I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 276 แทรกซึม
ศูนย์บัญชาการกลุ่มหุ่นรบเทียนจี ร่างหนึ่งที่เหมือนภูตผีร่อนลงมาในสวนดอกไม้อย่างเงียบเชียบ จุดที่ร่อนลงมาในตำแหน่งนี้และช่วงเวลานี้เป็นมุมอับสายตาของคนลาดตระเวนทั้งหมดพอดี….
หลิงหลานก้าวครั้งเดียวก็เข้าไปในระเบียงของสวนดอกไม้แล้ว และตอนนี้เสี่ยวซื่อก็ร่วมมือทำการอำพรางภาพของระเบียงไว้แต่แรกแล้ว เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในห้องเฝ้าระวังตรวจสอบมองเห็นได้แค่เพียงภาพหลายวินาทีก่อนหน้านี้เท่านั้น…
ระดับความเร็วของหลิงหลานเป็นความเร็วของปีศาจ ทิ้งไว้เพียงภาพพร่ามัวภายใต้แสงไฟที่ขมุกขมัว พอผ่านระเบียงไปแล้วก็มาถึงด้านล่างอาคาร เธอไม่ได้เลือกเข้าไปในห้องโถง หากแต่มาที่มุมอับของกำแพงด้านหนึ่ง
จากนั้นก็เห็นสองมือของหลิงหลานโบกสะบัดขึ้นลงไปตามส่วนที่นูนขึ้นมาตรงกำแพง ร่างของเธอปีนขึ้นไปที่ชั้นสี่ในพริบตาราวกับตุ๊กแกก็ไม่ปาน ตอนนี้ลั่วล่างถูกซ่อนอยู่ในห้องนอนด้านในสุดของชั้นสี่ เธอต้องช่วยลั่วล่างออกมาก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องอื่นอีกที
นอกจากนี้เสี่ยวซื่อส่งภาพทั่วทั้งศูนย์บัญชาการมาให้เธอตั้งนานแล้ว รู้ว่าชั้นสี่ หรือก็คือจุดที่เธอปีนขึ้นไปนั้น มีหน้าต่างห้องที่ไม่ได้ล็อกอยู่ ทำให้เธอเปิดเข้าไปได้ และตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นพอดี นี่เป็นโอกาสดีอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถร่นระยะเวลาของหลิงหลานได้
หลิงหลานมาถึงหน้าต่างของห้องนั้นแล้วก็ขยับหน้าต่างบานนั้นเบาๆ ในค่ำคืนที่เงียบสงัด ต่อให้เสียงเสียดทานแผ่วเบาสุดขีด แต่มันก็ยังสะดุดตาแวบหนึ่งอยู่บ้างเช่นกัน หลิงหลานใจเย็นมาก เธอขยับหน้าต่างออกให้เป็นช่องว่างพอให้ร่างของเธอสามารถพุ่งเข้าไปได้เท่านั้นโดยไม่ลังเล จากนั้นก็ข้ามหน้าต่างเข้าไปในห้อง
ด้านนอกประตูห้องก็คือทางเดินหลัก เสี่ยวซื่อแสดงภาพทางเดินด้านนอกออกมาแล้ว รู้ว่าเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนที่อยู่ใกล้เธอมากที่สุดยังอยู่ห่างจากเธอช่วงหนึ่ง หลิงหลานเปิดประตูห้องโดยไม่ลังเล ก่อนจะเดินปล่อยตัวตามสบายอยู่ในทางเดินราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในบ้านพักของตัวเอง ไม่มีความระแวดระวังและการตื่นตัวอย่างของคนที่แอบเข้าบ้านของคนอื่นเลยสักนิดเดียว
หลิงหลานเชื่อการตัดสินใจของเสี่ยวซื่อ และตอนนี้หลิงหลานก็ไม่มีเวลาให้สิ้นเปลืองแล้ว เนื่องจากเสี่ยวซื่อบอกหลิงหลานว่า คนที่คิดร้ายต่อลั่วล่างคนนั้นไปที่ห้องนอนของลั่วล่างแล้ว เธอต้องเร่งรีบแล้ว
หลังจากที่เดินทางไปได้สักระยะ เสี่ยวซื่อพลันเอ่ยเตือนว่าตรงโค้งทางด้านนั้นมีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนสองคนกำลังเข้ามาใกล้
หลิงหลานสาวเท้าพุ่งปราดทีเดียวก็มาถึงตรงที่เลี้ยวโค้ง สองเท้าของเธอเหยียบไปบนกำแพงติดต่อกันก็ไต่มาถึงคานก่อนจะนอนราบอยู่ในนั้น ถ้ามองจากทางฝั่งหลิงหลาน ร่างของหลิงหลานนั้นเห็นได้ในแวบเดียว แต่ถ้ามองจากฝั่งตรงข้าม ร่างของหลิงหลานถูกคานบดบังไว้จนหมด ไม่อาจสังเกตเห็นได้เลยว่าด้านหลังคานมีคนหลบซ่อนอยู่…
บางทีเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอาจจะนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าศูนย์บัญชาการที่แข็งแกร่งไม่อาจตีแตกได้ในสายตาของพวกเขาจะมีศัตรูแทรกซึมเข้ามาหนึ่งคน นอกจากนี้ยังมาถึงชั้นสี่แล้วด้วย ควรรู้เอาไว้ว่าด้านล่างหลายชั้นมีการคุ้มกันอย่างเคร่งครัด โดยปกติแล้วผู้บุกรุกจะผ่านชั้นสองมาไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาเลยหย่อนยานอยู่บ้าง เดินตามแนวขวางผ่านไปด้วยความสบายอารมณ์อย่างยิ่งยวด ไม่คิดจะเงยหน้ามองดูเลย….
หลิงหลานรอให้สองคนนั้นผ่านข้างใต้เธอไป จากนั้นก็กระโดดลงมาอย่างไร้สุ้มไร้เสียง ฝ่ามือสองข้างของเธอฟันไปที่ท้ายทอยของทั้งสองคนราวกับมีดเพื่อที่หยุดเภทภัยที่อาจจะเกิดขึ้นภายหลังได้
ทั้งสองคนล้มลงไป หลิงหลานพยุงพวกเขาสองคนไว้ที่ด้านซ้ายและด้านขวาของตัวเองก่อนจะลากพวกเขาไปที่ห้องถัดไปที่ยังคงว่างเปล่าไร้ผู้คนแล้วโยนอีกฝ่ายเข้าไป
คนพวกนี้ต่างเป็นลิ่วล้อตัวเล็กๆ หลิงหลานไม่อยากลงมือใส่พวกเขาอย่างเหี้ยมโหดเช่นกัน เพียงแค่ใส่ความสามารถพรสวรรค์ของเธอเข้าไปในกำลังภายในที่ฟันใส่ท้ายทอยของฝ่ายตรงข้ามนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่สามารถล้างความสามารถเหล่านี้ของเธอได้หมด ระดับการก้าวหน้าของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก นี่คือบทลงโทษเล็กๆ น้อยๆ ของหลิงหลานที่พวกเขาช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ
หลังจากที่โยนพวกเขาเข้าไปในห้อง เรื่องถัดมาก็คืองานของเสี่ยวซื่อแล้ว เสี่ยวซื่อล็อกประตูห้องไว้อย่างแน่นหนาเหมือนกับตอนที่อยู่ในยานบิน อุปกรณ์สื่อสารของพวกเขาอยู่ในสภาพถูกตัดการเชื่อมต่อจนกว่าจะถึงเช้าวันพรุ่งนี้ เสี่ยวซื่อต้องรับรองว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้รับการติดต่อจากโลกภายนอกก่อนที่หลิงหลานจะระบายโทสะออกมาจนหมด
หลังจากที่จัดการสองคนนี้แล้ว หลิงหลานก็รีบไปยังจุดหมายปลายทางอย่างรวดเร็ว ตลอดทางมานี้หลิงหลานใช้วิธีการลอบโจมตีโดยอาศัยการเตือนล่วงหน้าของเสี่ยวซื่อเพื่อไม่ให้ถูกศัตรูค้นพบ เธอซัดฝ่ายตรงข้ามจนล้มทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นร่องรอยของเธอ
และในห้องเฝ้าระวังตรวจสอบ พวกเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนที่ถูกหลิงหลานซัดจนล้มยังคงลาดตระเวนอยู่ในเส้นทางตามเดิมรอบแล้วรอบเล่าเนื่องจากเสี่ยวซื่อใช้ภาพปลอมแทนที่มาโดยตลอด….
………
ในที่สุดชายหนุ่มชุดขาวก็รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ศีรษะได้จากเขาไปไกล พลังจิตฟื้นคืนถึงระดับปกติของเขาแล้ว เขาเดินออกมาจากห้องพยาบาลด้วยความตื่นเต้น เตรียมตัวไปเสพสุขกับสินสงครามของวันนี้ในห้องนอนเขา พอนึกถึงคนสวยคนนั้นปรนนิบัติผลิบานอยู่ใต้ร่างเขาในท้ายที่สุด ในใจเขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาราวกับว่าไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มานานมากแล้ว
ชายหนุ่มชุดขาวเป็นนักเรียนดีเด่นชั้นปีสี่ของภาควิชาควบคุมยานรบ ชื่อว่าซือหมิงอี้ เขาเป็นหนึ่งในรองหัวหน้าของกลุ่มหุ่นรบเทียนจี เดิมทีความสามารถของเขาไม่เพียงพอที่จะรับหน้าที่รองหัวหน้า แต่ว่าเขามีลูกน้องที่จงรักภักดีสุดขีด ถึงขนาดที่หนึ่งในนั้นคือยอดฝีมือหุ่นรบที่อยู่ภายใต้หัวหน้ากลุ่ม ซือหมิงอี้ขึ้นเป็นรองหัวหน้ากลุ่มเทียนจีเมื่อหนึ่งปีก่อนเนื่องจากการทุ่มกำลังสนับสนุนของเขา
ช่วงเวลาที่ซือหมิงอี้รับหน้าที่เป็นรองหัวหน้ากลุ่มนี้ เขาใช้ประโยชน์จากกลุ่มหุ่นรบเทียนจีไม่น้อยเพื่อให้เขาเก็บข้อมูลของเด็กหนุ่มที่หน้าตางดงามจากภาควิชาต่างๆ ของโรงเรียนทหาร แน่นอนว่าเขาเองก็มีการคัดเลือกเหมือนกัน เขาไม่มีทางไปล่วงเกินคนที่มีภูมิหลังล้ำลึกอยู่แล้ว ปกติแล้วคนที่เขาลงมือต่างก็เป็นชาวบ้านหรือว่านักเรียนที่ไม่มีภูมิหลังล้ำลึกมาก ในหนึ่งปีมานี้มีเด็กหนุ่มห้าหกคนเจอแผนการอำมหิตของเขาอย่างไม่ขาดสาย และตอนนี้คนเหล่านี้ก็กลายเป็นสมาชิกกลุ่มใต้บังคับบัญชาของเขา ซื่อสัตย์จงรักภักดีและรักใคร่ชื่นชมเขาอย่างยิ่งยวด
และเพราะแบบนี้เองซือหมิงอี้ถึงไม่ได้ถูกเปิดโปงว่าเขามีรสนิยมชอบผู้ชายออกมา เขาที่เชี่ยวชาญในการเสแสร้งใช้ประโยชน์จากไพ่ตายของตัวเองจนได้รับความรู้สึกดีๆ จากในหมู่นักเรียนทั่วไปได้เป็นจำนวนมาก กลายเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ซื่อตรงและจริงใจ เขาเป็นนักเรียนที่ดีในสายตาของอาจารย์ เป็นนักเรียนดีเด่นที่พวกนักเรียนเคารพเลื่อมใส เป็นรองหัวหน้าของกลุ่มหุ่นรบเทียนจีที่จัดการเรื่องราวด้วยความยุติธรรม….
ยิ่งไปกว่านั้นซือหมิงอี้รู้ดีว่าเคล็ดลับความสำเร็จของเขาคืออะไร นอกจากตัวเขาแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าการกลายพันธุ์ทางจิตของเขาคือการสะกดจิต นอกจากเป็นคนสนิทที่เขาไว้เนื้อเชื้อใจแล้วถึงได้รู้ว่าเขาชอบผู้ชาย เขาเก็บงำตัวตนไว้ลึกมากต่อหน้าคนนอก ต่อให้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตางดงามที่มีนิสัยต่างๆ นานาที่เขาเก็บรวบรวมไว้ข้างกาย ทุกคนต่างไม่เคยมีความคิดไปทางนั้นเลย เนื่องจากตัวเขาก็เป็นชายหนุ่มรูปงามที่หล่อเหลาอย่างหาใดเปรียบ…
ในฐานะที่ซือหมิงอี้เป็นรองหัวหน้า เขาเลยมีห้องพักผ่อนส่วนตัวในศูนย์บัญชาการซึ่งอยู่ตรงสุดปลายทางเดินของชั้นสี่ ถึงแม้ว่ามีเพียงห้องนอนขนาดยี่สิบตารางเมตร แต่มันกลับตกแต่งไว้อย่างหรูหรามาก บนพื้นปูด้วยพรมขนยาวจนหมด
เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเก้าอี้ไท่ซือที่ดูงดงามมีกลิ่นอายโบราณหันเข้ากับหน้าประตู แต่เก้าอี้ไท่ซือตัวนี้กลับดูแปลกพิกลมาก สูงกว่าเก้าอี้ทั่วไปสามสิบถึงสี่สิบเซนติเมตร แทบจะไปถึงระดับความสูงของโต๊ะทั่วไป และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไว้นั่งจริงๆ หรือว่าแค่ใช้ตกแต่ง ส่วนด้านหลังเก้าอี้ไท่ซือกลับเป็นผ้าม่านหนาๆ หนึ่งชั้น ทำให้คนมองไม่เห็นฉากด้านใน
ซือหมิงอี้มองไปที่หน้าประตูด้วยความระมัดระวัง เมื่อพบว่าไม่มีใครจริงๆ ถึงค่อยปิดประตูห้องอย่างเงียบเชียบ หลังจากนั้นเขาก็ล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนาและตั้งรหัสป้องกันไว้ เอาให้แน่ใจว่านอกจากตัวเขาแล้ว ไม่มีใครสามารถเข้าห้องของเขาได้อีก
เขาข้ามผ่านเก้าอี้ไท่ซือทันทีแล้วเลิกผ้าม่านออกก่อนจะเห็นด้านในมีเพียงเตียงน้ำทรงกลมหลังหนึ่ง สิ่งที่ห้อยลงมารอบด้านคือโซ่ที่หนาเท่านิ้วโป้ง ให้ความรู้สึกงดงามอย่างน่าประหลาด และบนเพดานก็ติดกระจกที่เรียบเงาวับไว้บานหนึ่ง สะท้อนทุกสิ่งทุกอย่างบนเตียงได้อย่างกระจ่างชัด
จากนั้นก็เห็นเด็กหนุ่มชุดเครื่องแบบสีเขียวคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง หัวคิ้วของเขาขมวดแน่น หลับตาปี๋ ดูเหมือนกำลังนอนสลบไสล บางทีร่างกายอาจจะดูไม่สบายอยู่บ้าง ทำให้สีหน้าของเขาดูซีดเผือดเล็กน้อยและก็ยิ่งเพิ่มความน่ารักน่าสงสารและดูอ่อนแออย่างยิ่งยวดให้เด็กหนุ่มมากขึ้น ฉากนี้ทำให้ซือหมิงอี้เห็นแล้วแทบจะร่างกายร้อนรุ่ม อยากจะเปลี่ยนเป็นหมาป่าหิวโหย เสพสุขกับเด็กหนุ่มแสนสวยคนนี้ทันที
เด็กหนุ่มที่งดงามเปราะบางคนนี้ก็คือลั่วล่างที่หลิงหลานตามหาอย่างยากลำบากมานานมาก
นอกจากเตียงหลังใหญ่แล้ว ทั่วทั้งห้องก็ไม่เห็นของอย่างอื่นอีก กำแพงทั้งสี่ด้านถูกผ่าม่านที่แขวนไว้อย่างแน่นหนาปกคลุมทั่วทุกด้าน
ซือหมิงอี้กลืนน้ำลาย เดินไปนั่งลงที่ข้างเตียงช้าๆ เขาลูบแก้มที่เนียนนุ่มของลั่วล่างเบาๆ ดูเพลินจนหยุดไม่ได้อยู่บ้าง
นิ้วมือของเขาค่อยๆ ไล่ลงมาจากแก้มของลั่วล่าง จนมาถึงส่วนคอ เขาแกะกระดุมชุดเครื่องแบบของลั่วล่างออกช้าๆ ก่อนจะดึงชุดออกฉับพลันเผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน รวมถึงเผยผิวที่ขาวเนียนออกมารางๆ
เวลานี้ซือหมิงอี้ข่มกลั้นความอดทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาพลันฉีกเสื้อเชิ้ตสีขาวออกด้วยความตื่นเต้นก่อนจะได้ยินเสียงแควก กระดุมปริขาดออกมา ร่างกายที่งดงามของลั่วล่างก็ถูกเปิดเผยขึ้นตรงหน้าซือหมิงอี้เช่นนี้เอง เชอร์รี่สีแดงก่ำเม็ดเล็กๆ สองอันที่อยู่ตรงหน้าอกทำให้ซือหมิงอี้น้ำลายหกออกมา…
“ของชั้นเลิศ ของชั้นเลิศจริงๆ ไม่นึกเลยว่าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งจะมีคนงามชั้นยอดแบบนี้ด้วย พวกคนที่ฉันเคยชิมก่อนหน้านี้เป็นแค่ขยะทั้งนั้น….” ซือหมิงอี้ถอนหายใจ นิ้วมือไล่ตามหน้าอกของลั่วล่างลงไป เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านเข้ามาบนฝ่ามือ ผิวที่เนียนละเอียดอ่อนนุ่มเต็มไปด้วยความยืดหยุ่น…
บางทีสัมผัสเหล่านี้อาจจะทำให้ลั่วล่างรู้สึกอึดอัด คิ้วของเขาเลยขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามยาชารุนแรงมากเกินไป เขายังคงนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนนั้น
เดิมทีซือหมิงอี้เตรียมตัวชิมรสชาติของอีกฝ่ายรอบหนึ่งดีๆ แต่เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามดูเหมือนปลาตายก็คิดว่าไม่สมใจอยากอยู่บ้าง เขาครุ่นคิดสักพักก็ดึงโซ่เส้นหนึ่งที่แขวนอยู่บนหัวเตียงมาแล้วล็อกมือซ้ายของลั่วล่างไว้ จากนั้นเขาก็ดึงโซ่อีกด้านหนึ่งมาล็อกมือขวาของลั่วล่างไว้เช่นกัน
ต่อมาเขากดปุ่มอันหนึ่งตรงหัวเตียงก่อนจะเห็นผ้าม่านด้านซ้ายมือถูกดึงออกฉับพลัน เผยตู้ใบหนึ่งออกมา ด้านในมีเซ็กส์ทอยมากมายนับไม่ถ้วน ถึงขนาดที่มีของเล่น SM บางอย่างด้วย แน่นอนว่ายังมีตู้นิรภัยไฮเทคหลายใบถูกติดตั้งอยู่ในนั้น
ซือหมิงอี้ใช้นิ้วมือกดลงไปที่หน้าจอของตู้นิรภัยก่อนจะเห็นหน้าจอที่เดิมทีดำมืดส่องสว่างขึ้นมาปรากฏเป็นปุ่มตัวเลข ซือหมิงอี้กดตัวเลขชุดหนึ่งลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ได้ยินเสียงแกรก ประตูตู้นิรภัยเด้งออกมา ด้านในมียาอยู่ไม่น้อย และยังมีอุปกรณ์ฉีดยาที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งอยู่หลายชุด
ซือหมิงอี้หยิบยาออกมาจากด้านในสองหลอดและหยิบอุปกรณ์ฉีดยาใช้ครั้งเดียวทิ้งออกมาอีกหนึ่งชุด เขาสูบยาอันหนึ่งออกมาก่อนแล้วเดินไปที่ข้างกายลั่วล่าก่อนจะฉีดลงไปตรงแขนของลั่วล่าง ต่อจากนั้นก็สูบยาอีกหลอด ฉีดเข้าไปอีกครั้ง
หลังจากที่ทำทุกอย่างนี้เสร็จแล้ว ซือหมิงอี้ค่อยโยนอุปกรณ์ฉีดยาที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งลงไปที่ถังขยะก่อนจะปิดตู้นิรภัย เขากลับไปที่หัวเตียงกดปุ่มอีกอัน ผ้าม่านปิดลงกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง