I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 356 ก่อกวน
“ไม่รู้สิ ฉันแค่คาดเดาเท่านั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าโรงเรียนทหารจะถูกศัตรูโจมตีเป็นวงกว้าง” หลิงหลานเดินไปพลางตอบไปพลาง พวกเขามาถึงหน้าประตูห้องของลั่วล่างอย่างรวดเร็ว หลิงหลานเตะออกไปอย่างป่าเถื่อนอีกครั้งโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว ทว่าหลังจากที่หลิงหลานเตะประตูห้องให้เปิดออก เธอกลับพบว่าในห้องไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งกระโจนออกมาจากทางด้านข้าง โจมตีใส่ใบหน้าของหลิงหลานฉับพลัน หลิงหลานยกมือขวาขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง ฝ่ามือข้างหนึ่งกุมหมัดที่มาอย่างโหดเหี้ยม
“ลูกพี่ เป็นนายนี่เอง!” ลั่วล่างเห็นว่าคนที่กุมหมัดของเขาไว้คือลูกพี่หลาน เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที ร้องตะโกนขึ้นมาอย่างยินดี ที่แท้เสียงที่เกิดขึ้นทางฝั่งฉีหลงได้ปลุกลั่วล่างที่กำลังนอนหลับสนิทให้ตื่นขึ้น เขาคิดว่าเหตุการณ์ดูท่าไม่ดีอยู่บ้าง ก็เลยสวมชุดเครื่องแบบอย่างรวดเร็วแล้วก็ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกำแพงข้างประตู ในขณะที่ประตูห้องถูกเตะกระเด็น เขาก็พุ่งออกมา ต่อยใส่คนที่ทำลายประตู
หลิงหลานปล่อยกำปั้นของลั่วล่างลง ทอดมองไปด้วยสายตาเย็นชาและกล่าวว่า “ลั่วล่าง ตามมา!”
ลั่วล่างเก็บมือ เมื่อเห็นหลิงหลานมีสีหน้าเคร่งขรึมก็รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว เขาตามลูกพี่ตัวเองไปโดยไม่ส่งเสียงออกมาสักคำ ทว่าสะกิดฉีหลงที่อยู่ข้างกายเงียบๆ ฉีหลงหันหน้ามาทำปากพูดอย่างไร้เสียงว่า “ศัตรูบุก!”
แววตาของลั่วล่างพลันเย็นเยียบ ทำให้ลูกพี่หลานระมัดระวังขนาดนี้ เห็นชัดว่าศัตรูที่บุกมาในครั้งนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน เขากับหลิงหลานนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในฐานที่มั่นซวิ่นหลงเหมือนกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าเป็นเรื่องนั้นหรือเปล่า ดังนั้นพวกเขาเลยถูกพบตัวเข้า?
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นดวงหน้าที่เย็นเยียบของลูกพี่ตัวเอง ลั่วล่างไม่กล้าเอ่ยถามมาก เมื่อเดินมาถึงชั้นสอง หลิงหลานก็ส่งสัญญาณมือให้ฉีหลงกับลั่วล่าง บ่งบอกให้พวกเขาสามคนแยกกันไปปฏิบัติการปลุกหานจี้จวิน หลินจงชิงกับเซี่ยอี๋
ไม่นานทุกคนก็ถูกปลุกให้ตื่น พวกเขาทั้งหมดสวมชุดเครื่องแบบเรียบร้อยแล้วก็มารวมตัวกันในห้องนั่งเล่นด้านล่าง เมื่อเห็นหลิงหลานที่นั่งตัวตรงบนโซฟาทำหน้าครุ่นคิด เซี่ยอี๋กับหลินจงชิงก็สบตากันตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะพบว่าในแววตาทั้งสองฝ่ายต่างมีความงุนงง พวกเขาแค่ถูกลั่วล่างกับฉีหลงปลุกเท่านั้น ไม่ได้บอกให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หานจี้จวินก็เดินลงมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด เขาเดินมาที่เบื้องหน้าหลิงหลาน รอคอยลูกพี่ตนมอบคำตอบที่ชัดเจนมาให้
“ตอนนี้ภาคพื้นดินของเราขาดการติดต่อกับดาวเทียมทั้งหมดบนน่านฟ้าอวกาศของดาว มันขาดมานานห้านาทีแล้ว” หลิงหลานกวาดตามองทุกคนรอบหนึ่ง และบอกสถานการณ์ที่แท้จริงให้พวกเขา
คำพูดของหลิงหลานทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉีหลงกับลั่วล่างสองคน พวกเขาที่ตระหนักถึงความสำคัญของข่าวกรองรู้ดีว่านี่หมายความว่าอะไร
“ศัตรูบุก!” หานจี้จวินเอ่ยอย่างเฉียบขาด ลั่วล่างฟังแล้วก็พยักหน้าหนักๆ ตาม เขาก็คาดการณ์เหมือนกับหานจี้จวิน เมื่อเทียบกับการคาดเดาอย่างไม่แน่ใจของหลิงหลาน หานจี้จวินกับลั่วล่างดูมั่นใจมากอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันก็คาดเดาแบบนี้เหมือนกัน และศัตรูบุกมาจากอวกาศ” หลิงหลานเหลือบมองไปที่ท้องฟ้ายามราตรีนอกหน้าต่างตามจิตใต้สำนึกแวบหนึ่ง ความมืดยามค่ำคืนเป็นสีดำสนิท ไม่ใช่โอกาสดีในการจู่โจมทางอากาศเหรอ?
คำพูดของหลิงหลานทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี ถ้าหากเป็นอย่างที่ลูกพี่ของตนพูดมาจริงๆ ละก็ เช่นนั้นโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของพวกเขาก็อยู่ในอันตรายแล้ว เซี่ยอี๋ถามโพล่งออกมาอย่างยากจะข่มกลั้นความร้อนใจ “ลูกพี่ งั้นเราควรทำยังไงดี?”
“ฉันควบคุมเรดาร์ภาคพื้นดินรวมถึงอุปกรณ์วงจรปิดทางอากาศทั้งหมดของโรงเรียนทหารแล้ว เมื่อพบอะไรขึ้นมาก็จะดึงสัญญาณเตือนบุกโจมตีของทั้งโรงเรียน” หลิงหลานบอกแผนการของเธอให้พวกเพื่อนๆ ฟัง
“ทำไมไม่ดึงสัญญาณเตือนภัยตอนนี้เลยล่ะ? นี่ทำให้กองกำลังภาคพื้นดินมีเวลาเตรียมการป้องกันง่ายขึ้นด้วย” หานจี้จวินเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
“น่าเสียดายที่เรดาร์กับอุปกรณ์วงจรปิดไม่พบความผิดปกติเลย พวกเขาหาหลักฐานไม่เจอก็จะสงสัยทันทีว่าออปติคัลคอมพิวเตอร์ของโรงเรียนทหารถูกโจมตีหรือเปล่า เช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาอาจจะไล่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างสุดกำลัง นี่จะได้ไม่คุ้มเสีย ตรงกันข้ามยังทำให้ศัตรูได้ประโยชน์ด้วย” หลิงหลานบอกความกังวลของเธอออกมา
ถ้าหากกองกำลังภาคพื้นดินเพ่งความสนใจในโรงเรียนทหารเพราะเหตุนี้ละก็ หลิงหลานต้องเสียใจจนตายแน่นอน เดิมทีอยากทำลายการลอบโจมตีของศัตรู ทว่ากลับสร้างโอกาสในการลอบโจมตีที่ดียิ่งขึ้นให้กับศัตรู หลิงหลานไม่มีทางทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้…
“แต่ขาดการเชื่อมต่อกับดาวเทียมเป็นเรื่องจริงนะ ขอเพียงพวกเขาสังเกตเห็นเรื่องนี้ก็จะตื่นตัวขึ้นมา” หานจี้จวินไม่เข้าใจว่าทำไมลูกพี่ตนถึงมีความกังวลแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ง่ายมากเลย ขอแค่ให้กองกำลังภาคพื้นดินรู้ว่าขาดการเชื่อมต่อกับดาวเทียมหลายนาทีแล้ว พวกเขาย่อมนึกถึงเรื่องการจู่โจมทางอากาศนี้ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของหานจี้จวิน มุมปากของหลิงหลานก็เผยรอยยิ้มขื่น “ถ้าเกิดอุปกรณ์ภาคพื้นดินที่เชื่อมต่อกับดาวเทียมขึ้นว่าทุกอย่างปกติล่ะ?” มีเพียงตัวตนที่น่ากลัวอย่างเสี่ยวซื่อเท่านั้นถึงจะสามารถรับรู้เรื่องขาดการเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง ส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดของภาคพื้นดินที่เชื่อมต่อกับดาวเทียมเวลานี้ก็ขึ้นว่าทุกอย่างปกติดี ต่อให้แฮคเกอร์ระดับสุดยอดก็จับสังเกตปัญหาอะไรไม่ได้ทั้งนั้น นี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่หลิงหลานถูกบีบให้รอคอยจนกว่าความจริงจะอุบัติขึ้น
ในที่สุดคำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานก็ทำให้หานจี้จวินที่สงบนิ่งสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด “ความหมายของลูกพี่คือ อุปกรณ์บนภาคพื้นดินไม่ได้ขึ้นว่าขาดการเชื่อมต่อ? แต่ความจริงพวกเราขาดการเชื่อมต่อกับดาวเทียมแล้ว?”
หลิงหลานพยักหน้ากล่าวว่า “ใช่แล้ว แฮคเกอร์ที่ไม่ถึงระดับหนึ่งจะไม่สามารถสังเกตเห็นปัญหานี้ได้เลย” ถ้าหากไม่ใช่เพราะเสี่ยวซื่อชอบวิ่งพล่านไปทั่วทั้งโลกละก็ เกรงว่าเขาก็คงจะมองข้ามเรื่องนี้ไปเหมือนกัน….
ดวงหน้าทั้งดวงของหานจี้จวินเคร่งขรึมขึ้นมา “ไม่นึกเลยว่าศัตรูจะเล่นใหญ่ขนาดนี้ ถึงกับทำเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้สำเร็จได้ด้วย เล่ากันว่ามีเพียงแฮคเกอร์ระดับราชันขึ้นไปเท่านั้นถึงจะทำได้…ถึงแม้โรงเรียนทหารของเราจะบ่มเพาะแฮคเกอร์มากมาย แต่ไม่เคยบ่มเพาะระดับราชันออกมาได้สักคนเลย ต่อให้ทั่วทั้งสหพันธรัฐ แฮคเกอร์ระดับราชันก็สามารถนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว คาดการณ์ได้เลยว่ากองกำลังภาคพื้นดินไม่มีทางจับสังเกตได้เลยว่าดาวเทียมถูกคนก่อกวนแล้ว”
ถูกก่อกวน? คำพูดของหานจี้จวินทำให้หลิงหลานเกิดความคิดแล่นวาบขึ้นมา เธอพลันผุดแผนการหนึ่งขึ้นในสมองที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เดิมทีถูกบังคับให้เป็นฝ่ายรออย่างง่ายได้แล้ว หลิงหลานร้องเรียกเสี่ยวซื่อด้วยความตื่นเต้น “เสี่ยวซื่อ นายจำลองภาพที่ดาวเทียมส่งมาได้หรือเปล่า?”
คำถามของหลิงหลานทำให้เสี่ยวซื่อกลอกตาโดยพลัน เขาเบะปากกล่าวอย่างโมโหว่า “ลูกพี่ เธอดูถูกฉันเกินไปแล้วนะ เรื่องแบบนี้ฉันหลับตาทำยังได้เลย” เรื่องง่ายดายแบบนี้ยังต้องถามเขาอีก? เมื่อไหร่ลูกพี่ของเขาจะเชื่อมั่นในตัวเขาบ้างนะ?
“งั้นก็ดี…” คำพูดของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานดีใจ เธอเริ่มสั่งเสี่ยวซื่อว่าต้องทำอะไรบ้าง หลิงหลานอธิบายลึกลงไปทีละนิด แววตาของเสี่ยวซื่อก็วาวโรจน์มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็ตบหน้าอกบอกหลิงหลานว่า ให้เขาจัดการทุกอย่างเอง
หลังจากที่เสี่ยวซื่อได้รับการวางแผนจัดการของหลิงหลานก็หายตัวไป หลิงหลานคล้ายกลับปลดเปลื้องภาระหนักลงก็ไม่ปาน อารมณ์ของเธอพลันผ่อนคลายขึ้นมาก เธอครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็เอ่ยกับหลินจงชิงว่า “รีบติดต่อหลี่หลานเฟิง หลี่ซื่ออวี๋ ฉางซินหยวน ให้พวกเขารีบมารวมตัวกับพวกเราที่นี่”
จากนั้นเธอก็สั่งคนอื่นๆ อีกว่า “พวกนายรีบติดต่อพวกหัวหน้าทุกคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ บอกข่าวนี้ให้พวกเขาทันที!” หลิงหลานกล่าวถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเธอก็ลุกขึ้นมาจากโซฟาเดินไปที่หน้าต่าง เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไร้ขอบเขต หลังจากที่เงียบไปได้หลายวินาทีถึงค่อยเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ให้พวกเรารวบรวมสมาชิกทีมทุกคน รอรับคำสั่งอยู่ที่เดิมเตรียมพร้อมต่อสู้!”
“ได้ ลูกพี่!” ทุกคนต่างไปดำเนินการ ผ่านไปประมาณห้านาที โรงเรียนทหารที่เดิมที่เงียบสงัดพลันส่งเสียงเตือนภัยศัตรูบุกโจมตีที่ดังเสียดหูขึ้นมา
เมื่อหลิงหลานได้ยินเสียงเตือนภัยที่ฉีกกระชากท้องฟ้ายามค่ำคืน มุมปากก็อดโค้งขึ้นนิดๆ ไม่ได้ ถ้าเกิดศัตรูคิดว่าสามารถกินโรงเรียนทหารได้อย่างราบรื่นทั้งโรงเรียนจริงๆ ละก็ เช่นนั้นก็มาลองดูสิ…
พวกฉีหลงที่นั่งเงียบได้ยินเสียงเตือนภัยนี้สะดุ้งโหยงขึ้นมาถามว่า “ลูกพี่ พบร่องรอยศัตรูแล้วเหรอ?”
หลิงหลานนั่งอย่างสงบนิ่งอยู่บนโซฟา ส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่!”
“งั้นเสียงเตือนนี้…”ฉีหลงงุนงงแล้ว พวกเขาต่างได้ยินบทสนทนาระหว่างลูกพี่กับหานจี้จวิน ลูกพี่บอกชัดเจนว่าถ้ามีร่องรอยของศัตรูถึงจะดึงสัญญาณเตือนภัยศัตรูบุกโจมตีนี่นา
“ฉันดึงสัญญาณเองจริงๆ” หลิงหลานตอบเรียบๆ
“ไหนบอกว่าถ้าไม่มีหลักฐาน กองกำลังภาคพื้นดินจะไม่เชื่อไม่ใช่เหรอ?” หานจี้จวินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมลูกพี่ตนถึงเปลี่ยนความคิดกะทันหัน
“พวกเขาก่อกวนได้ พวกเราก็ทำได้” มุมปากของหลิงหลานเผยร่องรอยความเย็นชาออกมา
คำตอบของหลิงหลานแววตาของทุกคนเปล่งประกาย ทุกคนต่างเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหลาน จริงด้วยสิ ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถทำให้ดาวเทียมขึ้นว่าทุกอย่างปกติ เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถทำให้ดาวเทียมขึ้นว่ามีปัญหาได้เหมือนกัน…เพียงแต่คนส่วนใหญ่ต่างถูกความคิดยึดติดขังไว้ คิดว่าวิธีการโจมตีสามารถใช้ได้กับศัตรูเท่านั้น บางครั้งเพื่อสถานการณ์โดยรวมแล้วก็สามารถก่อกวนฝ่ายตัวเองได้เช่นกัน
หานจี้จวินมองหลิงหลานที่สงบนิ่งตรงหน้าด้วยแววตาล้ำลึก ในใจชื่นชมเลื่อมใสอย่างยิ่ง ตอนที่พวกเขายังยึดติดความคิด ลูกพี่หลานก็บุกเบิกความคิดโดยสมบูรณ์แล้ว การกระทำทุกอย่างของเธอไม่มีรูปแบบยึดติดอะไรแล้ว ไม่ว่าดีหรือร้ายต่างก็ถูกเธอนำมาใช้ประโยชน์ ขอเพียงผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตน
อีกเรื่องหนึ่ง หานจี้จวินคิดมาตลอดว่าลูกพี่หลานเป็นแค่แฮคเกอร์ระดับสุดยอด ตอนนี้ดูท่าน่าจะไปถึงระดับแฮคเกอร์ระดับราชันแล้ว…สมกับเป็นลูกพี่ของพวกเขา ต่อให้อยู่ในขอบเขตอื่นก็ยากจะหยั่งถึงเหมือนกัน
“ศัตรูบุก ศัตรูบุก สั่งให้กองกำลังภาคพื้นดินทั้งหมดเข้าสู่สถานะต่อสู้ ปืนใหญ่ต้านอากาศทั้งหมดบนภาคพื้นดินเล็งไปบนฟ้า เตรียมตัวโจมตี…” ผู้บัญชาการของกองกำลังภาคพื้นดินได้รับภาพที่ส่งมาจากดาวเทียมก็หลั่งเหงื่อเย็นๆ โดยพลัน รีบสั่งการให้กองกำลังภาคพื้นดินปฏิบัติการ ในภาพมียานอวกาศนับไม่ถ้วนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน รวมถึงโลหะทรงไข่สีทองที่เทลงจากบนยานอวกาศ ทั้งหมดนี้ยืนยันว่านี่เป็นสงครามการโจมตีทางอากาศที่น่ากลัว โชคดีที่ทางดาวเทียมส่งภาพมาได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นพวกเขาที่นี่ก็น่าอนาถแล้ว
“รายงานผู้การ เรดาร์ไม่พบวัตถุบินได้ที่ไม่แน่ชัดบนท้องฟ้า ทุกอย่างปกติดีครับ” ไม่นาน เรดาร์ต่างๆ บนภาคพื้นดินที่ตรวจตราพื้นที่ก็ส่งข่าวล่าสุดมา พวกเขาไม่พบว่ามีปัญหาอะไรบนท้องฟ้าเลย สถานการณ์นี้ทำให้ผู้บัญชาการมึนงงสับสนอย่างสุดซึ่ง นี่หมายความว่ายังไงกันแน่? ทำไมทางดาวเทียมถ่ายภาพได้ แต่เรดาร์ภาคพื้นดินกลับค้นหาไม่เจอ? เกิดปัญหาขึ้นที่ตรงไหนกันแน่นะ?
“ผู้การ คุณยังจำเรื่องดาวสัตว์อสูรถูกศัตรูบุกโจมตีในรายงานลับของกองทัพเมื่อหกปีก่อนได้ไหมครับ?” ผู้ช่วยผู้บัญชาการที่อยู่ข้างกายก็งุนงงกับสถานการณ์นี้เช่นเดียวกัน แต่แววตาของเขาพลันส่องประกายคล้ายกับนึกอะไรออก เขาจึงรีบเอ่ยเตือนผู้บัญชาการทันที
ผู้บัญชาการตระหนักขึ้นมาได้รีบสั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการที่อยู่ข้างกายว่า “รีบค้นหาข้อมูลเรื่องดาวสัตว์อสูรถูกจู่โจมเมื่อหกปีก่อนออกมาให้ฉันเร็วเข้า”
—————————————-