลักบัญชาการได้ก็หมายความว่าพวกเขาสามารถหลุดพ้นจากเขตอันตรายได้แล้ว
พวกเขาเข้าใกล้ยานหลักบัญชาการตอนนาทีที่สิบเจ็ด และตอนนี้ท่าปล่อยหุ่นรบของปีกหางยานหลักกำลังเปิดออกอย่างเงียบเชียบ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิงหลานส่งตำแหน่งร่อนลงของยานหลักบัญชาการมาให้อีกครั้ง พวกเขาไม่มีทางค้นพบมัน
“ฉิงอี้อู๋เจี้ย เข้าไปคนแรก” หลิงหลานเรียกฉิงอี้อู๋เจี้ยที่อยู่ค่อนข้างใกล้กับด้านหน้าจากตำแหน่งการบินของทีมให้พุ่งเข้าไปในท่าปล่อยหุ่นรบก่อน
ความจริงแล้วการที่เข้าไปคนแรกนั้นเป็นอันตราย เพราะไม่มีใครรู้ว่าสภาพด้านในเป็นแบบไหน แต่หลี่ซื่ออวี๋ได้รับคำสั่งของหลิงหลานก็บังคับหุ่นรบจ่อไปที่ท่าปล่อยหุ่นรบแล้วถลาเข้าไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ทันทีโดยไม่ครุ่นคิดเลยสักนิดเดียว เมื่อสองเท้าของหุ่นรบสัมผัสรางของท่าปล่อยหุ่นรบก็เห็นประกายไฟบนนั้นสาดออกไปทุกทิศทาง ดูเหมือนว่าหลี่ซื่ออวี๋ใช้ฟังก์ชั่นเสียดทานใต้เท้าเพื่อลดความเร็วของตัวเองแล้ว เพียงแต่เดิมทีพวกเขาเดินทางด้วยความเร็วเกินพิกัด ความเร็วจึงรวดเร็วมากเกินไปอย่างแท้จริง ต่อให้ทำแบบนี้ก็ไม่สามารถลดความเร็วลงได้มากเท่าไหร่
พอเห็นหุ่นรบของตัวเองกำลังจะชนกับประตูป้องกันชั้นที่สอง ประตูป้องกันนั้นพลันเปิดออกราวกับสัมผัสได้ถึงวิกฤติ หลี่ซื่ออวี๋ไถลเข้าไปอย่างราบรื่น ต่อให้สภาพของเขาค่อนข้างดูไม่มีหวัง แต่เขายังคงสนใจสถานการณ์ด้านหลังตัวเอง เขาได้ยินหลิงหลานสั่งให้หลิงเทียนเปากั่วเตรียมตัวไถลเข้าไปในท่าปล่อยหุ่นรบคนต่อไป
หลี่ซื่ออวี๋มาถึงประตูป้องกันชั้นที่สามอย่างรวดเร็ว ในตอนที่กำลังจะชนเข้ากับประตูป้องกันชั้นที่สามนั้น มันก็ถูกเปิดออกอีกครั้งราวกับมีคนคอยเฝ้ามองการเข้ามาของพวกเขาก็ไม่ปาน
เวลานี้หลี่ซื่ออวี๋ไม่สามารถแบ่งสมาธิไปที่สถานการณ์ด้านหลังตัวเองแล้ว เพราะว่าหลังจากผ่านประตูชั้นที่สาม เขาได้เข้าสู่ภายในยานอวกาศแล้วจริงๆ หรือก็คือสถานที่จัดเก็บและปล่อยหุ่นรบ
เป็นไปตามที่คาดไว้เลย เมื่อเขาข้ามพ้นประตูชั้นที่สาม เขาเห็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังทำงานตรงสองฝั่งของรางปล่อยหุ่นรบทำสีหน้าเหมือนเห็นผีจากในหน้าจอของหุ่นรบ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้รับการแจ้งเตือน ตกตะลึงกับการที่จู่ๆ มีหุ่นรบถลันเข้ามาในยานพวกเขาอย่างยิ่งยวด
เสียงกรีดร้องโหวกเหวกดังทั่วพื้นที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จำนวนไม่น้อยพลันกระโดดลงมาจากบนตัวหุ่นรบที่กำลังตรวบสอบอยู่ก่อนจะทยอยกันรีบเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ปลายสุดของทางคือเบาะลมรวมถึงเชือกสปริงหลายเส้นที่ป้องกันไม่ให้หุ่นรบถูกกระแทกจนพัง หลี่ซื่ออวี๋ชนเข้าไปในนั้นอย่างรุนแรง ทว่าไม่ได้รับกระแทกแรงมากเกินไป
หลี่ซื่ออวี๋อาศัยแรงสะท้อนกลับของเชือกสปริงดีดตัวกลับมาจากเบาะลมไปพุ่งไปยังที่ว่างด้านขวาอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล เขาไม่ลืมว่าหลิงเทียนเปากั่วที่อยู่ด้านหลังจะมาถึงแล้ว เขาไม่อยากกลายเป็น ‘เบาะรองเนื้อ’ ของอีกฝ่าย ทำให้ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บไปด้วยกันหรอกนะ
เวลานี้เอง JMC ของยานหลักบัญชาการเชื่อมต่อกับช่องสื่อสารสาธารณะ ถามเสียงดังลั่นว่า “คุณเป็นใคร มาจากที่ไหน?” ในเวลาเดียวกัน หลี่ซื่ออวี๋เห็นเจ้าหน้าที่จำนวนไม่น้อยหยิบอาวุธบนตัวขึ้นมา เล็งไปที่หลี่ซื่ออวี๋ด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“แย่แล้ว ด้านหลังยังมีหุ่นรบอีก รีบหลบเร็ว” ยังไม่ทันที่หลี่ซื่ออวี๋จะตอบกลับ เขาก็ได้ยินเสียงเสียดทางที่น่ากลัวดังมาจากท่าปล่อยหุ่นรบ เจ้าหน้าที่เหล่านี้มีปฏิกิริยาตอบโต้เร็วมาก ไม่ได้มีแค่หุ่นรบตัวนี้ที่ลอบเข้าในยานรบของพวกเขา
เจ้าหน้าที่รู้ดีว่า หุ่นรบที่ถลันเข้ามาในท่าปล่อยหุ่นรบด้วยความเร็วสูงไม่สามารถควบคุมได้ ถ้าหากไม่ระวัง มีความเป็นไปได้สูงว่าจะชนเจ้าหน้าที่อย่างพวกเขาจนบาดเจ็บล้มตาย พวกเขาไม่สนใจหลี่ซื่ออวี๋ ทยอยกันหลบออก หนีกลับไปยังเขตพื้นที่ปลอดภัยเพื่อความปลอดภัยของชีวิตตัวเอง
—————————