I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 258 จุดอ่อนถึงตาย
“อ้า เกิดอะไรขึ้น ทำไมเนี่ยเฟิงหมิงถึงกระอักเลือดด้วยล่ะ? เห็นชัดๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โจมตีโดนเขาเลยนะ” คนที่ชมการต่อสู้ด้านล่างตะลึงงัน ต่อให้เป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้บางคนก็ไม่เข้าใจ มีเพียงคนที่อยู่ในระดับขอบเขตค่อนข้างสูงไม่กี่คนที่ครุ่นคิด…
ภายในบ็อกซ์อู๋จี๋ พวกหานอวี้และเว่ยจี้ที่เดิมทีพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่เห็นการต่อสู้รอบนี้อยู่ในสายตา ในที่สุดสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก หานอวี้ก็พูดโพล่งออกมาว่า “นี่แม่งเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย? เจอผีหรือไง?”
ความสามารถของคู่ต่อสู้ไม่ได้สูงเท่าเนี่ยเฟิงหมิงชัดๆ นอกจากนี้เขาถูกเนี่ยเฟิงหมิงอัดจนกลายเป็นคนพิการครึ่งหนึ่งแล้ว สิ่งที่น่าประหลาดยิ่งกว่านั้นคือ เนี่ยเฟิงหมิงไม่ได้โดนโจมตีเลย ทำไมถึงได้รับบาดเจ็บจนกระอักเลือดออกมาโดยที่หาสาเหตุไม่ได้ล่ะ?
หลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นสบตากันแวบหนึ่ง จ้าวจวิ้นเผยแววตาสับสนงุนงงเช่นเดียวกัน เนื่องจากไม่มีคนสามารถสกัดกั้นจุดปล่อยพลังที่เปราะบางที่สุดของคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำหลายครั้งขนาดนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไม่ออก เนื่องจากไม่เข้าใจสถานการณ์แปลกประหลาดที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนเช่นนี้
ดวงตาทั้งสองข้างของหลี่หลานเฟิงยังคงสงบนิ่งเหมือนก่อน ทว่าในใจเขากลับรู้สึกมาตลอดว่าการเคลื่อนไหวนั้นดูคุ้นๆ อยู่บ้าง เหมือนกับอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ มีคนเคยทำเรื่องแบบเดียวกันมาก่อน…
เนี่ยเฟิงหมิงกระอักเลือด เขาจึงจำต้องหยุดการโจมตี เขากระโดดออกห่างจากฉีหลงฉับพลัน เดิมทีเขาคิดว่าฉีหลงจะบุกตามมา แต่ไม่นึกเลยว่าฉีหลงจะยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยที่ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียวเช่นกัน ฉีหลงเพียงเบิกตาโตแสยะยิ้ม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือดดูประหลาดและแข็งทื่ออยู่บ้าง
เนี่ยเฟิงหมิงเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากทันทีพลางมองเด็กหนุ่มที่เอาชนะไม่ได้ตรงหน้า ต่อให้เขาเยือกเย็นเอาจริงเอาจังอีกแค่ไหน เวลานี้หัวใจก็อดร้อนรนขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน เขาอยากจะต่อยเด็กหนุ่มที่น่ารังเกียจตรงหน้านี้ให้ล้มลงกับพื้นได้ในหมัดเดียว จบสิ้นการประลองที่พัวพันนี้
“เฟิงหมิง อดทนหน่อย!” ตอนนี้เอง เนี่ยเฟิงหมิงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลังตัวเอง เขาหันหน้ากลับไปมองก็เห็นลูกพี่ฮั่วมาถึงด้านข้างเวทีประลอง กำลังเตือนเขาเสียงเบา
การใช้คำพูดเตือนอะไรระหว่างการแข่งขันอยู่ในขอบเขตที่ได้รับอนุญาต ขอเพียงคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประลองไม่ขึ้นไปบนเวที ดังนั้นการที่หลิงหลานเตือนหลี่อิงเจี๋ย ลูกพี่ฮั่วเตือนเนี่ยเฟิงหมิงต่างเป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ทั้งสองฝ่ายไม่อาจเห็นค้านได้
เนี่ยเฟิงหมิงพยักหน้าให้ลูกพี่ฮั่ว หัวใจที่เดิมทีร้อนรนเล็กน้อยเริ่มสงบลง เขาหันหน้าไปจ้องมองฉีหลงที่ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียวอีกครั้ง เหมือนกับที่ลูกพี่ฮั่วพูดไว้เลย ฉีหลงในตอนนี้ไม่ใช่ฉีหลงที่เริ่มต้นการประลองคนนั้น ต่อให้ดูเหมือนพิการไปครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าอยากเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้จริงๆ ละก็ เขาต้องหลบการสกัดกั้นอย่างเหมาะเจาะของอีกฝ่ายให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก
เนี่ยเฟิงหมิงสูดลมหายใจลึก เขาเคลื่อนไหวแล้ว แต่ทิศทางที่เขาเลือกจู่โจมไม่ใช่ด้านหน้าอีกต่อไป หากแต่เป็นด้านข้างแทน เขากำลังเดิมพันว่าร่างกายที่พังเสียหายของฉีหลงขยับเขยื้อนไม่ไหวแล้ว
เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ ร่างกายของฉีหลงไม่ขยับ กระทั่งศีรษะของเขาก็ไม่ไหวติง ทว่าก็มีกำปั้นหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหันสุดขีด ทิศทางที่โจมตีใส่ยังคงเป็นจุดที่เขารับมือได้ยากมากที่สุด
ด้านข้างก็ไม่ได้เหรอ? พอเนี่ยเฟิงหมิงปะกับหมัดของฉีหลงแล้วก็ดีดตัวกลับไป ในตอนนี้เอง เขาเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง มาที่ด้านหลังฉีหลง
ฉากนี้ทำให้ทุกคนอุทานด้วยความตกใจขึ้นมา เนื่องจากพวกเขารู้ว่าเนี่ยเฟิงหมิงวางแผนอะไรเอาไว้ เขาอยากโจมตีใส่ด้านหลังฉีหลง ถึงแม้การกระทำเช่นนี้จะดูสกปรกอยู่บ้าง แต่ว่าบนสนามรบไม่มีคำว่ายุติธรรม มีเพียงคนที่เอาชีวิตรอดต่อไปได้ถึงจะเป็นผู้ชนะ
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงมันเหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ เหรอ? เมื่อขาของเขากำลังจะเตะไปที่แผ่นหลังของฉีหลง ทันใดนั้นเขาพบว่า มีกำปั้นขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง แล้วต่อยไปที่ด้านข้างหัวเข่าของเขาอย่างแม่นยำ
‘กรอบ!’ นี่เป็นเสียงข้อต่อเคลื่อนที่ พละกำลังของฉีหลงอัดเข้าเป้าตรงจุดที่กระดูกขาของเนี่ยเฟิงหมิงเปราะบางมากที่สุด ทำให้เนี่ยเฟิงอดแค่นเสียงออกมาไม่ได้ในที่สุด
เนี่ยเฟิงหมิงไม่ใช่คนธรรมดา ต่อให้ถูกฉีหลงหักขาโดยไม่คาดคิด เขาก็ไม่ได้เปล่งเสียงออกมา ขาซ้ายของเขาแตะพื้นฉับพลัน จากนั้นร่างของเขาก็ทะยานกลับไปยืนตรงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง ทว่าตอนนี้เขาใช้ขาซ้ายพยุงตัวไว้ ส่วนขาขวาก็ลากอยู่บนพื้น ไม่อาจออกแรงได้แล้ว
ความจริงแล้วฉีหลงไม่ได้หันตัวไปทั้งหมด เขาเพียงขยับเท้าออกไปเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น ทว่าครึ่งก้าวนี้ทำให้ฉีหลงได้มุมองศาเหวี่ยงหมัดออกไปขวางกั้นการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ทันเวลา ในขณะเดียวกันก็ได้กำไรทำร้ายฝ่ายตรงข้ามอย่างเหนือความคาดหมายด้วย
นี่ทำให้สถานการณ์ตกสู่ความคลุมเครืออีกครั้ง ทั้งคู่ต่างมีความเป็นไปได้ที่จะคว้าชัยชนะ และก็มีความเป็นไปได้ที่จะพ่ายแพ้ ถึงยังไงร่างกายของคนหนึ่งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนอีกคนก็ขาขวาหัก ตาชั่งของการประลองเท่ากันขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งลูกพี่ฮั่วของเหลยถิงในตอนนี้ก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะว่ากระทั่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่จะทำให้สถานการณ์ต่อสู้เป็นแบบไหน
เขามองไปยังฉีหลงที่ยังแสยะยิ้มโดยที่มีเลือดติดอยู่ตรงมุมปากคนนั้นแวบหนึ่ง เขารู้สึกมาตลอดว่ารอยยิ้มนั้นดูแปลกประหลาดไม่เป็นธรรมชาติจริงๆ ในความทรงจำของเขา ดูเหมือนอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ตั้งแต่ที่เริ่มใช้หมัดประหลาดนั่นสกัดกั้นการโจมตีของเนี่ยเฟิงหมิง….
หรือว่า…ดวงตาของลูกพี่ฮั่วสว่างไสวขึ้น สองตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ฉีหลง การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ต่อให้เนี่ยเฟิงหมิงขาหักไปแล้ว แต่ก็หยุดยั้งการบุกจู่โจมของเขาไม่ได้ ฉีหลงกับเนี่ยเฟิงหมิงปะทะใส่กันอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
คราวนี้ลูกพี่ฮั่วไม่ได้แบ่งความสนใจไปที่เนี่ยเฟิงหมิง หากแต่มองดูฉีหลงอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม สายตาของฉีหลงหรือว่าการตอบโต้กลับของเขา ลูกพี่ฮั่วไม่พลาดเลยสักนิดเดียว สุดท้ายดวงตาทั้งสองข้างของเขาก็ยิ่งส่องสว่างมากขึ้น เนื่องจากเขามองออกแล้วว่าตอนนี้ฉีหลงอยู่ในสภาวะอะไร
ที่แท้ฉีหลงก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ใช่รอยยิ้ม หากแต่เป็นเพราะฉีหลงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือมากที่จะไปเปลี่ยนแปลงกล้ามเนื้อส่วนใบหน้า เขาเอาพละกำลังที่เหลืออยู่ไปรวมไว้ที่หมัดของเขา ขอเพียงเนี่ยเฟิงหมิงต่อสู้พัวพันกับฉีหลง ให้พลังเขาออกมาถูกใช้จนหมด ฝ่ายตรงข้ามก็แพ้ภัยตัวเองแล้ว…
ทางด้านลูกพี่ฮั่วที่เพิ่งจะมองสภาพของฉีหลงออก ขณะเดียวกันหลิงหลานที่เป็นลูกพี่ของฉีหลงก็ขมวดคิ้วมุ่นตอนที่เนี่ยเฟิงหมิงเลือกโจมตีเข้าที่ด้านหลังฉีหลง
เมื่อฉีหลงเคลื่อนตัวออกไปครึ่งก้าวเพื่อทำการตอบโต้กลับ หัวคิ้วของหลิงหลานก็ขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น ถูกต้อง เวลานั้นหลิงหลานก็มองออกแล้วว่า ฉีหลงมาถึงช่วงตะเกียงหมดน้ำมันแล้วในตอนที่ทุกคนยังไม่สังเกตเห็น
ครึ่งก้าวของฉีหลงนั้นเป็นการฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดที่ฉีกกระชากทั่วทั้งร่าง เขาใช้เรี่ยวแรงสุดกำลังถึงย่างเท้าออกไปได้ ข้างใต้เท้าสองข้างที่แทบขยับไม่ไหวของฉีหลงมีคราบน้ำขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กสองแห่ง นั่นไม่ใช่เลือดที่ฉีหลงกระอักออกมาจากปาก หากแต่เป็นเหงื่อที่ไหลลงมาจากทั่วร่างกายเนื่องจากฝืนสะกดกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในการก้าวเท้าครึ่งก้าวนั้น…
หลิงหลานหลับตาลงด้วยความโศกเศร้า รู้สึกเสียดายแทนฉีหลง เธอรู้จักนิสัยของฉีหลงดี ขอเพียงมีโอกาสเอาชนะ เขาไม่คิดที่จะยอมแพ้แม้แต่น้อย แต่การทะลวงขีดจำกัดของฉีหลงยังช้ามากเกินไป อาการบาดเจ็บภายในของเขาสาหัสมากไป ร่างกายที่พังเสียหายไม่สามารถประคับประคองการโจมตีกลับของเขาได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกเสียดายของหลิงหลานนี้ฉายขึ้นมาแค่แวบหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่เธอให้ความสนใจมากที่สุดยังคงเป็นการเก็บเกี่ยวที่ฉีหลงได้ในการประลองรอบนี้ ใช้ความพ่ายแพ้มาแลกกับการทะลวงขีดจำกัดของฉีหลง หลิงหลานคิดว่ามันคุ้มค่ามากเหลือเกิน
“เฟิงหมิง อย่ายอมแพ้ โจมตีทุกด้าน!” ลูกพี่ฮั่วตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
เนี่ยเฟิงหมิงเชื่อมั่นในตัวลูกพี่ฮั่วอย่างยิ่งยวด เมื่อได้ยินคำสั่งเช่นนี้ของลูกพี่ เท้าซ้ายของเขาก็กระทืบลงไปฉับพลันโดยที่ไม่คิดอะไรมากมาย ร่างของเขาลอยขึ้นมาราวกับพญานก คราวนี้เขาไม่ได้โจมตีฉีหลง หากแต่เชื่อฟังคำสั่งของลูกพี่ฮั่ว มาที่ด้านหลังฉีหลง…
หลังจากนั้นเขาค่อยกระโดดขึ้นมาอีกครั้ง ใช้กำปั้นชกใส่แผ่นหลังของฉีหลง!
‘ปัง!’ นี่เป็นเสียงที่สองหมัดปะทะใส่กันอย่างรุนแรง ถึงแม้ฉีหลงอยากหันตัวไปอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่ว่ายังไงร่างกายที่เสียหายของเขาก็ไม่อนุญาตให้เขาทารุณมันครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายมันก็ประท้วงออกมาแล้ว
ครั้งนี้ฉีหลงขยับได้แค่ครึ่งก้าวเล็กๆ เท่านั้น น้อยกว่ารัศมีขอบเขตครั้งแรก ถึงแม้เขาหันตัวไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถหันไปทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีเวลาและก็ไม่มีพื้นที่มุมองศาไปทำลายการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม เขาได้ฝืนรับกระบวนท่านี้เพื่อป้องกันร่างกายตัวเองเท่านั้น
นี่คือการปะทะกันด้วยพลังปราณตรงๆ กับเนี่ยเฟิงหมิงครั้งแรกหลังจากที่ฉีหลงทะลวงขีดจำกัด แตกต่างตรงที่คราวนี้การโจมตีของเนี่ยเฟิงหมิงเป็นการหยั่งเชิง ดังนั้นมันไม่ใช่พลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา ฉีหลงจึงฝืนยันเอาไว้ได้
หมัดของทั้งคู่ปะทะกันได้ประมาณหนึ่งหรือสองวินาที เนี่ยเฟิงหมิงก็ถูกแรงสะท้อนกลับของพลังทั้งสองคนกระแทกกลับไป ส่วนร่างของฉีหลงก็โซเซทันที เลือดที่เดิมทีหยุดไหลก็หลั่งรินลงมาจากปากเขาอีกครั้ง แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ไม่ได้ถอยหลังสักครึ่งก้าว
ไม่ใช่ว่าฉีหลงไม่อยากถอย หากแต่ถ้าถอยไปแล้ว ลมหายใจเขาที่ฝืนประคองขึ้นมานี้ก็จะรั่วไหลออกไป ต่อให้ฉีหลงอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังไม่อยากยอมแพ้ เนื่องจากเขาไม่อยากแพ้ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกพี่ ในใจฉีหลง เขาแพ้ได้แค่หลิงหลานเท่านั้น
เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย! เนี่ยเฟิงหมิงลงสู่พื้นด้วยเท้าข้างเดียว เนื่องจากเท้าอีกข้างไม่อาจออกแรงได้แล้ว เขายังคงกระโดดถอยไปข้างหลังหลายก้าวเพื่อให้ร่างกายยืนได้อย่างมั่นคง ดูลำบากอยู่บ้าง แต่ว่าทั้งหมดนี้ไม่สามารถควบคุมใบหน้าเขาไม่ให้เผยรอยยิ้มออกมาได้ เขาหาจุดอ่อนถึงตายของฉีหลงเจอแล้วภายใต้คำเตือนของลูกพี่
ที่แท้ฉีหลงมาถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ เขาหันตัวไม่ได้แล้ว!
“ถูกมองออกแล้วสินะ?” หลิงหลานถอนหายใจ ถึงแม้หลิงหลานรู้ว่าท้ายที่สุดจุดอ่อนของฉีหลงจะถูกศัตรูล่วงรู้ แต่ในใจหลิงหลานยังคงกอดความหวังว่าจะโชคดีไว้ เธอหวังว่าฉีหลงมีโอกาสเอาชนะฝ่ายตรงข้ามก่อนที่อีกฝ่ายจะมองออก
ในเมื่อเนี่ยเฟิงหมิงรู้จุดอ่อนของฉีหลงแล้ว เขาย่อมไม่อืดอาดยืดยาด เขามาที่ด้านหลังฉีหลงอีกครั้ง ต่อยออกไปอย่างรวดเร็ว…
ฉีหลงยังคงยืนหยัดต่อไปก่อนจะได้ยินเสียงปะทะกันที่ดังออกมาจากหมัดครั้งแล้วครั้งเล่าบนเวทีประลอง จากนั้นพละกำลังของเนี่ยเฟิงหมิงก็มากขึ้นเรื่อยๆ ขอบเขตการเซไปเซมาของร่างกายฉีหลงโงนเงนก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เลือดในปากไม่ได้หยุดไหลเลย ตรงกันข้ามมันเพิ่มมากขึ้นทุกที จนสุดท้ายก็เหมือนกับกับสายน้ำที่ไหลรินก็ไม่ปาน…
ตอนนี้แหละ! เนี่ยเฟิงหมิงสัมผัสได้ถึงพลังของหมัดฉีหลงอีกครั้ง ดวงตาสองข้างของเขาส่องสว่างขึ้นมาทันที กระบวนท่าถัดไปก็คือตอนตัดสินแพ้ชนะ ขอเพียงต่อยไปอีกครั้ง เขาก็เอาชนะฉีหลงได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากให้จบแบบนี้! ในฐานะที่เขาเป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของโรงเรียนทหาร การต่อสู้กับฉีหลงครั้งนี้เป็นการตบหน้าเขาอย่างรุนแรง เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างน่าประหลาดภายใต้สถานการณ์ที่ได้เปรียบ ถึงขนาดที่ถูกฝ่ายตรงข้ามฉวยโอกาสหักขาของเขา เนี่ยเฟิงหมิงรู้สึกว่าผลงานเช่นนี้ของเขาคือความอัปยศ ถ้าหากเขาไม่อาจเอาชนะคู่ต่อสู้โดยสิ้นเชิงได้ละก็ เขาคงไม่สามารถเชิดหน้าชูคอต่อหน้าคนของเหลยถิงไปชั่วชีวิต…
แววตาของเนี่ยเฟิงหมิงฉายร่องรอยความอำมหิตออกมาแวบหนึ่ง เขาพลันสูดลมหายใจ รวมรวมกำลังภายในทั้งหมดบนร่างกาย ตะโกนเสียงดังว่า “หมัดอัดอากาศ!”