I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 267 ย้ายการรักษา
ในขณะที่ทางด้านหลี่อิงเจี๋ยกำลังลอบแปลกใจกับตัวเอง ทางฝั่งหลี่ซื่ออวี๋ก็เอ่ยกับเจ้าหน้าที่ของผู้ดูแลแคปซูลรักษาของหลี่อิงเจี๋ยว่า “ช่วยเปิดแคปซูลรักษาให้ผมที!”
“นี่มัน…” เจ้าหน้าที่มองหัวหน้าทีมด้วยความลังเลใจแวบหนึ่ง ไม่กล้าทำตามคำสั่งทันที ถึงแม้หลี่ซื่ออวี๋จะเป็นนักเรียนดีเด่นของภาควิชาวิจัยการแพทย์ทหาร เทียบเท่ากับหัวหน้าของพวกเขาครึ่งหนึ่ง แต่ว่านี่เกี่ยวพันถึงสภาพการรักษาของนักเรียน เจ้าหน้าที่ไม่กล้าทำบุ่มบ่าม
หัวหน้าทีมเห็นดังนั้นก็รีบอธิบายว่า “นักเรียนดีเด่นหลี่ เวลานี้นักเรียนคนนี้กำลังทำการรักษาอยู่ ถ้าเกิดตอนนี้หยุดกลางคันอาจจะส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาฟื้นฟูร่างกายในตอนสุดท้ายได้”
หลี่ซื่ออวี๋ได้ยินคำพูดก็ชูมือขวาขึ้น เปิดอุปกรณ์สื่อสารแล้วกรอกข้อมูลบางอย่างลงไปด้วยความจริงจัง จากนั้นค่อยพูดว่า “โปรดวางใจเถอะครับ ผมยื่นคำร้องขอรับการรักษาหลี่อิงเจี๋ยไปที่โรงเรียนทหารแล้ว ไม่นานพวกคุณที่นี่ก็จะได้รับระเบียบขั้นตอนการโยกย้าย”
ในฐานะที่หลี่ซื่ออวี๋เป็นนักเรียนดีเด่นของภาควิชาวิจัยการแพทย์ทหาร เขามีอำนาจยื่นคำขอรับผู้ป่วยของศูนย์รักษาได้ตามใจชอบ แน่นอนว่าโรงเรียนทหารมีหน้าที่รับผิดชอบทั้งสองคน พวกเขาจะติดตามขั้นตอนการรักษา หยุดยั้งเหตุการณ์อันตรายใดๆ ที่จะเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำผิดก็จะได้รับบทลงโทษอย่างเข้มงวดจากโรงเรียนทหาร
หัวหน้าทีมได้ยินคำอธิบายของหลี่ซื่ออวี๋ก็วางใจ แปบเดียวทางหัวหน้าทีมก็ได้รับคำสั่งโยกย้าย เขาก็สั่งเจ้าหน้าที่ให้หยุดกระบวนการรักษาของแคปซูลรักษา จากนั้นก็เปิดแคปซูลรักษา
การเคลื่อนไหวผิดปกติของที่นี่ดึงดูดความสนใจของนักเรียนปีหนึ่งคนอื่นๆ ที่รออยู่ในศูนย์รักษา พวกเขาทยอยกันเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นว่าแคปซูลรักษาถูกเปิดออกกะทันหันก็พากันหน้าเปลี่ยนสี หนึ่งในนั้นก็คือเซี่ยอี๋ที่หลิงหลานสั่งให้มาเป็นเพื่อนหลี่อิงเจี๋ยเพื่อทำการรักษา เขาถามด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไร? ไม่รู้หรือไงว่าหยุดการรักษาจะส่งผลต่อการฟื้นฟูร่างกายของเขา?”
หัวหน้าทีมรีบอธิบายว่า “นักเรียนคนนี้จะถูกย้ายไปรักษาที่ศูนย์วิจัยแพทย์ทหาร พวกเธอวางใจเถอะ ยารักษาที่นั่นดีกว่าของเราที่นี่หลายเท่าเลย อาการบาดเจ็บของเขาไม่เพียงไม่ได้รับผลกระทบ เขาถึงขนาดกลับมาแข็งแรงเร็วกว่าที่กำหนดได้ด้วย”
เซี่ยอี๋มองไปทางพวกหลี่ซื่ออวี๋ด้วยความระแวงสงสัย พวกคนของชั้นปีสูงที่ชัดเจนเหล่านี้จะหวังดีขนาดนี้จริงๆ เหรอ? จะโทษเซี่ยอี๋ที่คิดมากไม่ได้ อย่างไรเสียพวกเขาเพิ่งจะประจันหน้ากับเหลยถิงจากชั้นปีสูง จากการแจ้งข่าวของสมาชิกที่เข้ามา ลูกพี่หลานเพิ่งจะเอาชนะอันดับหนึ่งด้านการต่อสู้ของเหลยถิง คว้าชัยชนะการประลองเดิมพันอย่างเป็นทางการ ไม่แน่ใจว่าคนของเหลยถิงจะอับอายจนโกรธเคือง ฉวยโอกาสที่พวกเขาที่นี่ไม่ได้รับข่าวสารที่แน่นอนคิดจะมาทำเรื่องลับหลัง
หลี่หลานเฟิงเห็นดังนี้ก็ยิ้มพลางอธิบายว่า “พวกเราเป็นคนของกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋ และนักเรียนดีเด่นหลี่คนนี้คือคนของภาควิชาวิจัยการแพทย์ทหาร ถ้าเกิดนายเข้าใจโรงเรียนทหารของพวกเรา นายก็รู้ว่าภาควิชาการแพทย์ทหารไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ของกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ ได้”
เนื่องจากแพทย์ทหารคือนักบุญที่ช่วยชีวิตรักษาคนที่บาดเจ็บใกล้ตาย จำเป็นต้องปฏิบัติต่อผู้ป่วยอย่างเสมอภาค ดังนั้นไม่ว่าโรงเรียนทหารหรือว่ากองทัพต่างก็ห้ามแพทย์ทหารเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ เพราะว่าเมื่อแพทย์ทหารเข้าไปมีส่วนร่วมในนั้นก็ไม่สามารถรับประกันหัวใจตัวเอง โดยเฉพาะถ้าหากแพทย์ทหารเมินเฉยถ่วงเวลาเพราะว่าอยู่กลุ่มอำนาจที่แตกต่างกันในสงคราม ก็อาจจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายได้ นี่เป็นสิ่งที่กองทัพไม่อาจยอมรับได้
เดิมทีเซี่ยอี๋ก็เป็นสายสืบ ราชาแห่งการซุบซิบนินทา เขารู้ว่ารุ่นพี่ที่อยู่ตรงข้ามเขากล่าวมาไม่ผิดเลย ถ้าเกิดอีกฝ่ายเป็นคนของภาควิชาการแพทย์ทหาร เขาก็วางใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางลงมือทำเรื่องเลวร้ายต่อหลี่อิงเจี๋ย ดังนั้นเขาจึงล่าถอย แต่ว่ายังคงมองพวกหลี่หลานเฟิงด้วยความระแวดระวังอยู่ ถ้าหากพบความผิดปกติก็จะต้องทำการขัดขวางทันทีไม่ให้พวกเขาทำร้ายหลี่อิงเจี๋ย
เวลานี้เซี่ยอี๋ยังค่อนข้างไร้เดียงสา ไม่รู้ว่าแพทย์ทหารก็เป็นคนเหมือนกัน มีอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบางคนที่ทั้งรักทั้งเกลียด ต่อให้รักษาตามหน้าที่อย่างจริงจัง ในระหว่างนั้นก็จะคิดวิธีการ ‘ทรมาน’ ออกมาทั้งหมด ถึงแม้การทรมานแบบนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วย แต่ไม่มีผู้ป่วยสักคนยินดีไปรับมันอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อแคปซูลรักษาเปิดออกจนหมด น้ำยารักษาเต็มแคปซูลด้านในก็ถูกดูดออกไปพร้อมกัน ไม่นานร่างกายของหลี่อิงเจี๋ยก็ถูกเปิดเผยออกมา ผ่านไปไม่กี่วินาที ชุดเครื่องแบบบนตัวเขาก็ถูกอบแห้ง ราวกับว่าเขาไม่เคยถูกน้ำยารักษาปกคลุมจนเปียกชุ่มก็ไม่ปาน
เวลานี้เองหลี่อิงเจี๋ยถึงค่อยมีโอกาสเอ่ยปาก เขาถามว่า “พี่รอง นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“เหอะ ทำไมฉันถึงอยู่ที่นี่ไม่ได้?” หลี่ซื่ออวี๋แค่นเสียงเย็น เขาไม่มีความอดทนปฏิบัติต่อหลี่อิงเจี๋ยเหมือนที่ทำกับญาติผู้พี่คนโตหรอกนะ ไม่ว่าเขาเห็นไอ้เด็กนี่ยังไงก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างนั้น
หลี่อิงเจี๋ยพลันไร้คำพูด เขาพบว่าคำถามที่ตัวเองถามออกไปดูโง่เง่ามากเสียจริง หลี่ซื่ออวี๋อยู่ที่นี่แถมยังสวมชุดเครื่องแบบทหารของนักเรียนดีเด่น เขาย่อมเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารแห่งนี้แน่นอน และคนที่สามารถกลายเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้ก็ต้องสอบเข้ามา หรือว่าตอนที่เขาถูกอัดเมื่อสักครู่นี้จะบาดเจ็บที่สมองโดยไม่ทันระวังไปแล้ว?
“เอาเถอะ ถือว่าฉันถามผิดไปละกัน ฉันควรถามว่านายมาที่นี่ทำไม? มาหัวเราะเยาะฉันหรือไง?” หลี่อิงเจี๋ยเหลือบมองหลี่ซื่ออวี๋ด้วยสีหน้าไม่พอใจ ความสัมพันธ์ของเขากับญาติผู้พี่คนรองย่ำแย่นัก เขาไม่มีทางหลงตัวเองคิดว่าญาติผู้พี่คนรองเข้ามาทำตัวรักใคร่ปรองดองกับเขาอยู่แล้ว
“ถือว่านายยังรู้จักประมาณตน ยังรู้ว่านายเป็นตัวตลกไปแล้ว ใช่ ฉันมาสั่งสอนนายที่ทำตัวบนเวทีประลองได้แย่ขนาดนั้น ขายหน้าตระกูลหลี่ของพวกเราจริงๆ” หลี่ซื่ออวี๋ต่อว่าด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ ต่อให้หลี่ซื่ออวี๋ปฏิเสธจะเป็นผู้สืบทอดของตระกูลหลี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนของตระกูลหลี่ ดังนั้นพอเห็นหลี่อิงเจี๋ยแสดงความสามารถย่ำแย่ขนาดนี้ ก็ทำให้ไม่พอใจอย่างยิ่งยวด
หลี่อิงเจี๋ยได้ยินคำพูดก็กรอกตายกใหญ่ทันใด เขาจะลืมได้ยังไงว่าญาติผู้พี่คนรองของเขาเกิดมาพร้อมกับลิ้นอาบยาพิษ ขอเพียงเจอหน้ากัน ญาติผู้พี่คนรองของเขาก็จะวิจารณ์ว่าเขาไร้ค่า แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่อยากรับไว้เฉยๆ พยายามประท้วงกลับตลอด แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าเขาหลายปี อาศัยทักษะการต่อสู้อันแข็งแกร่งที่ร่ำเรียนมากกว่าเขาหลายปีมาปราบปรามเขาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เขาต่อต้านล้มเหลวอยู่หลายครั้ง จวบจนตอนนี้ก็ยังไม่มีโอกาสพลิกกลับมาชนะ
เดิมทีสี่ปีก่อนเขามีโอกาสพลิกกลับมาชนะเยอะมาก แต่น่าเสียดายที่หลี่ซื่ออวี๋กลับแตกคอกับคุณปู่เพราะปฏิเสธเรื่องผู้สืบทอด แล้วย้ายตัวเองออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลี่ ทำให้เขาไม่มีโอกาสเจอหน้าอีกฝ่ายเพื่อทำการต่อต้านจนถึงที่สุดอีกเลย…
หลี่ซื่ออวี๋เองก็ไม่สนว่าหลี่อิงเจี๋ยจะโมโหไม่พอใจเพราะคำพูดของเขาหรือเปล่า เขาสั่งทันทีว่า “อีกเดี๋ยวก็ตามฉันไปที่ศูนย์วิจัยแพทย์ทหาร ต่อไปฉันจะรับผิดชอบอาการบาดเจ็บของนายเอง”
“ไม่จำเป็น ในเมื่อที่นี่ก็รักษาหายได้เหมือนกัน ฉันจะไปที่นั่นทำไม?” หลี่อิงเจี๋ยปฏิเสธกลับด้วยความเย่อหยิ่ง เขาไม่อยากติดหนี้น้ำใจญาติผู้พี่คนรองที่น่ารำคาญคนนี้ เขายินดีอยู่ที่นี่รับความทรมานเพิ่มหน่อย
หลี่ซื่ออวี๋ได้ยินคำกล่าวก็ก้มตัวลงมาด้วยใบหน้าดำทะมึน ก่อนจะตบหน้าดื้อรั้นของหลี่อิงเจี๋ยที่ยังขยับเขยื้อนไม่ได้ในแคปซูลรักษาเบาๆ เอ่ยเสียงต่ำว่า “เรื่องที่ฉันรับช่วงต่อรักษานายกลายเป็นจริงแล้ว ดังนั้นนายก็ยอมรับชะตาซะ”
ดวงหน้าทะมึนของหลี่ซื่ออวี๋ทำให้ระฆังเตือนภัยในใจหลี่อิงเจี๋ยดังลั่น หรือว่าญาติผู้พี่คนรองของเขาเปลี่ยนจากลิ้นอาบยาพิษมาเป็นมืออาบยาพิษแล้ว? เขาพยายามดิ้นรน อยากจะพูดออกมา ทว่าในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงเย็นเยียบหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตูหลักของศูนย์รักษา ถึงแม้ศูนย์รักษาใหญ่โตมาก มีผู้คนมากมาย ทว่าเสียงนี้ดูเหมือนดังขึ้นที่ข้างหูทุกคน ได้ยินชัดเจนมาก
“ฉันอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เด็กหนุ่มเคร่งขรึมเย็นชาที่ปล่อยไอหนาวเหน็บออกมาทั่วร่างค่อยๆ เดินจากประตูเข้ามาในศูนย์รักษาหลังจากคำพูดประโยคนี้
ไมรู้ว่าเพราะอะไรเมื่อเขาเข้ามาในศูนย์รักษา อุณหภูมิทั่วทั้งศูนย์คล้ายกับลดลงไปหลายองศา ถึงขนาดที่มีบางคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันไร้รูปสายหนึ่งย่างกรายมาอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา เสียงเอะอะรบกวนที่เดิมทียังมีอยู่บ้างพลันเงียบสงัดลงมาทันที สายตาของทุกคนต่างถูกเด็กหนุ่มคนนี้ดึงดูดไว้
ที่แท้หลิงหลานผู้ชนะการต่อสู้บนสังเวียนก็มาถึงแล้วนี่เอง ด้านหลังเธอยังมีบรรดาหัวหน้าทีมของกลุ่มนักเรียใหม่อีกไม่น้อย
หลี่อิงเจี๋ยได้ยินเสียงนี้ ดวงหน้าของเขาที่เดิมทีดูย่ำแย่ก็สว่างไสวขึ้นมาฉับพลัน เขาหันหน้ามองไป ปากก็ไม่ลืมตะโกนเสียงดังว่า “ลูกพี่หลาน!”
การแสดงออกเช่นนี้ของหลี่อิงเจี๋ยทำให้หลี่ซื่ออวี๋หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย และทำให้แววตาของหลี่หลานเฟิงที่คอยสังเกตหลี่อิงเจี๋ยอยู่ด้านข้างมาตลอดเปล่งประกายอย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้ามองไปทางหลิงหลาน แววตาเปลี่ยนเป็นลึกล้ำอย่างยิ่งยวด
“หลี่อิงเจี๋ย!” หลี่ซื่ออวี๋อดตวาดขึ้นมาด้วยความโมโหไม่ได้ เสียงนี้ขึ้นสูงหลายระดับ เห็นได้ถึงความโทสะอย่างไร้ที่สิ้นสุดในใจ เขาไม่พอใจที่หลี่อิงเจี๋ยยอมรับใครสักคนเป็นลูกพี่ตามใจชอบ และก็เสียใจแทนญาติผู้พี่คนโตของตนด้วยเช่นกัน เพราะเขาคิดว่า มีเพียงหลี่มู่หลานเท่านั้นถึงจะเป็นลูกพี่ของเหล่าพี่น้องตระกูลหลี่ของพวกเขา แต่ไอ้บัดซบหลี่อิงเจี๋ยนี่กลับมอบคำเรียกขานยกย่องญาติผู้พี่คนโตไปให้คนอื่น นี่ทำให้เขาไม่อาจอภัยให้ได้เลย
เสียงตวาดด้วยความเดือดดาลของหลี่ซื่ออวี๋ไม่ได้ทำให้หลี่อิงเจี๋ยรู้สึกกลัวเลย ตรงกันข้ามยิ่งทำให้หลี่อิงเจี๋ยทำหน้าดื้อรั้นไม่ยอมคน หลี่อิงเจี๋ยก็เป็นคนแบบนี้ ถ้าเขาไม่ยอมรับคุณ ต่อให้คุณฝืนกดดันเขาอีกสักแค่ไหน เขาก็ยังไม่ยอมเหมือนเดิม แต่ถ้าทำให้เขายอมรับด้วยใจจริงแล้วละก็ ขอเพียงมองด้วยสายตาเย็นชาก็ทำให้เขาไม่กล้าขยับตัวได้แล้ว และตอนนี้หลี่อิงเจี๋ยก็แสดงนิสัยเช่นนี้ออกมาอย่างเต็มที่ และก็ทำให้โทสะของหลี่ซื่ออวี๋รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ถ้าหากพูดว่าการเจอญาติผู้พี่คนโตทำให้หลี่ซื่ออวี๋อดเข้าไปตีสนิทเองไม่ได้ อยากปกป้องอีกฝ่าย เช่นนั้นการเจอหลี่อิงเจี๋ยก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นิสัยดีงามของหลี่ซื่ออวี๋ที่เดิมทีทำให้ผู้คนยกย่องได้วิ่งหนีหายไปหมดแล้ว สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงการตวาดและลิ้นอาบยาพิษเท่านั้น…ไม่มีสักครั้งที่จะพูดคุยกันอย่างสันติ
หลี่ซื่ออวี๋กับหลี่อิงเจี๋ยจ้องมองกันและกันด้วยความโกรธเกรี้ยว หลี่หลานเฟิงที่อยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังคิดจะพูดไกล่เกลี่ย เวลานี้เองเสียงเย็นเยียบหนึ่งกลับดังขึ้นใกล้เขาอย่างยิ่งยวด “ทำไมสมาชิกกลุ่มของฉันถึงไม่ได้รักษาตัวอยู่? รบกวนคุณช่วยอธิบายด้วยครับ?”
ที่แท้หลิงหลานก็มาอยู่ข้างๆ แคปซูลรักษาของหลี่อิงเจี๋ยแล้ว และก็หาเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรับผิดชอบการรักษาหลี่อิงเจี๋ยทันที
บางทีอาจเป็นเพราะเธอเพิ่งมาจากสนามประลอง บนตัวหลิงหลานยังคงมีร่องรอยของไอชั่วร้ายอยู่ กลิ่นอายที่กดดันคนนี้ทำให้หน้าผากของเจ้าหน้าที่หลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมา ไม่อาจตอบกลับได้ไปชั่วขณะหนึ่ง
“หืม?” หลิงหลานเลิกคิ้ว สายตาเย็นเยียบทำให้ในใจเจ้าหน้าที่หนาวเหน็บฉับพลัน เขารีบตอบว่า “ขอโทษครับ คือ…คือเขาถูกย้ายไปที่ศูนย์วิจัยแพทย์ทหาร”
“ย้ายไปที่ศูนย์วิจัยแพทย์ทหาร?” หลิงหลานนิ่วหน้า ไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร เซี่ยอี๋ที่อยู่ด้านข้างก้าวเท้าพรวดเข้ามา ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้หลิงหลานฟังข้างๆ หูเธอ หลิงหลานฟังไปพลางพยักหน้ารับไปพลาง ดูเหมือนว่าจะเข้าใจแล้ว
เมื่อเซี่ยอี๋กล่าวจบก็ถอยกลับไป หลิงหลานถึงค่อยเพ่งความสนใจไปที่ตัวพวกหลี่ซื่ออวี่สี่คน พวกหลี่ซื่ออวี๋สัมผัสได้ถึงแรงกดดันไร้รูปร่างสายหนึ่งอัดเข้ามาทันใด
แววตาของหลี่หลานเฟิงเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าเขาสัมผัสถึงพลังที่คุ้นเคยอีกแล้ว…บางทีอีกฝ่ายอาจจะเป็นพวกเดียวกับเขาจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกเดียวกัน ทำให้หัวใจเขาอดเต้นแรงหลายทีไม่ได้
———————-