I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 230 ความลับที่รู้กันทั่วของโรงเรียนทหาร
“เสี่ยวซื่อนี่นับวันยิ่งใจกล้ามากขึ้นจริงๆ!” หลิงหลานยืนยันอีกครั้งแล้วว่าสิ่งมีชีวิตทางปัญญาของมิติการเรียนรู้นี้เป็นตัวประหลาดแน่นอน การประพฤติตนต่างๆ เหมือนกับเด็กจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์อะไรก็มีหมด รวมไปถึงความหน้าด้านเจ้าเล่ห์ด้วย
หลิงหลานขับหุ่นรบมาที่หน้าประตูตะวันตกของหมู่บ้าน หน้าประตูตะวันตกมีคนค่อนข้างน้อยกว่าหน้าประตูอื่นๆ เนื่องจากที่นี่เป็นเส้นทางไปเมืองซิ่นหยาง และต่อให้เส้นทางไปเมืองซิ่นหยางถูกคนกวาดทางแล้วก็มีเวลาแค่หนึ่งวันเท่านั้น สัตว์อสูรก็จะเกิดใหม่แล้วยึดครองพื้นที่อีกครั้ง โดนเฉพาะอย่างยิ่ง ความสามารถของสัตว์อสูรพวกนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ คนที่ไม่ใช่นักรบหุ่นรบชั้นสูงขึ้นไปไม่สามารถผ่านไปได้เลย ดังนั้นนี่นับว่าเป็นด่านที่ผ่านยากที่สุดในช่วงมือใหม่
หุ่นรบกระต่ายของหลิงหลานนอนคว่ำหน้าคาบแครอทพลางโยกศีรษะอยู่ตรงนั้น ท่าทีน่ารักเรียกความสนใจได้ไม่น้อยเลยจริงๆ แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นเฉยชาอย่างรวดเร็ว ถึงยังไงหุ่นรบก็ยังคงดูที่ความสามารถ นอกจากผู้หญิงส่วนหนึ่งที่ชอบความแอ๊บแบ๊วแล้ว ผู้ชายก็แค่ชำเลืองมองด้วยความสงสัย จากนั้นก็โยนมันออกไปให้พ้นจากสมอง
ไม่นานหลิงหลานก็เห็นหุ่นรบฮิวแมนนอยด์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นที่หน้าประตูตะวันตกแล้วก็มองซ้ายมองขวา เธอก็รู้ว่าหมอนี่น่าจะเป็นจีอู๋ปู้ซิว ดังนั้นจึงบังคับหุ่นรบกระโดดไปที่เบื้องหน้าอีกฝ่าย การเคลื่อนไหวกะทันหันนี้เหมือนกับอยากให้ฝ่ายตรงข้ามสะดุ้ง พอเห็นปฏิกิริยาตอบโต้แรกของอีกฝ่ายคือตั้งท่าป้องกัน เธอก็รู้ว่าปฏิกิริยาตอบโต้ในการบังคับของผู้ควบคุมหุ่นรบตรงหน้านี้ไม่เลวเลย
“จีอู๋ปู้ซิว?” หลิงหลายเอ่ยถามโดยใช้ช่องสื่อสารสาธารณะ
“หลิงเทียนอีเซี่ยน?” เสียงของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อยืนยันว่าเขาผิดหวังต่อรูปลักษณ์ภายนอกของหุ่นรบหลิงหลานมาก
“ใช่แล้ว!” หลิงหลานตอบ
“ขอโทษทีนะ ผมต้องไปแล้ว!” เสียงของจีอู๋ปู้ซิวดูขุ่นเคืองเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตัวเองถูกหยอกเล่นก็เลยบังคับหุ่นรบให้หันหน้ากลับและจากไปทันที แต่เขากลับเจอดาบรูปร่างแครอทขวางอยู่ตรงเบื้องหน้าหุ่นรบ
“ตกลงกันแล้วว่าคุณจะดูพลังรบของฉัน ฉันไม่ต้องการให้มีคนละเมิดข้อตกลงหรอกนะ” เสียงของหลิงหลานเย็นเยียบสุดขีด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจีอู๋ปู้ซิวถึงรู้สึกได้ว่ามีไอเย็นสายหนึ่งซัดตรงมาที่หัวใจ
“หืม?” ข้างในเสียงหืมของหลิงหลานแฝงไปด้วยการข่มขู่เล็กน้อย ทว่าในใจกลับรู้สึกอับอายจนเหงื่อตก เธอทำเรื่องบังคับคนอื่นแล้วจริงๆ ไร้คุณธรรมมากเกินไปแล้ว
“ตกลง!” จีอู๋ปู้ซิวตกลงทันทีโดยไม่ขบคิดเลยสักนิดเดียว ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะด้านการดัดแปลงหุ่นรบ เขาเข้าใจเรื่องการควบคุมหุ่นรบมาก ความเร็วในการหันหลังกลับของเขารวดเร็วยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายกลับเดินขึ้นหน้าสองก้าว บังคับอาวุธมาขวางเขาไว้ก่อนหนึ่งก้าว แค่การควบคุมเพียงอย่างเดียว เขาก็รู้สึกได้ว่าความสามารถของอีกฝ่ายไม่ย่ำแย่แน่นอน นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขารับปากง่ายๆ เขาไม่มีทางยอมรับหรอกนะว่าที่เขาเปลี่ยนความคิดเป็นเพราะแรงคุกคามที่อีกฝ่ายส่งมา
“ตลอดเส้นทางที่ไปยังเมืองซิ่นหยางนี้มีสัตว์อสูรมากมาย แน่นอนว่าสัตว์อสูรที่ใกล้กับประตูตะวันตกมากที่สุดไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนพวกที่มาจากในส่วนลึกที่สุด พวกเราเดินขึ้นหน้าไปก็จะเห็นสัตว์อสูรระลอกแรก ถ้าคุณทำให้ผมยอมรับได้ ผมก็จะมอบภารกิจให้คุณ” จีอู๋ปู้ซิวกล่าว “แน่นอนว่าถ้าเกิดคุณทำให้ผมพอใจไม่ได้ ผมก็จะไม่ตามคุณไปต่อ”
“ได้!” หลิงหลานยอมรับข้อเสนอของจีอู๋ปู้ซิว “แต่คุณต้องตามความเร็วของฉันให้ทันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่สนคุณ” หลิงหลานไม่อยากแบ่งสมาธิคุ้มครองเขาในตอนที่ต่อสู้ หลิงหลานคิดว่า ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่มีแม้กระทั่งความสามารถในการปกป้องตัวเองในขณะที่เธอต้านทานสัตว์อสูรส่วนใหญ่ เธอก็ยอมทิ้งภารกิจนี้ ไม่อยากช่วยเขาทำภารกิจให้สำเร็จ หลิงหลาน คิดว่าในเมื่อความสามารถไม่พอ เขาก็ฝึกฝนต่อไปในหมู่บ้านซานหยางไม่ดีกว่าเหรอ ไว้มีความสามารถเพียงพอแล้วค่อยไปยังโลกที่กว้างขึ้น
“ตกลง!” จีอู๋ปู้ซิวมองหุ่นรบกระต่ายตรงหน้านี้และตอบกลับ
หุ่นรบสองตัวเดินทางไปยังเมืองซิ่นหยางอย่างรวดเร็ว ข้างๆ พวกเขามีผู้ควบคุมหุ่นรบที่รู้จักจีอู๋ปู้ซิว มีหลายคนรีบเปิดอุปกรณ์สื่อสาร ประกาศเรื่องที่พวกเขาพบล่าสุดให้กับเพื่อนๆ
“ข่าวพิเศษ ข่าวพิเศษ เมื่อตะกี้นี้เห็นจีอู๋ปู้ซิวตามหุ่นรบกระต่ายฝึกหัดพุ่งไปทางซิ่นหยางแล้ว”
“ชิ จนถึงตอนนี้หมอนี่ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจอีกเหรอ? ครั้งก่อนยังตายไม่พอเลยกล้าไปอีก?”
“เขายิ่งติดตามคนแย่ลงเรื่อยๆ จริงๆ คราวนี้ไปกับหุ่นรบฝึกหัดแล้ว ฉันพนันว่าเขาจะต้องตายกลางทางอีกรอบ” นี่เป็นเสียงที่ดูยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น
“ใครใช้ให้เขาไม่ยอมเข้าร่วมกลุ่มราชันสายฟ้าล่ะ สมน้ำหน้าเขาได้แต่อยู่ในเมืองซานหยางแล้ว ได้ยินว่าราชันสายฟ้าทิ้งคำพูดลงมาว่า ใครก็ห้ามช่วยเขาทั้งนั้น หลายวันก่อนสามคนที่มาจากที่อื่นรับภารกิจของเขาไปไม่ใช่เหรอ? โชคดีที่ถูกกำจัดไปทั้งกลุ่ม ไม่อย่างนั้นสามคนนั่นต้องโดนคนที่ราชันสายฟ้าส่งมากำจัดจนสิ้นซากแน่นอน” นี่เป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง มีเพียงคนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งถึงจะเข้าใจความแค้นระหว่างจีอู๋ปู้ซิวกับราชันสายฟ้า
“นายว่าหุ่นรบกระต่ายตัวนั้นมาจากไหน? ถึงได้รับภารกิจโดยที่ไม่กลัวตาย?” นักเรียนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเหมือนกันเอ่ยถาม
“ต้องไม่ใช่นักเรียนจากโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งของเราแน่นอน ไม่อย่างนั้นจะกล้ารับภารกิจของเขาได้ยังไง? นี่เป็นความลับที่รู้กันไปทั่วในโรงเรียนทหาร ต่อให้เป็นนักเรียนใหม่ในปีนี้ก็ต้องโดนนักเรียนเก่าเตือนมาแล้ว” นักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอีกคนตอบ “ก็มีแค่นักเรียนใหม่ของสถาบันอื่นที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ถึงได้กล้ารับภารกิจ แต่พอได้รับการสั่งสอนหลายครั้ง เชื่อว่าคนที่มาใหม่พวกนี้ไม่มีทางรับภารกิจของจีอู๋ปู้ซิวอีกแน่นอน”
“นายว่าคราวนี้ราชันสายฟ้าจะลงมือไหม?” นักเรียนจากโรงเรียนทหารที่เข้าร่วมบทสนทนานี้มากขึ้นเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ ที่แท้ช่องสื่อสารที่พวกเขาคุยกันก็คือช่องสื่อสารชองโรงเรียนทหารโดยเฉพาะ
“นายคิดว่าพวกเขาผ่านภารกิจเส้นทางซิ่นหยางได้ไหมล่ะ?” มีคนถามกลับว่า “ถ้าไม่ผ่าน ราชันสายจะลงมือได้ยังไง แต่ไม่แน่ว่าอาจจะตักเตือนหลังจากที่จบเรื่องก็ได้”
“กระต่ายตัวนั้นโชคร้ายจริงๆ เพิ่งมาที่โลกหุ่นรบก็ไปยั่วโมโหราชันสายฟ้าแล้ว” มีคนเริ่มสงสารกระต่ายที่น่ารักมากตัวนั้น
“กระต่ายตัวนี้ยังโชคดี มากสุดโดนตักเตือนในโลกหุ่นรบก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอะไร ถ้าเกิดเขาเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งละก็ นั่นถึงค่อยเรียกว่าน่าสงสารที่แท้จริง ราชันสายฟ้าไม่มีทางปล่อยคนที่ละเมิดคำสั่งของเขาเด็ดขาด” ราชันสายฟ้าคือราชาที่ไม่เป็นสองรองใครในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ความสามารถของเขายอดเยี่ยม นอกจากนี้กลุ่มอำนาจก็แข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็นผู้นำของกลุ่มอำนาจอันดับสองหรืออันดับสามก็ไม่กล้าต่อต้านเขาอย่างโจ่งแจ้ง
“พวกนายเคยได้ยินหรือเปล่า? นักเรียนใหม่ปีนี้บ้ามากเลย ตั้งกลุ่มนักเรียนใหม่ของตัวเองขึ้นมา ไม่ยอมเข้าร่วมกลุ่มอื่นๆ หรือว่าพวกราชันสายฟ้าจะไม่สนใจและปล่อยพวกเขาไว้แบบนี้เหรอ?” ทันใดนั้นก็มีคนตั้งคำถามนี้ขึ้นมา
“นักเรียนใหม่พวกนี้ก็ดีใจกันตอนนี้แหละ ต่อไปพวกเขาต้องร้องไห้แน่นอน ตอนนี้ราชันสายฟ้าไม่ว่างสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ ตอนนี้เขากำลังกักตนเข้าฌานอยู่ พอเขาออกจากการกักตนแล้ว เขาก็คือผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาคนแรกของชั้นปีสี่ในโรงเรียนทหารเรา เวลานั้นนายคิดว่าราชันสายฟ้าจะปล่อยให้นักเรียนใหม่พวกนี้ก่อความวุ่นวาย ทำลายระเบียบของโรงเรียนไหมล่ะ?” หมอนี่น่าจะเป็นคนของกลุ่มราชันสายฟ้า รู้ข่าวไวมาก
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!” ในช่องสื่อสารเต็มไปด้วยเสียงอุทานด้วยความชื่นชม ไม่รู้ว่าใครพูดพร่ำขึ้นมาว่า “ไม่รู้ว่ากลุ่มราชันสายฟ้ายังรับคนหรือเปล่า…” คนที่ให้ข้อมูลเอ่ยด้วยความหยิ่งทระนงว่า “อยากเข้าร่วมกลุ่มราชันสายฟ้า เงื่อนไขต่ำสุดคือต้องเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลาง ไว้พวกนายเลื่อนขั้นเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางแล้ว บางทีฉันอาจจะแนะนำให้ได้”
“ดีเลย เพิ่มเพื่อนกัน ต่อไปนายต้องช่วยฉันนะ” คนในช่องสื่อสารเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ทยอยกันเอ่ยปากอยากเพิ่มเพื่อนกับคนที่ให้ข้อมูล ถ้าหากพวกเขาสามารถเข้ากลุ่มราชันสายฟ้าได้จริงๆ ละก็ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาแน่ใจได้ว่าสามารถเดินกร่างอยู่ในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งหกปีได้โดยไม่ต้องกังวล
“หึๆ ไม่มีปัญหา…” คนให้ข้อมูลไม่คาดคิดว่าแค่เปิดเผยข้อมูลของราชันสายฟ้านิดหน่อยก็ได้รับความสนใจมากมาย ในใจเขารู้สึกภูมิใจขึ้นมาอีกครั้งว่าการเข้าร่วมกลุ่มราชันสายฟ้าในตอนนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากแค่ไหน
…………
หลิงหลานกับจีอู๋ปู้ซิวไม่รู้เลยว่าหลังจากที่พวกเขาจากไป เหล่าผู้ควบคุมหุ่นรบที่รู้จักจีอู๋ปู้ซิวจะประกาศข่าวของพวกเขาออกไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาสนใจแค่เพียงรีบไปยังเขตสัตว์อสูรที่ใกล้กับประตูตะวันตกมากที่สุดบนถนนซิ่นหยาง
ไม่นานพวกเขาก็ถึงสถานที่ตั้ง หลิงหลานเห็นเบื้องหน้าเธอเต็มไปด้วยสัตว์ขนสีขาวดวงตาสีแดงโลหิต หน้าผากของเธอก็อดกระตุกหลายครั้งไม่ได้ “กระต่าย?” เชี่ย ให้กระต่ายของเธอมาฆ่ากระต่ายเนี่ยนะ? ดูยังไงก็น่าขำชะมัดยาดเลย
จีอู๋ปู้ซิวคล้ายกับไม่รู้สึกเลยว่ามีอะไรไม่เหมาะสม เขาตอบอย่างจริงจังว่า “ใช่แล้ว อย่าดูถูกพวกมันนะ กระต่ายกลายพันธุ์พวกนี้น่ากลัวมาก ฟันและกรงเล็บคืออาวุธสังหารของพวกมัน สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือแรงเตะของพวกมัน สามารถฆ่าหุ่นรบระดับต่ำได้ในพริบตา…” เขากล่าวจบก็มองฝ่ายตรงข้ามด้วยความกังวล อีกฝ่ายเป็นเพียงกระต่ายหุ่นรบฝึกหัดเท่านั้น ถ้าหากเข้าไปก็โดนฆ่าในพริบตาละก็ คงน่าสงสารมากๆ…เขาอดกล่าวด้วยความหวังดีไม่ได้ว่า “ถ้าเกิดทำไม่ได้ พวกเรากลับกันดีกว่าไหม”
กรงเล็บด้านหน้าของหุ่นรบกระต่ายหลิงหลานหยิบแครอทออกจากในปาก จากนั้นเธอก็เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “รอฉันสองนาที!”
ถึงแม้เธอไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากขนาดนี้ในการคิดจะสังหารกระต่ายเหล่านี้ทิ้ง แต่หลิงหลานไม่อยากเปิดเผยความสามารถทั้งหมดของตัวเองต่อหน้าคนที่ไม่คุ้นเคย ดังนั้นเธอเลยยืดเวลาออกไปสี่เท่า
หลิงหลานบังคับหุ่นรบกระต่ายให้สองขาหลังกระโดดขึ้นมาฉับพลัน ร่างของหุ่นรบกระต่ายพุ่งเข้าไปหากระต่ายกลายพันธุ์ทันใด….
“อ้า อย่าทำแบบนั้นนะ…” จีอู๋ปู้ซิวเห็นหุ่นรบกระต่ายเคลื่อนไหวเช่นนี่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่ง เขาส่งเสียงร้องคร่ำครวญ เมื่อพื้นเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง กระต่ายทั่วทั้งพื้นที่ต่างถูกดึงดูดเข้ามา เวลานั้นต่อให้เป็นหุ่นรบระดับสูง ถ้าไม่ระวังก็สิ้นชีพตรงนั้นได้ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่กวาดล้างถนนซิ่นหยางได้ยาก
จีอู๋ปู้ซิวรีบบังคับหุ่นรบให้หนีออกจากที่เดิม เขาวิ่งไปได้ร้อยเมตรถึงค่อยหันกลับมามองหลิงหลานด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึง หลังจากนั้นฉากตรงหน้าก็ทำให้เขาตกตะลึงไป
ในขณะที่หลิงหลานบังคับหุ่นรบกระต่ายให้กวัดแกว่งดาบที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนแครอทในมือนั้น ก็เห็นกระต่ายที่เข้ามาแต่ละตัวถูกซัดกระเด็นออกไป หลังจากนั้นพวกมันก็ไม่ไหวติงอีกเลย
จีอู๋ปู้ซิวรีบหยุดหุ่นรบแล้วซูมภาพนั้นก่อนจะเห็นว่าหน้าอกกระต่ายที่ล้มลงพื้นถูกแทงทะลุตายคาที่
จีอู๋ปู้ซิวเล็งภาพไปยังหลิงหลานที่กำลังต่อสู้อยู่ด้วยความพูดไม่ออก จากนั้นเขาค่อยเห็นว่าทุกท่วงท่าของหลิงหลานดูคล่องแคล่วดั่งใจนึก ทุกครั้งที่กวัดแกว่งแครอทไม่มีพลาดเป้า มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเห็นอีกฝ่ายควบคุมขาหลังของหุ่นรบกระต่ายให้ถีบตัวขึ้นมาฉับพลัน ร่างของหุ่นรบทะยานขึ้นไปบนอากาศก่อนหมุนวนเป็นพายุหมุนแล้วกวาดกระต่ายที่กระโจนเข้ามาออกไปจนหมด ฉากนั้นเหมือนกับกระต่ายผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคกำลังย่ำยีฝูงกระต่ายน้อยที่อ่อนแอไร้กำลังและไม่มีพิษภัยก็ไม่ปาน….