I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 104 โลกของ Belief
นอกจากนี้จะเคาะนิ้วอะไรนักหนา? ไม่รู้หรือไงว่าพวกเสียงที่เคาะออกมาจะส่งผลต่อการใคร่ครวญของเธอ?
เดี๋ยวก่อนสิ…เสียงที่เคาะออกมา? ทันใดนั้นหลิงหลานก็นึกถึงสิ่งที่หลานลั่วเฟิ่งเคยพูดไว้ ตอนแรกที่รู้จักพ่อเธอ ก็เป็นเพราะถูกพ่อใช้เสียงเคาะโต๊ะดึงความสนใจ ดังนั้นถึงได้รู้จักกัน หลังจากนั้นก็เริ่มรักจนไม่อาจควบคุมได้…
ตอนนั้นแม่ยังเป็นเด็กสาวหน้าใหม่วัยแรกแย้มอายุสิบหกที่เพิ่งจะจบการศึกษาจากสถาบันลูกเสือ เนื่องจากเธอไม่ได้มีพรสวรรค์กับพลังแฝงมากนัก และก็ไม่สามารถสอบเข้าโรงเรียนทหารใหญ่ๆ ของสหพันธรัฐได้ อย่างไรก็ตาม หลานลั่วเฟิ่งก็มีความฝันว่าจะเป็นทหารตั้งแต่เด็กๆ ดังนั้นเธอเลยสมัครเข้ารับราชการทหารโดยไม่ลังเล สุดท้ายก็กลายเป็นทหารหญิง JMC[1] ของยานรบทั่วไปได้สำเร็จ
หลังจากที่ฝึกฝนทหารใหม่ได้สามเดือน แม่ก็ถูกจัดสรรให้ไปอยู่ที่กองทัพยานรบของพ่อเธอ สุดท้ายก็กลายเป็น JMC ของยานหลักที่สอง
ต่อจากนั้น เมื่อหลานลั่วเฟิ่งไปทานข้าวกับพวกทหารหญิงที่อยู่ตำแหน่งเดียวกัน เธอก็พบว่าไม่ว่าพวกเธอจะนั่งที่ไหน ข้างๆ ก็จะมีทหารหุ่นรบบางคนปรากฏตัวขึ้นมา หนึ่งในนั้นมีชายหนุ่มที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกเขา เขาดูหล่อเหลาทรงอำนาจเป็นพิเศษ ตอนนั้นเขาทำให้ทหารหญิงมากมายชื่นชอบกันมาก
อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องระดับชั้นในค่ายทหารนั้นสูงมาก ทหารหุ่นรบที่ธรรมดาที่สุดต่างก็มียศร้อยตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับหัวหน้า ส่วนพวกเธอก็เป็นเพียงทหารหญิงตัวเล็กๆ ทั่วไปที่อยู่ระดับต่ำถึงต่ำที่สุด ไม่สามารถพูดคุยกับทหารหุ่นรบได้ก่อนเลย ได้แต่เพ้อฝันไปวันๆ ว่าทหารหุ่นรบพวกนี้จะมาทักทายพวกเธอก่อน หญิงสาวมากมายหวังอยากเป็นทหาร ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อที่จะตกลูกเขยทองคำให้ได้สักคน
หลานลั่วเฟิ่งเป็นหญิงสาวที่ไม่มีความคิดแบบนี้ อายุเธอยังน้อย ยังไม่ถึงช่วงเวลามีความรักครั้งแรก ดังนั้นเธอจึงรับรู้ถึงเรื่องแบบนี้ได้ช้ามาก ทว่าต่อให้เป็นแบบนี้ บางครั้งหลานลั่วเฟิ่งก็ประหลาดใจเหมือนกันว่า ทำไมเธอถึงดวงสมพงษ์กับทหารหุ่นรบคนนั้นมากขนาดนี้ ไม่ว่าเธอจะนั่งที่ไหนก็เจออีกฝ่ายอยู่เสมอ
ตอนนั้นหลิงหลานก็รู้แล้วว่าพ่อของเธอจะต้องหลงเสน่ห์แม่ของเธอแล้วแน่ๆ ดังนั้นถึงได้ใช้วิธีการบังเอิญเจอกันแบบนี้เพื่อเพิ่มความประทับใจของแม่ หน้าไม่อายจริงๆ
หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างลุ่มๆ ดอนๆ เช่นนี้เอง หลังจากนั้นก็มีอยู่วันหนึ่ง หลานลั่วเฟิ่งโชคร้ายอยู่คนเดียว (ทำไมคำพูดนี้ถึงดูสองแง่สองง่ามขนาดนี้) เพราะว่า JMC คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องเดียวกันถูกทางกองทัพส่งไปปฏิบัติภารกิจแข่งขันของกองทัพต่างๆ ในสหพันธรัฐ เนื่องจากหน่วยตอบโต้ของทหารหุ่นรบถูกยานรบหลักที่สองเอาไป ยานรบหลักที่สองก็เลยส่งกองกำลังทหารหุ่นรบหลักของตัวเองออกมา JMC ที่รับผิดชอบพวกเขาก็เลยต้องตามไปด้วย สุดท้ายบนยานรบหลักที่สองก็เลยเหลือ JMC แค่สามคน แต่ละห้องต่างทิ้ง JMC ไว้หนึ่งคนเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนห้องของหลานลั่วเฟิ่งก็ทิ้งหลานลั่วเฟิ่งที่อายุน้อยที่สุดไว้
ดังนั้นเมื่อถึงเวลาทานข้าว หลานลั่วเฟิ่งก็ได้ไปทานข้าวคนเดียว เมื่อเธอนั่งลงเพิ่งจะเริ่มทานข้าว ก็มีคนผู้หนึ่งนั่งลงตรงข้ามเธอ เขาก็คือทหารหุ่นรบหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เจอกันมาตลอดแต่ว่าเธอไม่รู้จักเขาผู้นั้น
ถึงแม้ว่าหลานลั่วเฟิ่งจะแปลกใจว่ามีที่นั่งว่างมากมายขนาดนั้นทำไมอีกฝ่ายถึงไม่นั่ง แต่ดึงดันมานั่งที่โต๊ะเธอ ทว่าเดิมทีนี่ก็เป็นโรงอาหารสาธารณะ นั่งลงบนที่นั่งได้ตามใจชอบ ถึงหลานลั่วเฟิ่งจะประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทานอาหารของตัวเองต่อไป
แน่นอนว่าหลิงเซียวที่พยายามมุ่งมั่นสร้างโอกาสนี้จะถอยกลับโดยไม่ได้บรรลุเป้าหมายไปได้ยังไง ควรรู้ไว้ว่าเขาใคร่ครวญอย่างหนัก พยายามคิดหาทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้มีโอกาสพูดคุยกันตามลำพัง เขาอาสารับภารกิจแข่งขันหุ่นรบเองถึงได้ส่ง JMC ที่น่ารำคาญพวกนั้นออกไปได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยทักทายผู้หญิงมาก่อนก็เลยไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงถึงจะดีที่สุด สุดท้ายเขาก็เลือกใช้เสียงดึงดูดความสนใจของหลานลั่วเฟิ่งออกไปอย่างเงอะงะ
ดังนั้น หลิงเซียวก็เลยใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ยาวสามครั้ง สั้นสองครั้ง หยุด หลังจากนั้นก็ยาวสามครั้ง สั้นสองครั้งอีก เขาเคาะลงไปเป็นจังหวะแบบนี้ ตอนแรกหลานลั่วเฟิ่งรู้สึกแปลกใจ ต่อมาเธอก็ถูกดึงดูดความสนใจ รู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้ว เมื่อเธอเห็นว่ารอบด้านไม่มีคนสนใจทางนี้ ก็เอ่ยปากถามหลิงเซียวเบาๆ ว่าเคาะเป็นจังหวะแบบนี้หมายความว่าอะไรกันแน่
หลิงเซียวยิ้มพลางบอกข้อมูลที่เขาเตรียมไว้ให้หลานลั่วเฟิ่งฟังทั้งหมด ที่แท้การเคาะแบบนี้คือรหัสลับอย่างหนึ่ง เรียกว่ารหัสตัวหมอ เป็นรหัสลับที่ JMC กับทหารหุ่นรบที่ตัวเองรับผิดชอบใช้ร่วมกัน เนื่องจากในช่วงเวลาต่อสู้ เคยเกิดเหตุการณ์ที่ช่องสัญญาณที่เชื่อมต่อ JMC กับหุ่นรบถูกศัตรูแฮคเข้ามาได้ สุดท้ายศัตรูที่ได้รับข้อมูลก็ดักซุ่มโจมตีก่อนล่วงหน้า ทำให้กองทหารหุ่นรบพ่ายแพ้ไปทั้งกอง ต่อมา JMC คนหนึ่งที่ชื่อตัวหมอก็คิดวิธีการสื่อสารแบบนี้ออกมาได้ ใช้รหัสลับแบบนี้ช่วยทหารหุ่นรบของตัวเองหลบหนีการซุ่มโจมตีของฝ่ายตรงข้ามติดต่อกันหลายครั้ง ในขณะเดียวกันก็ทำภารกิจสำเร็จ กลับมาได้อย่างปลอดภัย
ตั้งแต่นั้นมา JMC ทุกคนต่างก็สร้างรหัสตัวหมอของตัวเองออกมา เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
หลานลั่วเฟิ่งเป็น JMC คนหนึ่ง เธอย่อมสนใจรหัสแบบนี้มากอยู่แล้ว เธอออกความเห็นว่าอยากเรียนด้วยความจริงใจ แต่หลิงเซียวทำท่าลำบากใจเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หลานลั่วเฟิ่งขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็ตกลง ทำให้หลานลั่วเฟิ่งซาบซึ้งใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด
พอหลิงหลานได้ยินถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจให้กับความใสซื่อของแม่อีกครั้ง พ่อใช้วิธีการล่อเหยื่อชัดๆ แต่ก็โทษแม่ที่ถูกตกง่ายขนาดนี้ไม่ได้ พ่อจับจุดสำคัญของแม่ได้ชัดๆ JMC ที่มีปณิธานทุกคนต่างก็ปฏิเสธการเย้ายวนใจนี้ไม่ได้ เธอได้แต่พูดว่าพ่อตัวเองหน้าไม่อายมากเกินไปแล้ว
ทุกๆ ครั้งที่หลานลั่วเฟิ่งเล่าถึงตรงนี้ก็กุมแก้มของตัวเองด้วยความเคลิบเคลิ้ม ถอนหายใจติดต่อกันว่าเธอกับพ่อของหลิงหลานมีวาสนาต่อกันมากไปแล้ว เนื่องจากในการพูดคุยกันต่อมา เธอรู้ว่าหลิงเซียวก็คือทหารหุ่นรบของยานรบหลักที่สองเหมือนกัน และก็เป็นทหารหุ่นรบที่เธอรับผิดชอบ แต่หลิงเซียวบอกว่า เขารู้ว่าเป็นเธอตั้งนานแล้ว เพราะว่าเสียงของเธอไม่เหมือนกับคนอื่น เสียงพูดอ่อนหวาน ฟังแล้วรู้สึกสบายอย่างยิ่ง เขาได้ยินครั้งแรกก็จดจำไว้ได้ขึ้นใจ
เมื่อหลานลั่วเฟิ่งเล่าเรื่องพวกนี้ออกมา หลิงหลานก็อดเบ้ปากไม่ได้ เธอรู้ว่าพ่อมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ที่แท้ก็เป็นพวกบ้าเสียง
หลังจากที่ไปมาหาสู่กันตามลำพังครึ่งเดือน ความรู้สึกของพวกเขาร้อนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนตกลงกลายเป็น JMC และทหารหุ่นรบคู่กัน หลังจากนั้นก็ยังคิดรหัสลับตัวหมอของพวกเขาขึ้นมาชุดหนึ่ง
แน่นอนว่าตัวหมอชุดนี้ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ในสนามรบ หลังจากที่ JMC คนอื่นๆ กลับมา มันก็ถูกพวกเขาสองคนใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะกลัว JMC คนอื่นๆ จะรู้เรื่องของพวกเขาเข้า (สาเหตุหลักคือหลานลั่วเฟิ่งอาย ใครใช้ให้เธออายุน้อยที่สุดแต่ว่าหาแฟนได้เป็นคนแรกล่ะ) ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเขาจะนัดเดตกัน หลิงเซียวก็จะนั่งอยู่ตรงโต๊ะข้างเธอในตอนที่ทานข้าว แล้วใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะบอกเวลาและสถานที่ให้กับหลานลั่วเฟิ่ง ไม่ว่าหลานลั่วเฟิ่งจะมีเวลาหรือไม่ เธอก็จะใช้เสียงเคาะที่แตกต่างกันบอกหลิงเซียวว่าเธอจะไปหรือไม่ไป
ตอนนี้หน้าผากของหลิงหลานขึ้นขีดดำมากมาย นี่ยังเป็นการคบหากันเหรอ? ทำไมถึงทำเหมือนกับติดต่อขบวนการใต้ดินเลย อย่างไรก็ตาม หลิงหลานก็ดีใจกับแม่ด้วย รักครั้งแรกก็สามารถดีเลิศได้ขนาดนี้ ได้แต่งงานกับพ่อ เพียงแต่น่าเสียดายที่พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม นี่ก็ต้องโทษโลกใบนี้แล้วที่ก่อสงครามไม่หยุด ไม่เห็นความสงบสุขเลย
หลิงหลานแสดงออกถึงความสนใจต่อตัวหมอนี้มาก อยากเรียนรหัสลับชุดนี้เพื่อทำให้แม่ของเธอมีความสุข หลานลั่วเฟิ่งได้ยินแล้วก็ดีใจมากๆ ถ่ายทอดรหัสตัวหมอของเธอกับหลิงเซียวให้หลิงหลานจนหมด
หลิงหลานคิดถึงตรงนี้ก็ตั้งใจฟังเสียงเคาะของหลิงเซียว ยาวหนึ่งครั้ง สั้นสองครั้ง ยาวสามครั้ง สั้นหนึ่งครั้ง ยาวสองครั้ง สั้นหนึ่งครั้ง สั้นติดกันสี่ครั้ง…หลิงเซียวเคาะเป็นจังหวะมาก เสียงสี่ท่อนแตกต่างกัน แสดงถึงตัวอักษรสี่ตัว งานแต่งขอสัญลักษณ์? ของานแต่งสัญลักษณ์? สัญลักษณ์ของานแต่ง? สัญลักษณ์ขอแต่งงาน!
เอ่อ พ่อคะ พ่อรักแม่มากเท่าไหร่กันแน่นะ? หลิงหลานหวนนึกถึงการทดสอบตลอดทางที่ผ่านมา พวกมันต่างก็เกี่ยวข้องกับแม่ไม่มากก็น้อย
ความจริงแล้วหลิงหลานกล่าวโทษหลิงเซียวผิดไปแล้ว ก่อนที่หลิงเซียวจะเข้าไปเส้นทางแห่งความตาย เขาก็สังหรณ์ใจว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้น ทว่าภายใต้คำสั่งของกองทัพ เขาจะไม่ไปก็ไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่จะเคลื่อนพล เขาก็ใช้พลังจิตของตัวเองหล่อหลอมภารกิจมรดกนี้ขึ้นมา หวังว่าลูกของเขาจะได้รับมรดกของเขาไป
อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าพวกระดับสูงของกองทัพบางคนละโมบอยากได้วิธีการที่เขาเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะมาก ดังนั้นเขาเลยไม่คิดจะมอบมันให้หลานลั่วเฟิ่งโดยตรง หากแต่มอบให้หัวหน้าที่เขาขึ้นตรงด้วยแทน เขากลัวว่าพวกหลิงหลานจะได้รับอันตรายเพราะครอบครองของไว้ แล้วสุดท้ายก็กระตุ้นให้คนละโมบพวกนั้นลงมือสังหารอย่างเหี้ยมโหดเพราะอยากจะเอามรดกนี้ไป
แต่หลิงเซียวก็รู้ผลที่ตามมาจากการมอบมันออกไปดี นั้นก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่าลูกของเขาจะไม่มีโอกาสได้รับมรดกนี้ ดังนั้นเขาก็เลยจัดการทิ้งข้อความให้กับผู้อำนวยการเฒ่าของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือ หวังว่าเมื่อหลิงหลานลูกของเขาเข้าไปที่สถาบันลูกเสือแล้วจะให้ยื่นคำขอกับทางกองทัพให้ส่งมันกลับมา เขารับปากว่าจะเปิดมรดกชุดนี้ในสถาบันศูนย์กลางลูกเสือเพื่อให้ผู้อำนวยการเฒ่าใส่ใจ ขอเพียงเด็กผ่านการทดสอบก็จะได้รับมรดกของเขาไป
หลิงเซียวทุ่มเทจัดการเรื่องทุกอย่างนี้ ย่อมไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่นได้รับมรดกของเขาไป ดังนั้นเมื่อเขาสร้างเนื้อหาการทดสอบ ก็ใช้ขั้นตอนวิธีการกำจัดคนนอกออกไปทีละน้อย
ด้วยเหตุนี้เองด่านแรกเขาจึงใช้วิชาต่อสู้พื้นฐานของสถาบันลูกเสือ ให้คนรู้สึกว่าเขาปฏิบัติต่อเด็กทุกคนเท่าเทียมกัน ถึงแม้ว่าวิชาต่อสู้นี้จะนับว่าเป็นที่รู้กันไปทั่ว แต่กลับกำจัดผู้ใหญ่ออกไปได้ เขาตั้งค่าไว้พร้อมกัน มันไม่ใช่เพียงเพื่อทดสอบ มันถูกตั้งค่าไว้เพื่อขับไล่ผู้ใหญ่ที่มีรูปร่างสูงเกินหนึ่งจุดหกเมตรออกไป ทำให้พวกทหารของกองทัพไม่สามารถผ่านเข้าไปในด่านต่อไปได้
แน่นอนว่าถ้าหากหลิงหลานเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไปแตะต้องมรดกนี้ หลิงหลานก็จะถูกขับไล่ออกไป ไม่สามารถรับมรดกได้เช่นกัน เนื่องจากมรดกของหลิงเซียวจำเป็นต้องฝึกฝนตั้งแต่สิบขวบลงไปถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยพื้นฐานแล้วหากอายุเกินสิบสามปีก็จะไม่มีโอกาสฝึกสำเร็จ หลิงเซียวได้แต่คาดหวังว่าตอนที่หลิงหลานเข้าทดสอบ เธอจะอายุไม่เกินขอบเขตอายุที่กำหนดไว้
หลิงเซียวได้แสดงเจตจำนงเดิมของตนในด่านที่สองเพื่อที่จะให้เหลือเพียงลูกของเขา เขาใช้วิชาสังหารที่ใช้เฉพาะในผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง ขั้นตอนนี้ย่อมตัดความเป็นไปได้ที่เด็กคนอื่นจะผ่านเข้าไปในด่านถัดไป แน่นอนว่าถ้าเกิดทางกองทัพตั้งใจก็สามารถหาวิชาสังหารของผู้คุ้มกันตระกูลหลิงมาได้ แล้วช่วยเหลือเด็กพวกนั้นให้เข้าสู่ด่านที่สาม
ดังนั้นในด่านที่สาม หลิงหลานเลยเลือกใช้พื้นฐานความลับระหว่างเขากับหลานลั่วเฟิ่ง มีเพียงหลานลั่วเฟิ่งเท่านั้นถึงจะรู้ว่าหุบเขาที่สวยงามแห่งนั้นมาจากไหนกันแน่
ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ค่ายทหารจะไปมีโอกาสออกไปดูทิวทัศน์ที่สวยงามพวกนั้นได้ที่ไหน ต่อให้เข้าไปในโลกเสมือนจริงก็ได้แต่อยู่ในโลกปิดตายของกองพลที่เจ็ด ดังนั้นเพื่อทำให้หลานลั่วเฟิ่งมีความสุข เขาเลยพาหลานลั่วเฟิ่งเข้าไปใน Belief หุ่นรบของเขา ให้ Belief สร้างภาพโฮโลแกรมของหุบเขาที่สวยงามออกมาให้หลานลั่วเฟิ่ง หลานลั่วเฟิ่งดีใจมาก เรียกมันเล่นๆ ว่านี่คือโลกของ Belief….
…………………………………………….
[1] JMC มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ขับหุ่นรบโดยตรงและให้ความช่วยเหลือพวกเขาในระหว่างที่ออกตัว