I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 401 ปะทะฝีปากที่แท้จริง!
เวลาผ่านไปอีกสามวันโดยไม่รู้ตัว และอีกสามวันก็ถึงเวลาศึกตัดสินของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงแล้ว
เมื่อทุกคนคิดว่าหลิงเทียนจะต้องรีบใช้เวลานี้มาฝึกฝนการร่วมมือกันของหน่วยหุ่นรบ แต่พวกเขากลับพบว่า บรรดาหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าทีมและสมาชิกกลุ่มทั้งหมดของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน รวมถึงหลิงหลานยังคงเข้าเรียนตามปกติเหมือนกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ราวกับไม่สนใจศึกใหญ่ซึ่งตัดสินความอยู่รอดของกลุ่มหุ่นรบที่กำลังจะมาถึงนี้เลย
การกระทำเช่นนี้ของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนทำให้กลุ่มอำนาจใหญ่ทั้งหมดที่จับตามองพวกเขางุนงงอย่างมาก ต่อให้เป็นเฉียวถิงก็ไม่อาจคาดการณ์ได้เลยว่า กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนวางแผนอะไรกันแน่
ความจริงแล้ว การที่หลิงหลานไม่ได้เรียกรวมตัวสมาชิกที่ออกรบทุกคนมาทำการฝึกฝนทีมเป็นเพราะเธอไม่อยากให้รายชื่อชุดนี้ถูกเปิดเผยให้กับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงล่วงหน้าก่อนจริงๆ แต่เธอก็ไม่ได้เสียเวลาสามวันนี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ ขอเพียงหลิงหลานมีเวลาว่าง เธอกับเสี่ยวซื่อก็จะจำลองฉากการต่อสู้ระหว่างกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงในห้วงจิตใจของตัวเอง
หลังจากที่คิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสามวันที่ผ่านมา โดยพื้นฐานแล้ว รูปขบวนทั้งหมดที่เฉียวถิงสามารถใช้รวมถึงความบังเอิญและโชคต่างๆ นานาที่สมาชิกแต่ละคนอาจจะแสดงออกมาได้ เธอจดจำไว้หมดแล้ว ถ้าหากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงศึกตัดสิน หลิงหลานก็มีแผนการรับมือ
แน่นอนว่า หลิงหลานไม่คิดว่าทีมของเธอจะอ่อนด้อยกว่าทีมที่เฉียวถิงส่งออกมา แต่เพื่อรับประกันชัยชนะในตอนสุดท้าย เธอยังคงทำการเตรียมตัวอย่างเต็มที่ หลิงหลานรู้ดีว่าในตอนที่ต่อสู้ มีปัจจัยมากมายที่อาจจะทำให้ผลการต่อสู้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ หลิงหลานไม่อยากพ่ายแพ้การแข่งขันครั้งนี้เพราะสิ่งเหล่านี้ ในเมื่อบรรดาสมาชิกกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเชื่อมั่นในตัวเธอ เช่นนั้นเธอจะต้องนำพากลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเดินไปบนจุดสูงสุดให้ได้ ถึงจะไม่เป็นการผิดต่อความเชื่อมั่นที่หนักอึ้งนี้
และวันนี้หลิงหลานยังคงเข้าเรียนตรงเวลา เธอตัดสินใจมาแต่แรกแล้วว่า รอจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนหน้าศึกตัดสิน เธอถึงค่อยเรียกเหล่าสมาชิกกลุ่มที่ออกไปประลองทุกคนมารวมตัวกันเพื่อฝึกฝนการร่วมมือกันสักครั้งและครั้งเดียวเท่านั้น สาเหตุที่หลิงหลานใจกล้าขนาดนี้เป็นเพราะเธอเชื่อว่า บรรดาคนที่เธอเลือกมาต่างเป็นอัจฉริยะระดับปีศาจด้านการควบคุมหุ่นรบ ฝึกฝนครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว
คาบทฤษฎีตอนเช้ากำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า หลังจากจบคาบนี้ช่วงเวลาพักเที่ยงก็มาถึง เมื่อเสียงแจ้งเตือนเลิกเรียนเพิ่งดังขึ้นมา บรรดานักเรียนบอกลาอาจารย์อย่างเคารพนอบน้อมแล้ว นักเรียนบางคนที่หิวโหยก็ชิงนำหน้าพุ่งออกไปก่อนก้าวหนึ่ง…
“ลูกพี่หลาน เลิกเรียนแล้ว” ลั่วล่างที่นั่งอยู่ด้านข้างมาถึงข้างกายหลิงหลานและเอ่ยเตือนเสียงเบา ส่วนมือก็ช่วยหลิงหลานเก็บข้าวของอย่างคล่องแคล่ว
หลิงหลานได้ยินเสียงเตือนของลั่วล่างก็ค่อยลืมตาที่ตอนแรกหรี่ลงเพียงครึ่งเดียว เธอกำลังทำการคิดทบทวนสถานการณ์ใหม่อีกรอบกับเสี่ยวซื่อในคาบเรียนเมื่อสักครู่นี้
เวลานี้เอง หน้าประตูพลันปรากฏชายหนุ่มร่างสูงที่ยังแฝงไปด้วยความเยาว์วัยเล็กน้อย เขาโผล่หัวออกมาจากหน้าประตู พอเห็นหลิงหลาน แววตาก็โชนแสงทันที รีบเคาะประตู ส่งเสียงดังดึงดูดความสนใจของพวกนักเรียนที่ยังไม่ได้ออกไปจากห้องเรียน
“อ่า นั่นมันฉางซินหยวนคนดวงซวยไม่ใช่เหรอ?” พวกนักเรียนที่เห็นเหตุการณ์อดซุบซิบไม่ได้ เรื่องเหลยถิงบีบคั้นฉางซินหยวนนี้แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียนมานานแล้ว นักเรียนที่เข้ามาใหม่ไม่น้อยต่างนับถือความกล้าหาญของฉางซินหยวนมาก แน่นอนว่าก็มีคนไม่น้อยที่คิดว่าฉางซินหยวนไม่ประมาณตนเองเลย กล้าต่อต้านเฉียวถิงจนแทบจะโดนไล่ออกจากโรงเรียนทหาร
แต่ต้องพูดว่า ฉางซินหยวนโชคดีสุดขีด เจอยอดฝีมือด้านหุ่นรบลงมือช่วยเหลือในช่วงเวลาสุดท้าย หนีพ้นจากอุปสรรคที่กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงสร้างขึ้น ท้ายที่สุดก็โชคดีได้รับโอกาสให้ยืดชีวิตอยู่ในโรงเรียนทหารต่อ
ทว่านักเรียนทหารส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นแนวโน้มอนาคตที่ดีของฉางซินหยวนเลย ต่อให้วันนี้เฉียวถิงออกไปจากโรงเรียน แต่ขอเพียงเหลยถิงยังคงเป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียน ขอเพียงเฉียวถิงไม่ได้เก็บการตัดสินใจขัดขวางฉางซินหยวนกลับไป ชีวิตนักเรียนทหารต่อจากนี้ไปของฉางซินหยวนก็ยังคงยากลำบาก มีความเป็นไปได้สูงว่าผลสุดท้ายยังคงถูกไล่ออกจากโรงเรียนอยู่ดี เนื่องจากไม่มีใครเชื่อว่า ครั้งต่อไปของฉางซินหยวนยังคงมีโอกาสโชคดีพบเจอทีมหุ่นรบที่แข็งแกร่งช่วยเหลือเขาทำภารกิจทีมที่ยากขึ้นในโลกหุ่นรบอีกครั้ง…
จู่ๆ คนที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา นักเรียนปีสองห้องควบคุมหุ่นรบพิเศษย่อมสะกดกลั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้
“ลูกพี่หลาน ตอนนี้ว่างไหม?” ฉางซินหยวนคล้ายกับไม่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นในห้องเรียน เขาทำสีหน้าตามปกติ แค่ร้องเรียกหาหลิงหลานเสียงดังเท่านั้น
หลิงหลานมองลั่วล่างที่อยู่ข้างกาย เมื่อพบว่าเก็บของเรียบร้อยหมดแล้ว เธอก็ผงกศีรษะให้กับฉางซินหยวน ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกมา
ลั่วล่างรีบตามเขาไป ฉีหลง เซี่ยอี๋เห็นแบบนั้นก็ตามไปด้วยโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว หลิงหลานเดินมาถึงหน้าประตูก็ค่อยเอ่ยกับฉางซินหยวนว่า “ไปกันเถอะ!”
ฉางซินหยวนเบี่ยงกายออกไปทางด้านข้างให้หลิงหลานเดินไปก่อน แล้วค่อยตามเซี่ยอี๋ออกไปจากห้องเรียนควบคุมหุ่นรบพิเศษชั้นปีสอง
เมื่อพวกหลิงหลานจากไป ทั่วทั้งห้องเรียนพลันส่งเสียงดังกระหึ่ม ทุกคนระงับอารมณ์อยากซุบซิบนินทาไม่ไหว พากันสอบถามนักเรียนคนอื่นๆ ในห้องที่เป็นสมาชิกกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมฉางซินหยวนถึงมาหาหลิงหลาน
“อู่จย่ง นายคิดว่าฉางซินหยวนมาหาลูกพี่หลานมีธุระอะไรกันแน่?” เยี่ยซวี่เห็นดังนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ ในสายตาของเขา เป็นไปไม่ได้เลยที่ลูกพี่หลานจะมีความสัมพันธ์กับฉางซินหยวนคนดวงซวย ทว่าสองคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยนี้กลับดูเอาใจใส่กันอย่างชัดเจน
ที่แท้หลิงหลานไม่เคยเปิดเผยรายชื่อสมาชิกหน่วยรบหลิงเทียนให้กับพวกหัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆ ในกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเลย ประการแรก กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเปลี่ยนมาจากกลุ่มนักเรียนใหม่ ดังนั้นตัวสมาชิกยังมีความคิดต่อต้านนักเรียนชั้นปีสูงอยู่ หลิงหลานคิดว่าเธอเก็บความลับนี้ไว้ก่อนดีกว่าจนกว่าสถานการณ์จะคงที่ ประการที่สอง เดิมทีหน่วยรบทั้งหมดในกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องส่งรายชื่อโดยละเอียดให้กับกลุ่มหุ่นรบ ขอเพียงหัวหน้าทีมทุกคนรายงานจำนวนลูกทีมมาก็พอ ระดับหุ่นรบอะไรต่างๆ ไม่ต้องลงทะเบียน สาเหตุที่ทำแบบนี้ ประการแรกคือ เพื่อรับประกันการปกครองตนเองของหน่วยรบ ประการที่สองก็คือ ไม่อยากให้กลุ่มอำนาจอื่นมีโอกาสล่วงรู้ความสามารถที่แท้จริงของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียน
อู่จย่งเอ่ยอย่างใคร่ครวญว่า “บางที ฉางซินหยวนอยากหาคนคุ้มครอง” ตัวคนเดียวไม่สามารถต่อกรคนเป็นกลุ่มได้ ถ้าเกิดฉางซินหยนฉลาด ต่อให้ไม่ยอมจำนนต่อเฉียวถิง ก็ต้องการคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง เพื่อมาต้านทานการบีบคั้นของเฉียวถิง
“ดูเหมือนว่า ฉางซินหยวนเองก็อยากลองเดิมพัน ตอนนั้นทั้งโรงเรียน นอกจากกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเราที่มีความกล้าต่อกรกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงแล้ว ยังมีกลุ่มอำนาจไหนกล้าออกหน้ามาปกป้องเขาด้วยล่ะ?” เสียงเยาะหยันและแฝงไปด้วยความหยิ่งทระนงนิดๆ พลันดังขึ้นจากด้านหลังของอู่จย่ง
อู่จย่งหันหน้ากลับไปคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เอ่ยกับคนที่มายังด้านหลังเขาว่า “ไม่นึกเลยว่า นายก็มองจุดนี้ออกเหมือนกัน”
หลี่อิงเจี๋ยได้ยินคำกล่าวก็ถลึงตาใส่อู่จย่งด้วยความเดือดดาลแวบหนึ่ง “นี่นายคิดว่าฉันเป็นไอ้โง่หรือไง?”
อู่จย่งยิ้มไม่พูดอะไร ทว่าความหยอกล้อในแววตากลับชัดเจนมาก นี่ทำให้โทสะในใจหลี่อิงเจี๋ยพุ่งปรี๊ด ตบโต๊ะอย่างรุนแรงหนึ่งที เอ่ยอย่างฉุนเฉียวว่า “เมื่อก่อนฉันแค่ไม่อยากลดระดับตัวเองไปยุ่งกับพวกนายเท่านั้น!”
“ฉันรู้ เพราะว่าเมื่อก่อนความสามารถของนายเพียงพอที่จะจัดการทุกอย่างได้ นายก็เลยไม่ต้องการแผนการกลยุทธ์อะไรทั้งนั้นไง” อู่จย่งมองหลี่อิงเจี๋ยพองขน ก็รีบชูมือทำท่ายอมแพ้ เอ่ยปากปลอบใจ
“รู้ก็ดี!” หลี่อิงเจี๋ยเชิดหน้าอย่างยโสโอหัง ในก้นบึ้งของหัวใจเขาคิดว่าอู่จย่งพูดถูกต้องมาก ถ้าหากไม่ใช่เพราะโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งรวบรวมปีศาจอัจฉริยะทั้งหมดของสหพันธรัฐไว้ ทำให้หลี่อิงเจี๋ยกดดันอย่างมหาศาล จำเป็นต้องทำการประนีประนอม ดังนั้นจึงต้องคิดคำนวณเวลาทำเรื่องต่างๆ เขาไม่ชอบเรื่องที่ใช้สมองแบบนี้สุดขีด ควรรู้เอาไว้ว่า เขาชอบใช้กำปั้นแทนคำพูดมากที่สุด ใช้กำลังสยบคนที่เห็นแย้งต่อกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเขา
เยี่ยซวี่เห็นหลี่อิงเจี๋ยที่ทำตัวซึนเดเระก็ก้มหน้าลงฉับพลัน บ่าของเขาสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ อู่จย่งเห็นแบบนั้นก็ยื่นเท้าไปเตะเยี่ยซวี่เงียบๆ บอกให้เขาเก็บอาการหน่อย
ไม่ง่ายเลยกว่าเยี่ยซวี่จะฝืนข่มกลั้นความขบขันได้ เขาเงยหน้าเอ่ยกับอู่จย่งว่า “หัวหน้า ฉันมีธุระต้องไปก่อน พวกนายคุยกันต่อเถอะ” เยี่ยซวี่ตัดสินใจถอนตัวออกก่อนดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจับได้
อู่จย่งเห็นแบบนั้นก็รีบกล่าวว่า “เยี่ยซวี่ ฉันมีธุระต้องปรึกษาเรื่องหน่วยรบกับนายพอดีเลย หลี่อิงเจี๋ย พวกเราไปก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกันใหม่ครั้งหน้า”
หลี่อิงเจี๋ยอึ้งไป ก่อนจะผงกศีรษะเอ่ยอย่างเซ่อซ่าว่า “อ้อ เข้าใจแล้ว”
เมื่ออู่จย่งกับเยี่ยซวี่ออกไปจากห้องเรียน หลี่อิงเจี๋ยพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเขาก็คำรามเสียงดังอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “อู่จย่ง นายมันบัดซบ แดกดันฉันเรอะ นายหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ…” กล่าวจบ เขาก็ยกขาไล่ตามไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว…
ภายในห้องเรียนควบคุมหุ่นรบพิเศษ สมาชิกกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนคนอื่นๆ อีกหลายคนเผชิญหน้ากับแววตาสงสัยตื่นตะลึงของพวกนักเรียนห้องพิเศษ ก็ยักไหล่ขึ้นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉากแบบนี้มักจะปรากฏขึ้นบ่อยๆ ระหว่างหัวหน้ากลุ่มอู่กับหัวหน้ากลุ่มหลี่ แต่พวกเขาสองคนไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกันยกใหญ่เพราะเหตุนี้มาก่อน ตรงกันข้าม ความสัมพันธ์กลับสนิทสนมปรองดองมากกว่าคนอื่นๆ ที่คุมเชิงกันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ว่า บางครั้งการปะทะฝีปากกันก็เป็นวิธีการเสริมสร้างมิตรภาพอย่างหนึ่ง
“ฉินอี้ หัวหน้ากลุ่มสองคนในกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนพวกนายปฏิบัติใส่กันแบบนี้จะไม่มีปัญหาหรือไง?” นักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายฉินอี้เห็นแบบนี้ก็อดเอ่ยปากถามไม่ได้ เขาชินกับการเห็นกลุ่มอำนาจอื่นเคร่งครัดต่อระดับสูงต่ำ ต่อให้ในใจไม่ยอม ดูถูกอีกฝ่าย ก็ไม่มีทางทำโจ่งแจ้งขนาดนี้ พวกเขามักจะแสดงความสามัคคีปรองดองกันในกลุ่มต่อคนภายนอก ยิ้มแย้มจอมปลอม การเหน็บแนมหยอกล้อที่โจ่งแจ้งแบบนี้ของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนดูน่าทึ่งมาก...
ฉินอี้เก็บของตัวเองไปพลาง เอ่ยยิ้มแย้มไปพลาง “มีปัญหาอะไรล่ะ มีลูกพี่หลานควบคุมอยู่ด้านบน ด้านล่างก็วุ่นวายไม่ได้แล้ว อีกอย่าง นิสัยของหัวหน้ากลุ่มหลี่ พวกเรามีใครไม่รู้บ้าง ความซื่อบื้อของเขาคือความลับที่เปิดเผยของกลุ่มเรา ต่อให้เป็นตัวเขาเองก็รู้เรื่องนี้ดีเหมือนกัน”
“อีกอย่าง หัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆ ของกลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนเราบางทีอาจจะไม่ยอมกันและกัน แต่ว่าขอเพียงลูกพี่หลานออกคำสั่งลงมา พวกเราไม่มีทางลืมว่าเรามาจากกลุ่มเดียวกัน นี่คือความเชื่อใจและมิตรภาพของพวกเราที่ได้มาจากการเติบโตมาด้วยกันสิบกว่าปี และไม่มีทางแตกหักกันเพราะเรื่องพวกนี้หรอกนะ…”
นักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือจะลืมเลือนวีรกรรมที่สร้างออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าภายใต้การนำของลูกพี่หลานได้อย่างไร และตอนนี้พวกเขากำลังต้อนรับการท้าทายครั้งใหม่ กลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง กลุ่มหุ่นรบเหลยถิง ในที่สุดก็กลายเป็นเป้าหมายในการพิชิตต่อไปของพวกเขา คิดดูแล้วก็ทำให้รู้สึกฮึกเหิมจริงๆ กลุ่มนักเรียนที่เพิ่งเข้ามาใหม่กลุ่มไหนบ้างกล้าต่อกรกับกลุ่มอำนาจเก่าที่แข็งแกร่งที่สุด? แต่กลุ่มหุ่นรบหลิงเทียนของพวกเขากล้า…การตัดสินใจทุกครั้งของลูกพี่หลานนำสถิติใหม่มาให้เสมอ และฉินอี้เชื่อว่าสถิตินี้ไม่มีทางหยุดลงตรงนี้อย่างแน่นอน