I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 357 เตรียมการ!
ผ่านไปไม่กี่วินาที ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการโจมตีดาวสัตว์อสูรถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอขนาดใหญ่ของกองบัญชาการ เมื่อเห็นวัตถุรูปไข่ที่คุ้นเคยนั้น ผู้บัญชาการพลันเห็นแจ้งทันที ไฟโทสะลุกโชนขึ้นในใจ สบถด่าดังลั่นว่า “บัดซบ ไอ้พวกฮิงูเระลูกหมานั่นอีกแล้ว”
“ผู้การครับ ข้อมูลบอกว่า โลหะทรงไข่สามารถหลบเลี่ยงการค้นหาของเรดาร์ได้…” ผู้ช่วยมองคราหนึ่งก็หาข้อมูลที่เขาต้องการเจอแล้ว ดูเหมือนว่าความทรงจำของเขาไม่เลวเลย เรดาร์ไม่มีผลต่อโลหะทรงไข่พวกนี้จริงๆ ด้วย
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ออกคำสั่งลงไป อย่าเชื่อเรดาร์ ใช้กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรดค้นหาบนฟ้า” ผู้บัญชาการเองก็เห็นข้อมูลแล้วเช่นกัน เขาพลันฟาดฝ่ามือลงไปทีหนึ่งและสั่งการอย่างโกรธเกรี้ยว
“ครับ! ผู้การ!” ทหารด้านล่างรับคำสั่ง ถ่ายทอดคำสั่งของผู้บัญชาการลงไป ในตอนที่ทหารของหน่วยปืนใหญ่ป้องกันภาคพื้นดินเฝ้าสังเกตบนท้องฟ้าอย่างจดจ่อนั้น บรรดาหัวหน้าของกลุ่มนักเรียนใหม่ต่างพาเหล่าลูกทีมมารวมกลุ่มด้านหน้าบ้านพักของหลิงหลาน
หลี่หลานเฟิง หลี่ซื่ออวี๋และฉางซินหยวนมาถึงเป็นพวกสุดท้ายเนื่องจากอยู่ค่อนข้างไกลจากที่พักของหลิงหลาน เมื่อพวกเขาเห็นสวนเล็กๆ ด้านหน้าบ้านพักของหลิงหลานมีคนกระจุกอยู่เต็มไปหมด พวกเขาก็ตะลึงงันในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงอิทธิพลที่ซ่อนอยู่ด้านหลังหลิงหลาน
เมื่อเข้ามาให้ห้องนั่งเล่นก็เห็นว่ามีคนประมาณยี่สิบกว่าคนยืนบ้างนั่งบ้างอยู่ในห้องนั่งเล่น พอเห็นคนเหล่านี้ แววตาของหลี่หลานเฟิงก็วาวโรจน์เล็กน้อย เขาล้วนรู้จักคนเหล่านี้ กลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋เคยรวบรวมข้อมูลรายละเอียดของกลุ่มนักเรียนใหม่ คนเหล่านี้ต่างเป็นบรรดาหัวหน้าของกลุ่มนักเรียนใหม่ อนาคตอาจจะเป็นหัวหน้าหน่วยรบ ทว่าตอนนี้พวกเขาต่างเป็นคนในกลุ่มนักเรียนใหม่ของหลิงหลาน
เวลานี้หลิงหลานกำลังนั่งตัวตรงบนโซฟา เมื่อเห็นพวกหลี่หลานเฟิงสามคนมาแล้ว เธอก็ทอดสายตาให้พวกเขาไปหาฉีหลง พวกหลี่หลานเฟิงรู้ว่าตอนนี้หลิงหลานกำลังประชุมปรึกษาอะไรบางอย่างกับคนเหล่านี้อยู่ ดังนั้นจึงไม่ได้ส่งเสียงและมาที่ข้างกายฉีหลงอย่างเงียบเชียบ
ฉีหลงเห็นพวกเขามาแล้วก็บอกสถานการณ์ตอนนี้ให้พวกหลี่หลานเฟิงฟัง หลี่หลานเฟิงได้ยินหัวใจพลันกระตุกขึ้นมา หลังจากที่เขาได้ข่าวแล้ว ระหว่างทางที่รีบมา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเตือนภัยศัตรูบุกโจมตี เขาก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่อะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน ไม่นึกเลยว่าสถานการณ์จะหนักหนาสาหัสขนาดนี้
ทว่าหลี่หลานเฟิงวางความตกตะลึงไว้ที่ด้านหลังสมองอย่างรวดเร็ว เขาเพ่งความสนใจไปทางหลิงหลาน อยากรู้ว่าหลิงหลานกับหัวหน้าทีมเหล่านั้นปรึกษาเรื่องอะไรกัน หลังจากที่ฟังไปช่วงหนึ่ง สีหน้าของหลี่หลานเฟิงก็เคร่งเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดไม่ถึงว่ากระต่ายจะใจกล้าขนาดนี้ วางแผนไปที่คลังเก็บหุ่นรบในช่วงเวลาอันตรายแบบนี้
“เห็นได้ชัดมากว่าการต่อสู้หลังจากนี้คือสงครามหุ่นรบ พวกเราอ่อนแอมากเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าหุ่นรบด้วยตัวเอง ไม่สามารถต้านทานมันได้เลย ถ้าอยากปกป้องตัวเองก็ต้องหยิบอาวุธที่เท่าเทียมกับศัตรู” หลิงหลานบอกความคิดของเธอออกมาอย่างเย็นชา
“ลูกพี่หลาน ไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อการตัดสินใจของนายนะ แต่พวกเราไม่เคยขึ้นหุ่นรบที่แท้จริงมาก่อน โดยเฉพาะลูกทีมระดับล่าง มีบางคนเพิ่งจะเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบในโลกหุ่นรบด้วยซ้ำ ไม่มีความสามารถในการรบเลย” เวลานี้เอง หัวหน้าคนหนึ่งบอกสภาพความเป็นจริงของลูกทีมใต้บังคับบัญชาออกมา คำพูดของเขาได้รับการเห็นพ้องจากหัวหน้าทีมไม่น้อย เนื่องจากลูกทีมแบบนี้มีอยู่ในกลุ่มของพวกเขาไม่น้อยเหมือนกัน
“แบบนี้นี่เอง…” หลิงหลานได้ยินคำกล่าวก็ขมวดคิ้ว เนื่องจากบรรดาลูกทีมของเธอต่างควบคุมหุ่นรบเป็น เธอจึงลืมไปชั่วขณะว่าไม่ใช่ทุกทีมที่แข็งแกร่งเหมือนทีมของเธอ หลิงหลานใคร่ครวญสักพักแล้วก็กล่าวว่า “ฉันคิดผิดไป…เอาแบบนี้ละกัน พวกเราแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คนที่มั่นใจในตัวเองสามารถออกปฏิบัติการร่วมกับฉัน ส่วนคนที่ยังไม่สามารถควบคุมหุ่นรบได้ในตอนนี้ก็ตั้งเป็นอีกกลุ่ม…”
หลิงหลานหยุดชะงัก จากนั้นเธอก็ส่งข้อมูลชุดหนึ่งให้หัวหน้าทุกคนอย่างรวดเร็ว เธอชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ทำเครื่องหมายดาวสีแดงจากในนั้นและกล่าวว่า “อีกกลุ่มก็ไปสถานที่แห่งนี้ นี่เป็นฐานที่มั่นป้องกันการโจมตีทางอากาศที่แข็งแกร่งทนทานมากที่สุด พอเข้าไปในนั้นแล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย”
การที่เธอสามารถหาสถานที่ป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ปลอดภัยแห่งนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมเป็นคุณงามความดีของเสี่ยวซื่อ หลังจากที่มาถึงโรงเรียนทหารแล้ว เสี่ยวซื่อก็สัมผัสทุกซอกทุกมุมทั้งในที่ลับในที่แจ้ง ทั้งด้านในและด้านนอกจนละเอียดแล้ว โรงเรียนทหารมีสถานที่ป้องกันการโจมตีทางอากาศประมาณสามสิบกว่าแห่ง มีเพียงสามแห่งที่ปลอดภัยทนทานมากที่สุด และจุดที่หลิงหลานมอบให้พวกเขานั้นคือหนึ่งในสามแห่งที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุด
อู่จย่งเห็นแผนที่ฉบับนี้ก็ตกใจ เขาเงยหน้ามองไปทางหลิงหลาน เอ่ยอย่างลับๆ ว่า หรือว่าความสามารถด้านแฮคเกอร์ของลูกพี่หลานจะแข็งแกร่งจนเข้าไปได้ทุกที่ในโรงเรียนทหารแล้ว? เขาที่มาจากตระกูลทหารรู้ดีว่า แผนที่นี้เป็นเอกสารลับอย่างแน่นอน หลิงหลานสามารถหยิบมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้ ย่อมต้องใช้วิธีการที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
หลี่หลานเฟิงที่เพ่งความสนใจมาที่นี่ตลอดคล้ายกับมองออกถึงความงุงงงสับสนในแววตาของอู่จย่ง เขาก็ใจกระตุก รีบเอ่ยปากพูดว่า “แผนที่ชุดนี้ ฉันเป็นคนมอบให้ลูกพี่หลานเอง”
บางทีหลี่หลานเฟิงอาจจะเป็นห่วงกระต่ายมากเกินไป และไม่ได้ขบคิดให้ละเอียด ในเมื่อหัวหน้าทีมเหล่านี้ต่างเป็นคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ น่าจะรู้ความสามารถบางอย่างของหัวหน้ากลุ่มหลิงหลานเล็กน้อย ตอนนั้นหลี่หลานเฟิงมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือจะต้องช่วยกระต่ายปกปิดความลับของเขา…
คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้แววตาของหลิงหลานฉายความประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่เมื่อหลิงหลานเห็นความกังวลที่ซ่อนอยู่ในแววตาของหลี่หลานเฟิง เธอพลันเข้าใจว่าทำไมหลีหลานเฟิงถึงต้องพูดแบบนี้…
มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย ในใจเกิดความยินดี ที่แท้ความรู้สึกที่มีคนเป็นห่วงเธอก็ไม่เลวมากๆ เลย หลิงหลานที่เพลิดเพลินกับความรู้สึกแบบนี้อย่างยิ่งไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธ เธอพิงโซฟาเล็กน้อยคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม รอคอยว่าหลี่หลานเฟิงจะทำให้คำโกหกของเขาสมบูรณ์อย่างไร
หลี่หลานเฟิงสอดปากขึ้นอย่างไม่คาดฝันทำให้อู่จย่งหันหน้ามองไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นหลี่หลานเฟิง คิ้วของเขาพลันขมวดแน่นขึ้นมา
เมื่อเทียบกับหลิงหลานและฉีหลงที่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของตัวเองแล้ว อู่จย่งเหมือนหัวหน้ากลุ่มมากกว่าอย่างชัดเจน ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขารู้ข้อมูลของบุคคลระดับสูงในกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ ทั้งหมด หลี่หลานเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น อู่จย่งจำได้ชัดเจนมากว่า คนผู้นี้คือหัวหน้าเสนาธิการของกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋ ถึงแม้ว่าปีนี้กลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋จะรับเสนาธิการคนใหม่แล้ว ทำให้ตำแหน่งของเขาไม่มั่นคงอยู่บ้าง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า การที่กลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋สามารถกดดันสมาพันธ์ศูนย์กลางลูกเสือโดฮา ยึดครองอันดับสามของโรงเรียนทหารได้ในหลายปีมานี้ ย่อมหนีไม่พ้นกลยุทธ์แผนการของคนผู้นี้
ในฐานะที่เป็นกลุ่มอำนาจเกิดใหม่ กลุ่มอำนาจอื่นๆ ในโรงเรียนทหารล้วนเป็นศัตรูของกลุ่มนักเรียนใหม่ เช่นนั้นคนผู้นี้ก็ควรจะเป็นศัตรู ทำไมถึงโผล่ที่นี่ได้ล่ะ? สีหน้าของอู่จย่งเต็มไปด้วยความระมัดระวัง เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “ในฐานะนายที่เป็นเสนาธิการของกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋กลุ่มอำนาจอันดับสาม ฉันอยากรู้ว่า ทำไมนายถึงมอบแผนที่ฉบับนี้ให้หัวหน้ากลุ่มของพวกเรา”
อู่จย่งไม่ได้สงสัยเลยว่าแผนที่ฉบับนี้ไม่ใช่สิ่งที่หลี่หลานเฟิงมอบให้ ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าเสนาธิการของกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋ และเป็นนักเรียนเก่าที่ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนทหารมาสี่ปี มีความเป็นไปได้มากที่เขาจะได้แผนที่ลับแบบนี้มา
คำถามของอู่จย่งทำให้หลี่หลานเฟิงอดเข้าสู่บทบาทเดิมของเขาไม่ได้ หลี่หลานเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “เพราะว่าฉันออกจากกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋แล้ว อยากเข้าร่วมในกองกำลังใต้บังคับบัญชาของลูกพี่หลาน และแผนที่ฉบับนี้ก็เป็นบรรณาการของฉัน ลูกพี่หลาน นายบอกสิว่าใช่หรือไม่?” สายตาของหลี่หลานเฟิงทอดมองไปที่หลิงหลาน แววตามีความอ้อนวอนอยู่รางๆ ราวกับหวังว่าหลิงหลานจะร่วมมือกับเขาด้วย
หลิงหลานเห็นดังนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ “อื้อ เป็นแบบนี้จริงๆ” อย่างที่คิดไว้เลยเป็นคนหน้าซื่อใจคดจริงๆ ด้วย โกหกได้คล่องปาก...หลิงหลานพบว่าจริงๆ แล้วเธอไม่รู้จักหลี่หลานเฟิงที่แท้จริงเลย อย่างไรก็ตาม หลิงหลานเชื่อว่าความจริงใจของหลี่หลานเฟิงที่อยากเข้าร่วมหน่วยรบของเธอในตอนที่ไม่รู้สถานะที่แท้จริงของเธอนั้นไม่จำเป็นต้องสงสัยเลย นี่ก็คือเหตุผลที่หลิงหลานรู้สถานะที่แท้จริงของหลี่หลานเฟิงแล้ว เธอก็ยังเลือกเชื่อใจเขา
คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้อู่จย่งเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะว่าดูยังไงกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋ที่เป็นหนึ่งในสามอันดับแรกย่อมมีแรงดึงดูดมากกลุ่มนักเรียนใหม่ที่มีอนาคตไม่แน่ชัด โดยปกติแล้วคนฉลาดไม่มีทางทอดทิ้งอู๋จี๋และเลือกกลุ่มนักเรียนใหม่ และหลี่หลานเฟิงก็เป็นคนฉลาดในหมู่คนฉลาด
อู่จย่งไม่พอใจคำอธิบายของหลี่หลานเฟิง แต่พอมองหลิงหลานที่ทำหน้านิ่ง เขาก็คลายความสงสัยในใจลง อู่จย่งเชื่อว่าในเมื่อหลิงหลานกล้ารับหลี่หลานเฟิง ในใจเขาย่อมต้องมีความมั่นใจ ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะมีความคิดล้ำลึกอะไรบางอย่าง อู่จย่งไม่อยากก่อเรื่องไม่จำเป็นจนทำลายแผนการใหญ่ของลูกพี่หลาน
อย่างไรก็ตาม อู่จย่งยังคงเอ่ยข่มขู่ประโยคหนึ่งด้วยความไม่ไว้วางใจว่า “หวังว่านายจะทำตามที่พูดนะ…อย่าให้ลูกพี่หลานผิดหวังล่ะ” เสนาธิการอะไรพวกนี้น่ารังเกียจมากที่สุด พวกนั้นต่างเป็นคนที่ดูไม่ออกและก็มีอุบายเต็มไปหมด อู่จย่งหวาดกลัวคนประเภทนี้อยู่บ้าง
เมื่อเผชิญหน้ากับการข่มขู่ของอู่จย่ง หลี่หลานเฟิงยังคงรักษารอยยิ้มไว้ราวกับไม่ได้ยินก็ไม่ปาน สงบนิ่งอย่างหาใดเปรียบ นี่ทำให้อู่จย่งใจฝ่อเล็กน้อย อย่างที่คิดไว้เลยเป็นคนทีจัดการยากจริงๆ ด้วย
หลิงหลานเห็นถึงตรงนี้ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ถือว่าผ่านไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายที่มาของแผนที่อีก ทำให้หลิงหลานโล่งใจไม่น้อยเหมือนกัน เธอสั่งหัวหน้าทีมทุกคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึมว่า “รีบนับคน ห้านาทีให้หลัง ฉันอยากรู้รายชื่อสุดท้ายของทั้งสองกลุ่ม”
“ได้ หัวหน้า!” ทุกคนตอบด้วยความเคารพ
ห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว รายชื่อถูกส่งมาอย่างฉับไว เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงกระสุนปืนใหญ่ระดมยิงดังตูมตามตรงบริเวณที่ห่างจากโรงเรียนทหารออกไปหลายสิบกิโลเมตร ม่านราตรีที่เดิมทีมืดสนิทส่องสว่างขึ้นมา…
นอกจากหลิงหลานแล้ว คนอื่นๆ ในห้องนั่งเล่นพุ่งไปที่หน้าต่างทันที ก่อนจะเห็นว่าบนฟ้าปรากฏโลหะรูปทรงไข่นับไม่ถ้วน ฉากนี้ทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่งยวด ถึงแม้พวกเขาเชื่อในการตัดสินใจของลูกพี่หลาน แต่พอเห็นจริงๆ แล้วกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อท้องฟ้ายามค่ำคืนถูกเปลวไฟของจรวดกระสุนปืนใหญ่วาดผ่านทำลายในชั่วพริบตา สิ่งที่ปรากฏเข้ามาในสายตาก็โลหะทรงไข่ที่เต็มทั่วทั้งท้องฟ้า ทำให้พวกเขาตกใจกลัวกันหมด…ที่แท้สงครามลงมาเยือนแล้วจริงๆ ด้วย
หลิงหลานพลิกอ่านข้อมูลของทั้งสองกลุ่มในมืออย่างใจเย็นก่อนจะรวบเข้าด้วยกันและเอ่ยเสียงดังว่า “อู่จย่ง หลี่อิงเจี๋ย!”
อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยที่เดิมทีตกตะลึงเพราะฉากในท้องฟ้า จู่ๆ ได้ยินหลิงหลานเรียกชื่อพวกเขาเสียงดังก็ตัวสั่นทันใด รีบตอบกลับว่า “อยู่นี่!”
“พวกนายรีบพาคนของกลุ่มที่สองไปสถานที่ป้องกันการโจมตีทางอากาศ” หลิงหลานมอบรายชื่อกลุ่มที่สองให้อู่จย่ง
แววตาของอู่จย่งไหววูบ ไม่ได้ยื่นมือออกไปราวกับลังเลอยู่บ้าง หลิงหลานกล่าวต่อว่า “คลังเก็บหุ่นรบอยู่ตรงนั้น พวกนายน่าจะรู้ พวกเราจะไปรอพวกนายที่นั่น ฉันไม่วางใจมอบกลุ่มที่สองให้คนอื่น”
อู่จย่งกับหลี่อิงเจี๋ยที่ได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็เกิดความรู้สึกที่ว่านักรบยอมตายเพื่อเพื่อนรู้ใจขึ้นมาทันใด อู่จย่งผงกศีรษะโดยพลัน ยื่นมือไปรับรายชื่อและตอบว่า “ลูกพี่หลาน ฉันกับอิงเจี๋ยจะต้องส่งพวกเขาไปยังสถานที่ป้องกันการโจมตีทางอากาศอย่างปลอดภัยให้ได้”
หลี่อิงเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างก็ตบหน้าอกบ่งบอกว่าจะต้องทำภารกิจนี้สำเร็จให้จงได้
เอาเถอะ ในฐานะที่หลี่อิงเจี๋ยเป็นคนที่ชอบอวดดีก่อปัญหา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกมอบหมายหน้าที่สำคัญด้วยความเชื่อใจแบบนี้ เขาตื่นเต้นและยิ่งนับถือลูกพี่หลานมากขึ้น ‘อย่างที่คิดไว้เลย ลูกพี่หลานยังคงเป็นคนที่เข้าใจเขามากที่สุด ที่แท้รสชาติของการถูกคนเชื่อใจมันดีแบบนี้นี่เอง’
————————–