I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 75 ความปรารถนาที่จะมีลูก!
“ทำไมไม่ได้ล่ะ ในเมื่อไม่มีเป้าหมายอะไร พวกเราก็สร้างขึ้นมาสักอันสิ ถ้ามีเป้าหมายแล้ว ลูกพี่ก็จะไม่มีความลังเลไม่แน่ใจแล้วนี่นา” เสี่ยวซื่อยิ่งพูดก็ยิ่งอิ่มอกอิ่มใจ ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดจริงๆ
ดูเหมือนจะมีเหตุผล! หลิงหลานตัดสินใจลองวิธีของเสี่ยวซื่อก่อน บางทีเธออาจจะโชคดีสุดยอดเป็นแมวตาบอดเจอหนูตาย ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะดูเชื่อถือไม่ได้ขนาดนั้นก็ตาม…
หลิงหลานครุ่นคิดอยู่นาน หลังจากนั้นก็เอ่ยถามด้วยใบหน้างุนงงว่า “เสี่ยวซื่อ ถ้างั้นฉันจะตั้งเป้าหมายอะไรดีล่ะ?”
เสี่ยวซื่อไร้คำพูด เรื่องนี้ลูกพี่ควรคิดเองไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงถามเขาล่ะ?
อย่างไรก็ตาม เสี่ยวซื่อย่อมเป็นลูกน้องที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็รีบค้นหาในคลังข้อมูลของตัวเองทันที ดังนั้นคำที่ถูกเน้นข้อความด้วยสีสันงดงามก็เด้งออกมาจากในคลังข้อมูลทีละคำ เสี่ยวซื่อพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ พวกเราไปยึดครองกาแลกซี่กันเถอะ”
หลิงหลานกลอกตาใส่เสี่ยวซื่ออย่างโอเวอร์ “นายเห็นฉันเป็นไอ้โง่เหรอ?” เรื่องที่สิ้นเปลืองทั้งแรงกายแรงใจเอามากๆ แบบนี้ ใครทำคนนั้นก็โง่สิ
“งั้นเป็นราชาปกครองนครรัฐล่ะ?” เสี่ยวซื่อลดความต้องการทันที
“ไม่สนใจ” หลิงหลานพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ เสี่ยวซื่อเสนอเรื่องที่มันปกติหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? เธอไม่ใช่คนที่ต้องการจะเป็นราชามหาอำนาจอะไรหรอกนะ หลิงหลานรู้จักตัวเองดีมาก
“งั้นสร้างโลกที่สมบูรณ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน?” “กลายเป็นฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ไม่เป็นสองรองใคร?”
หลิงหลานกลุ้มใจ เป้าหมายยิ่งใหญ่ที่เสี่ยวซื่อพูดมาพวกนี้เป็นการแกล้งเธอชัดๆ แม่งเอ๊ย เธอไม่ใช่แม่พระนะ
เสียงของเสี่ยวซื่ออ่อนลงไปทุกทีท่ามกลางสายตาของหลิงหลานที่ไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ…ฮือๆๆ ลูกพี่ ของพวกนี้อยู่ในคลังข้อมูลนะ ถ้าไม่พอใจอีก เขาก็ช่วยไม่ได้แล้ว
อ้อ? ยังมีอีกอัน ทันใดนั้นเสี่ยวซื่อเห็นอีกคำที่ยังไม่ได้อ่านออกมา “ใช่แล้ว พวกเราเปิดฮาเร็มเป็นพ่อพันธุ์ได้นะ?” ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเปิดฮาเร็มเป็นพ่อพันธุ์คืออะไร แต่ว่าอัตราความเป็นไปได้ที่คำนี้จะปรากฏออกมาก็ไม่น้อยไปกว่าพวกคำด้านบนเลย
หลิงหลานได้ยินคำพูดก็โมโหแล้วก็เอาหัวโหม่งใส่ศีรษะเสี่ยวซื่อแรงๆ “ไอ้โง่ ฉันเป็นผู้หญิงนะ” แม่งเอ๊ย เป็นพ่อพันธุ์หมายถึงผู้ชายไม่ใช่หรือไง นอกจากนี้เธอไม่มีความคิดสตรีเป็นใหญ่เหนือบุรุษด้วย บวกกับชาติก่อนได้รับการสั่งสอนเรื่องหนึ่งสามีหนึ่งภรรยา เธอไม่สามารถรับเรื่องแบบนี้ได้เป็นอันขาด
“ผู้หญิงเปิดวังหลังเป็นพ่อพันธุ์ไม่ได้แล้ว?” เสี่ยวซื่อเบ้ปาก ไม่ยอมรับอยู่บ้าง เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่านี่เกี่ยวอะไรกับเพศด้วย แต่ในเมื่อลูกพี่เกลียดข้อนี้ มันก็ย่อม fail ไป
ทั้งสองคนครุ่นคิดต่อไปอย่างหนัก พวกเขานั่งทำหน้ากลัดกลุ้มด้วยกัน สองมือประคองใบหน้าของตัวเอง
ผ่านไป สิบนาที ผ่านไปครึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว…เสี่ยวซื่อที่คิดข้อแนะนำดีๆ ไม่ออกก็คลั่งขึ้นมาในที่สุด เขาทึ้งผมของตัวเองร้องเสียงแหลมว่า “อ้ากกก….คิดไม่ออก ยังมีเป้าหมายยิ่งใหญ่อะไรอีกเหรอ”
“ยิ่งใหญ่? จะเอายิ่งใหญ่ไปเพื่ออะไร?” หลิงหลานถูกเสี่ยวซื่อเตือนสติ คล้ายกับหาทิศทางที่จะใคร่ครวญเจอ “บางทีเราอาจจะเริ่มคิดจากความปรารถนาเล็กๆ ก็ได้…”
เสี่ยวซื่อไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไง?”
“ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้เสี่ยวซื่ออยากบรรลุเป้าหมายอะไรมากที่สุดล่ะ?”
เสี่ยวซื่อได้ยินคำกล่าวก็ยืดหน้าอกเล็กๆ ของตัวเองฉับพลันและกล่าวว่า “ฉันอยากเป็นลูกน้องอันดับหนึ่งของลูกพี่”
หน้าผากของหลิงหลานขึ้นขีดดำ จะมีความคิดทะเยอทะยานมากขึ้นหน่อยไม่ได้เลยหรือไง? นอกจากนี้เธอพูดไปตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นลูกน้องอันดับหนึ่ง ทำไมยังหมกมุ่นอยู่กับปัญหาเรื่องนี้อีกนะ?
เสี่ยวซื่อเหมือนกับเข้าใจเช่นกัน เขามองไปที่หลิงหลานด้วยแววตาเปล่งประกายและพูดว่า “ลูกพี่ ถ้างั้นเป้าหมายที่เธออยากทำให้สำเร็จในช่วงนี้คืออะไรล่ะ?”
“รักษาตำแหน่งในห้องสเปเชียลเอต่อไป” หลิงหลานตอบโดยไม่ลังเล ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่รบกวนเธอในช่วงนี้ก็คือเรื่องนี้เช่นกัน
“รักษาตำแหน่ง? ไม่เอาอันดับหนึ่งเหรอ?” เสี่ยวซื่องุนงงมาก ควรทราบว่าดูจากความแข็งแกร่งของหลิงหลาน การจะคว้าอันดับหนึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก
“ไม่มีความคิดนี้เลย แน่นอนว่าถ้าเกิดได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจก็ไม่เป็นไร ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ” หลิงหลานไม่ได้สนใจปัญหานี้มากนัก
เมื่อคำพูดนี้เพิ่งกล่าวออกมา ทันใดนั้นหลิงหลานก็ตะลึงงัน ความลังเลไม่แน่ใจและไม่มีเป้าหมายที่อาจารย์หมายเก้าว่าไว้หมายถึงเรื่องนี้ใช่หรือเปล่า? เพราะว่าเธอไม่มีจุดยืนของตัวเองมาตลอด รับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนให้เธอ ไม่ว่าจะเป็นผลสอบ การฝึกฝน รวมไปถึงพวกภารกิจฝึกฝนในมิติการเรียนรู้ ความจริงแล้ว เธอไม่เคยคิดอยากจะได้เองเลย
“ฉันรู้แล้ว…” หลิงหลานตระหนักได้ฉับพลัน
“หรือว่าต้องชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งจริงๆ?” ถึงแม้หลิงหลานรู้สึกว่าเธอหาทางเจอแล้ว แต่ในใจยังคงรู้สึกงงงวยอยู่บ้าง เดิมทีเธอตั้งใจไว้ว่าไม่อยากยืนเด่นสะดุดตากลายเป็นจุดสนใจของทุกคน การบีบบังคับให้ตัวเองทำเรื่องที่ไม่อยากทำจะแก้ไขอุปสรรคตรงหน้าเธอได้จริงๆ เหรอ? มันจะไม่ยิ่งเดินไปผิดทางใช่ไหม?
“ไม่ชิงก็ไม่ชิง ถึงยังไงการเอาตำแหน่งอันดับหนึ่งไปก็ไม่มีผลประโยชน์มากเท่าไหร่ ต้นทุนกับกำไรไม่สมดุลกันมากเกินไปแล้ว” เสี่ยวซื่อไม่มีความคิดสับสนวุ่นวายมากมายขนาดหลิงหลาน เขาเพียงแต่ค้นหาคำตอบจากในผลประโยชน์เท่านั้น นอกจากจะได้รับชื่อเสียงแล้ว การชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งแทบจะไม่มีข้อดีอะไรเลย เสี่ยวซื่อเองก็ไม่สนใจเหมือนกันว่าลูกพี่ของเขาจะเป็นที่หนึ่งได้หรือเปล่า
“ลูกพี่ เธอต้องค้นหาเรื่องที่ทำแล้วมีประโยชน์มากกว่าตำแหน่งที่หนึ่งนะ” เสี่ยวซื่อพูดพลางจำลองลูกอมออกมาไว้ในมือและเลียมันหลายทีเนื่องจากความเบื่อหน่าย เขาคิดว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น มีแต่เรื่องที่ไร้ประโยชน์เท่านั้นที่ทำไม่ได้
“มีประโยชน์สูงกว่า ไม่มีจริงๆ นั่นแหละ” หลิงหลานที่เหนื่อยล้าไม่สามารถหาเรื่องที่บรรลุความต้องการของเสี่ยวซื่อได้เลย
เสี่ยวซื่อรู้สึกหดหู่ใจ เขาเลียลูกอมแรงๆ จากนั้นก็เอ่ยกับหลิงหลานด้วยความจริงจังว่า “เอาแบบนี้ละกัน ลูกพี่ เธออยากใช้ชีวิตแบบไหนในอนาคต?”
“ชีวิตที่สงบสุข อิสระ พอเบื่อก็มีลูก หลังจากนั้นก็เลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ เล่นด้วยกันกับเขา” มุมปากของหลิงหลานแฝงไปด้วยรอยยิ้ม เธออยากมีเด็กมากจริงๆ เมื่อบวกกันสองชาติแล้ว อายุของเธอไม่น้อยแล้วจริงๆ
เสี่ยวซื่อได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็ทำหน้าขรึมทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อหลิงหลานเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเสี่ยวซื่อ เธอก็ไม่พอใจ “ทำไม? ฉันมีลูกไม่ได้หรือไง?”
“แน่นอนว่าได้” เสี่ยวซื่อรีบพูด “แต่ว่า ลูกพี่ไม่เคยคิดเรื่องสถานการณ์ของตัวเองเลยหรือไง?”
“สถานการณ์? ฉันปลอมแปลงฐานะเป็นผู้ชาย?” หลิงหลานตระหนักขึ้นมาได้ โดยพื้นฐานแล้วสถานะนี้กำหนดให้เธอไม่สามารถแต่งงานได้อย่างเปิดเผย ถ้าอยากหาผู้ชายสักคนเพื่อขอสเปิร์มก็ต้องหาอย่างลับๆ…
“ฉันเชื่อว่าตระกูลหลิงจะเตรียมผู้คุ้มกันสักคนมาผูกสัมพันธ์กับฉัน” หลิงหลานไม่กังวลเรื่องไม่มีผู้ชาย หลานลั่วเฟิ่งกับหลิงฉินไม่มีทางให้ตระกูลหลิงสิ้นทายาท
“ไม่เหมาะสม” เสี่ยวซื่อคัดค้านอย่างกระตือรือร้น
“หืม? ทำไมล่ะ?” หลิงหลานไม่เข้าใจ
“ลูกพี่ เธอต้องรู้ว่า ลูกจะยอดเยี่ยมหรือไม่ โดยพื้นฐานแล้วต้องดูยีนของฝั่งพ่อนะ” ช่วงนี้เสี่ยวซื่อศึกษาข้อมูลพวกนี้ในโลกออนไลน์เสมือนจริงมาไม่น้อย
“อ้า…นี่หมายความว่าต่อให้ยีนของฉันดีอีกสักแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์แล้วเหรอ?” หลิงหลานโมโห เธอเป็นคนให้กำเนิดลูก แต่ลูกจะดีเลิศหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวกับเธอเลย นี่มันไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว
เสี่ยวซื่อกล่าวด้วยใบหน้าที่แสดงความเสียใจว่า “แน่นอนว่าถ้ายีนฝั่งแม่ดี ลูกก็จะยิ่งยอดเยี่ยมมากขึ้น แต่ว่าหลักๆ แล้วยังคงเป็นฝั่งพ่อ ถ้ายีนฝั่งพ่อแย่ เด็กเกิดมามีคุณสมบัติแย่ก็เป็นเรื่องที่แทบจะแน่นอนแล้ว”
“พูดได้ว่า ถ้าฉันอยากให้ลูกของฉันโดดเด่นเหนือใคร ก็ไม่สามารถหาผู้ชายตามใจชอบได้เลย” หลิงหลานกัดฟัน นี่นับเป็นพันธุกรรมอะไรกัน ทำไมต้องให้ฝั่งพ่อสำคัญขนาดนี้ด้วย?
เสี่ยวซื่อกล่าวด้วยสีหน้าดีใจที่เห็นคนอื่นทุกข์ตรม “ถูกต้องเลย ลูกพี่”
“และสถานะของฉันในตอนนี้ไม่สามารถมีความรักแต่งงานมีลูกกับผู้ชายที่แข็งแกร่งได้อย่างอิสระเลย” ในที่สุดหลิงหลานก็เข้าใจแล้วว่า เสี่ยวซื่อทำหน้าโอเวอร์นั้นหมายความว่าอะไร
แน่นอนว่าถ้าเกิดหลิงหลานไม่สนใจปัญหาเรื่องคุณสมบัติของลูก ทุกอย่างนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หลิงหลานย่อมเป็นแม่ที่มีความรับผิดชอบ ในเมื่อสามารถทำให้ลูกของตัวเองโดดเด่นได้มากยิ่งขึ้น เธอย่อมไม่ให้ลูกของตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมเด็ดขาด
“ไม่มีวิธีแก้ปัญหาเลยหรือไง?” หลิงหลานขมวดคิ้วถาม เธอไม่เชื่อหรอก ถึงยังไงเธอก็ตั้งเป้าเรื่องการมีลูกไว้แล้ว ต่อให้ยากลำบากอีกแค่ไหนก็ต้องทำให้สำเร็จ สิ่งที่เธออยากทำในชาตินี้ก็มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น
“มีอยู่สองวิธี” เสี่ยวซื่อยอดเยี่ยมมาก ให้วิธีการหลิงหลานมาสองทาง
“ข้อแรก ปล้นคลังสเปิร์มของสหพันธรัฐ ฉันเชื่อว่าข้างในย่อมเก็บสเปิร์มของผู้ชายที่แข็งแกร่งไว้แน่นอน” คำพูดของเสี่ยวซื่อทำให้แววตาของหลิงหลานเปล่งประกาย แต่คำพูดต่อมาเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานหน้าเปลี่ยนสี
“แต่เธอต้องเอาชนะกองกำลังหุ่นรบไพ่ราชาที่ตั้งมั่นอยู่ในคลังสเปิร์มของสหพันธรัฐด้วยนะ เล่ากันว่าผู้นำกองกำลังยังเป็นผู้ควบคุมขั้นราชาด้วย ขอเตือนเธอนะว่า ผู้ควบคุมขั้นราชาเป็นรองผู้ควบคุมขั้นเทวะแค่ระดับเดียว ถ้าเธออยากไปปล้นสเปิร์มที่นั่นอย่างราบรื่น จะต้องมีความสามารถใกล้เคียงกับผู้ควบคุมขั้นเทวะ ไม่อย่างนั้นเธอได้เข้าไปพร้อมกับชีวิตแต่ออกมาพร้อมกับความตายแน่นอน”
“แล้วอีกวิธีล่ะ” หลิงหลานทิ้งวิธีนี้ไปโดยไม่ลังเล เธออยากมีลูกเท่านั้น ไม่ได้อยากรนหาที่ตายนะ
“หาผู้ชายที่แข็งแกร่งสักคนที่เธอถูกใจ ใช้กำลังกดเขาลง บังคับเขาซะ” เสี่ยวซื่อกล่าวอย่างองอาจ
หลิงหลานทำหน้า 囧 ให้ตายสิ วิธีการสองอย่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้เลย
“ฉันแนะนำให้เธอเลือกวิธีการที่สองนะ จัดการผู้ชายที่แข็งแกร่งสักคนง่ายกว่าจัดการกับผู้ชายที่แข็งแกร่งหนึ่งกองมากๆ” เสี่ยวซื่อแนะนำด้วยความเห็นอกเห็นใจมาก
คำพูดของเสี่ยวซื่อไม่ได้ทำให้สีหน้าของหลิงหลานดูดีมากเท่าไหร่เลย เพราะว่าคิดจะบีบบังคับผู้ชายที่แข็งแกร่งสักคนย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย
“แน่นอนว่า เลือกลักพาตัวก็ได้เหมือนกันนะ…ถ้าเกิดผู้ชายที่แข็งแกร่งสักคนสมัครใจนอนกับเธอเอง ลูกพี่ เธอก็ไม่ต้องกังวลแล้ว” เสี่ยวซื่อยิ้มด้วยความลำพองใจ เขาคิดว่าข้อเสนอแนะนี้ดีมากเกินไปแล้วจริงๆ
“โง่เง่า!” หลิงหลานเขกหัวเสี่ยวซื่ออย่างไม่สบอารมณ์ ผู้ชายคนไหนจะยินดีนอนกับผู้ชายอีกคน? นอกเสียจากเขาจะเป็นเกย์ แต่ถ้าเขาเป็นเกย์จริงๆ เธอก็รับไม่ได้ ควรรู้ไว้ว่าเธอเป็นผู้หญิงนะ
“ไม่ได้เหรอ? ถ้างั้นลูกพี่ก็ได้แต่พึ่งตัวเองขืนใจเขาแล้ว” เสี่ยวซื่อพูดด้วยความเสียใจ
“ขืนใจเหรอ? ดูท่าฉันต้องแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่อยากนั้นก็จะขืนใจอีกฝ่ายไม่ได้” หลิงหลานใคร่ครวญทุกด้านก่อนจะตระหนักได้ว่าคำพูดของเสี่ยวซื่อก็สมเหตุสมผล เธอจะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะให้กำเนิดลูกที่ยอดเยี่ยม
“อื้อ ลูกพี่สู้ๆ เธอต้องพยายามให้มากขึ้น ไม่อย่างนั้นเธอจะให้กำเนิดเด็กที่มีความสามารถเหนือใครไม่ได้นะ” เสี่ยวซื่อให้กำลังใจหลิงหลานสู้ต่อไป
ทันใดนั้นหลิงหลานก็ตระหนักได้ว่าการที่เธอรับการทรมานของมิติการเรียนรู้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหมายเลย มันทำให้เธอแข็งแกร่งมากขึ้น ยิ่งทำให้เธอบรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
“ลูกของฉันจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด…” แววตาของหลิงหลานไม่มีความลังเลสับสนอีกแล้ว ใครก็ขัดขวางความตั้งใจที่จะมีลูกที่ยอดเยี่ยมของเธอไม่ได้ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันก็จะยืนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวเลือกของฉันก็จะได้มากขึ้น…”
เป็นเพราะความปรารถนาที่เรียบง่ายนี้ ทำให้หลิงหลานเหยียบย่ำไปบนเส้นทางของผู้แข็งแกร่ง ไม่มีความสับสนอีกต่อไป
…………………………………………