I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 28 ข้อมูลของคนทั้งสิบ
หลิงหลานฝืนข่มกลั้นความรู้สึกตื่นเต้นในใจ เธอถามหานจี้จวินเสียงเบาว่า “ทหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง”
หานจี้จวินแปลกใจมากว่าทำไมจู่ๆ หลิงหลานถึงเอ่ยถามคำถามนี้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังตอบกลับมาว่า “อุทิศตนด้วยความรักและความจงรักภักดีต่อสหพันธรัฐหัวเซี่ยที่เรารัก ต้องมีความจริงใจในมิตรภาพ ความเชื่อใจ ความรักและปกป้องเพื่อนร่วมรบ…” หานจี้จวินพูดคำสาบานที่ทหารจะกล่าวกับธงชาติของตัวเองในตอนที่พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร กลายเป็นทหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสม คำสาบานนี้รวมสิ่งจำเป็นในการกลายเป็นทหารตามมาตรฐานแล้ว
ในขณะที่หานจี้จวินท่องอยู่นั้น แววตาของหลิงหลานก็ยิ่งโชนแสงมากขึ้นเรื่อยๆ เธอเอ่ยถามต่อว่า “แล้วสถาบันลูกเสือคืออะไร”
“คือเปลที่บ่มเพาะทหารที่มีคุณสมบัติเหมาะสม” หานจี้จวินกล่าวด้วยความเฉียบขาด
รอยยิ้มบนมุมปากของหลิงหลานยิ่งลึกขึ้น “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จะสูญเสียความจริงใจในมิตรภาพ ความเชื่อใจ ความรักและปกป้องเพื่อนร่วมรบไม่ได้”
หานจี้จวินสั่นระริกทันที แววตาของเขาพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมา เขาเข้าใจคำเตือนของหลิงหลานแล้ว
“ฉีหลง ลั่วล่าง ช่วยหานซู่หย่ากับลั่วเฉาที” หานจี้จวินตะโกนบอกสองคนที่อยู่ด้านหน้าสุดฉับพลัน
“อ่า…” ฉีหลงแทบจะสะดุด ทำไมต้องช่วยเด็กผู้หญิงที่ถ่วงแข้งถ่วงขาสองคนนั้นด้วย
“สอบเสร็จแล้วฉันค่อยอธิบายให้พวกนายฟัง” ถึงแม้ว่าหานจี้จวินจะเห็นชอบกับการคาดคะเนของหลิงหลาน แต่เขายังไม่อยากถ่วงความเร็วของพวกเขา ดังนั้นก็เลยไม่ได้อธิบายอะไรให้ฉีหลงกับลั่วล่าง
ฉีหลงไม่มีทางไม่เชื่อฟังอยู่แล้ว เขาเริ่มลดความเร็วลงจากที่หนึ่งตกลงมาอยู่ด้านหลังสุด ลั่วล่างเห็นดังนั้นก็ลังเลไปสักพัก จากนั้นเขาก็ลดความเร็วตามฉีหลงและตกไปอยู่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ควรทราบว่าหนึ่งในเด็กหญิงสองคนที่พวกเขาต้องช่วยก็คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา ตรงกันข้ามกับฉีหลงที่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเด็กหญิงสองคนนี้เลย
ไม่ผิด ถึงแม้ว่าลั่วล่างอยากจะชนะฉีหลงสักครั้งเอามากๆ ทว่าก็ไม่อยากชนะเขาแบบนี้ ลั่วล่างที่หยิ่งทะนงยอมรับชัยชนะที่มีความอัปยศแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ
ต้องบอกว่าฉีหลงกับลั่วล่างเป็นเด็กสองคนที่มีคุณสมบัติร่างกายดีที่สุดในหมู่พวกเขาทั้งสิบคน (หลิงหลานมีนิ้วทองคำช่วยเหลือจึงไม่อาจนับได้) ต่อให้แต่ละคนแบกภาระกันไปหนึ่งคน ความเร็วก็ช้าลงไม่เท่าไร ไม่นานทั้งสองคนก็ขึ้นหน้าไปพร้อมกันและกลายเป็นสองคนที่นำหน้าสุด
…………
ภายในห้องควบคุมแห่งหนึ่ง จ่าสิบเอกที่เพิ่งจะเปลี่ยนหน้าจอมายังห้อง 72 อดส่งเสียงร้องด้วยความประหลาดใจไม่ได้ จ่าสิบเอกที่ควบคุมดูแลแต่ละนายจะรับผิดชอบสิบห้อง ทุกๆ หนึ่งนาทีจะสับเปลี่ยนห้อง สิบนาทีก็จะวนหนึ่งครั้ง และครั้งนี้ก็วนมาที่ห้องหมายเลข 72 พอดี
จ่าสิบเอกที่อยู่ข้างๆ กำลังจ้องมองหน้าจอที่ตัวเองรับผิดชอบ เมื่อเขาได้ยินเสียงร้องตกใจของเพื่อนร่วมรบก็อดทนไม่ไหวเหลือบมองแวบหนึ่งด้วยความสงสัย พอเขาเห็นสถานการณ์ในหน้าจอก็อดร้องขึ้นมาไม่ได้ “เอ๊ะ น่าสนใจ!”
เสียงร้องของพวกเขาดึงดูดความสนใจของร้อยโทที่รับหน้าที่ควบคุมดูแลทั้งหมด เขาเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าเย็นเยียบว่า “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงฝ่าฝืนคำสั่งห้ามส่งเสียงเอะอะ”
“รายงานท่าน พวกเราพบหน่ออ่อนที่ดีแล้วครับ” จ่าสิบเอกทั้งสองคนรีบรายงานด้วยความเคารพ อย่างไรก็ตามน้ำเสียงของพวกเขาไม่มีความละอายใจสักนิดเดียว ตรงกันข้ามมันกลับดูมั่นใจมาก พวกเขามีกระบี่อาญาสิทธิ์ เนื่องจากทางกองทัพยังมีอีกคำสั่ง นั่นก็คือเมื่อพบหน่ออ่อนที่โดดเด่นจะต้องรีบรายงานทันที ตอนนี้เรื่องที่พวกเขากำลังทำไม่ใช่รายงานหรอกหรือ
ร้อยโทได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าที่เดิมทีเย็นชาก็ผ่อนคลายเล็กน้อย เขามองไปที่หน้าจอแค่แวบเดียว สีหน้าก็หวั่นไหวขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าหน้าจอนั้นจะกระทบจิตใจของเขามาก
จ่าสิบเอกทั้งสองคนสบตากันเองแวบหนึ่ง สายตาของพวกเขามีความพึงพอใจ และก็มีความยินดีกับการผ่านพ้นวิกฤติมาได้ เด็กพวกนี้แม่งแสดงความสามารถในช่วงเวลาสำคัญออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
น่าเสียดายที่หน้าจอไม่ได้เรื่อง ร้อยโทมองดูไม่เท่าไร มันก็เปลี่ยนเป็นห้องถัดไปอีกครั้ง
“เสี่ยวอู๋ รีบเปลี่ยนกลับมา” ร้อยโทออกคำสั่ง
“ครับท่าน!” จ่าสิบเอกเสี่ยวอู๋ก็คือทหารที่รับผิดชอบควบคุมดูแลพวกหลิงหลาน เขารีบจัดการหน้าจอให้อยู่ที่กลุ่มของหลิงหลานอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองในหน้าจอก็เห็นหานซู่หย่ากับลั่วเฉาที่เดิมทีถูกฉีหลงกับลั่วล่างวิ่งจูงไปด้วยนั้น เวลานี้พวกเธอถูกฉีหลงกับลั่วล่างแบกขึ้นมาแล้ว ดูท่าเรี่ยวแรงของพวกเธอจะถูกใช้จนหมด ไม่สามารถยืนหยัดต่อไปได้
พวกหลิงหลานหกคนที่อยู่ด้านหลังพวกเขาก็สับเปลี่ยนตำแหน่งกันเอง ช่วยเหลือเด็กสองคนที่มีพละกำลังด้อยที่สุด พวกเขาย่อมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายต่างวิ่งขณะประคับประคองกันเอง จึงไม่มีใครตกออกจากกลุ่ม
แน่นอนว่าการที่สามารถมีฉากแบบนี้ได้ ก็เป็นเพราะผลจากการลงมืออย่างเด็ดขาดของหลิงหลานและหานจี้จวิน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาลงมือช่วยเหลือเพื่อนในทีมที่ด้อยที่สุดเองละก็ คาดว่าคงมีคนถูกทิ้งออกจากกลุ่มไปแล้ว
การกระทำของพวกเขาทำให้เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนที่ไม่ได้รู้จักมักคุ้นเกิดความตระหนักได้บ้าง จากนั้นเมื่อพวกเขาเห็นกำลังกายของทั้งสองคนยืนหยัดต่อไปไม่ไหว พวกเขาก็รับไม้ต่อพาคนไปเอง ดังนั้นจึงได้มีฉากที่ปรากฏขึ้นในหน้าจอตอนนี้
“เอาข้อมูลของสิบคนนี้ออกมา” นอกเหนือจากการชื่นชมแล้ว หัวคิ้วของร้อยโทขมวดขึ้นมาเล็กน้อย ในใจเกิดความสงสัย สมาชิกทีมนี้ร่วมแรงร่วมใจกันมากเกินไป ทำให้เขาจำเป็นต้องสงสัยว่ามีคนใช้อำนาจจงใจจัดเด็กที่สนิทสนมกันอยู่ในกลุ่มเดียวกันหรือเปล่า
ไม่นานข้อมูลของกลุ่มหลิงหลานทั้งสิบคนก็ออกมา
หลิงหลาน: บุตรชายของพลตรีหลิงเซียว รองผู้บัญชาการกองพลดาวที่เจ็ด ผู้ควบคุมหุ่นรบ IN Belief ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ ผู้สืบทอดบำเหน็จความชอบของพลตรีหลิงเซียว คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ S พลังจิต: ระดับสอง ศักยภาพ: ระดับ S
ฉีหลง: บุตรชายของพันเอกฉีเย่าหยาง ผู้บัญชาการหน่วยผู้ควบคุมหุ่นรบกองพลดาวที่สาม ผู้ควบคุมหุ่นรบ MT ฉิงเทียน ผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ S พลังจิต: ระดับสอง ศักยภาพ: ระดับ S
ลั่วล่าง: บุตรชายของพันเอกลั่วฉีเฟิง ผู้บัญชาการกองเรือที่สามของกองพลดาวที่เก้า คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ S- พลังจิต: ระดับสอง ศักยภาพ: ระดับ S-
หานจี้จวิน: บุตรชายของพันเอกหานหรง รองอธิบดีสำนักงานข่าวกรองกลางกองทัพสหพันธรัฐ คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ A+ พลังจิต: ระดับสาม ศักยภาพ: ระดับ S-
ลั่วเฉา: บุตรีของพันเอกลั่วฉีเฟิง ผู้บัญชาการกองเรือที่สามของกองพลดาวที่เก้า คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ B พลังจิต: ระดับสอง ศักยภาพ: ระดับ A-
หานซู่หย่า: บุตรีของพันตรีหานโย่ว ผู้บัญชาการกรมพลาธิการเขตฐานทัพของดาวต้นกำเนิดสหพันธรัฐ คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ B พลังจิต: ระดับสอง ศักยภาพ: ระดับ A-
หลัวเส่าอวิ๋น: พลเรือน หลานชายของร้อยเอกหลัวจี๋กวง ผู้บังคับการกองร้อยที่สามของหน่วยหุ่นรบป้องกันของผู้ควบคุมหุ่นรบกองพลดาวที่สิบสาม ผู้สืบทอดบำเหน็จความชอบของร้อยเอกหลัวจี๋กวง คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ A- พลังจิต: ระดับหนึ่ง ศักยภาพ: ระดับ A-
หยวนโหยวอวิ๋น: ลูกหลานตระกูลหยวนแห่งดาวจงซิง คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ A- พลังจิต: ระดับหนึ่ง ศักยภาพ: ระดับ A-
หลี่จิงหง: ลูกหลานตระกูลหลี่แห่งดาวโดฮา คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ B พลังจิต: ระดับหนึ่ง ศักยภาพ: ระดับ B+
เหอเฉาหยาง: พลเรือน ลูกบุญธรรมของร้อยเอกเหอส้าวจี รองผู้บังคับการกองยานรบที่เก้าของกองพลดาวที่สิบเจ็ด ผู้สืบทอดบำเหน็จความชอบของร้อยเอกเหอส้าวจี คุณสมบัติร่างกาย: ระดับ B พลังจิต: ระดับหนึ่ง ศักยภาพ: ระดับ B+
ร้อยโทเห็นข้อมูลเหล่านี้ก็รู้ว่าเด็กพวกนี้มาจากระบบครอบครัวที่แตกต่างกัน มีพลเรือน มีตระกูลชั้นสูง อย่างไรก็ตามจำนวนคนที่มาจากครอบครัวระบบกองทัพและรัฐบาลมีเยอะมากที่สุด ครอบครองจำนวนในทีมมากกว่าครึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือศักยภาพที่ด้อยมากที่สุดของเด็กพวกนี้ก็ยังไปถึงระดับ B+ ถึงแม้ว่าจะเข้าห้องพิเศษไม่ได้ แต่ก็เกินพอที่จะเข้าห้องทั่วไปได้
เมื่อร้อยโทมองไปที่แถวแรกอีกครั้ง ข้อมูลของหลิงหลานก็ทำให้เขาตื่นเต้น พลตรีหลิงเซียว ผู้ควบคุมหุ่นรบ IN Belief ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ…นั่นเป็นไอดอลของทหารนับไม่ถ้วน แต่น่าเสียดายที่เขาพลีชีพอยู่ในเส้นทางแห่งความตายของเนบิวลาหินดาษดาไปเมื่อเจ็ดปีก่อน เขายังจำได้ว่า ตอนที่ข่าวนี้มาถึงก็ทำให้ทั่วทั้งสหพันธรัฐสันคลอน ทหารทุกคนต่างโศกเศร้าเสียใจไม่หยุด
ควรทราบไว้ว่าทั่วทั้งสหพันธรัฐมีผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่ควบคุมหุ่นรบ IN แค่สิบสองคนเท่านั้น ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะแต่ละคนต่างก็เป็นสมบัติชาติของสหพันธรัฐ และเป็นกำลังรบขั้นสุดยอดที่สยบประเทศศัตรู ยิ่งไปกว่านั้นในสิบปีมานี้พลตรีหลิงเซียวก็เป็นเพียงคนเดียวที่เลื่อนขั้นมาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะของสหพันธรัฐ และก็เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบ IN ที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย
เวลานั้นทุกคนต่างเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าพลตรีหลิงเซียวอาจจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะทั้งสิบสองคนนี้ อายุคือข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเขา น่าเสียดายที่ไม้เด่นเกินไป[1] เขายังไม่ทันได้เบ่งบานฉายแสงความรุ่งโรจน์มากขึ้นก็โรยราไปก่อนเสียแล้ว
ต่อมาจากการตรวจสอบของสหพันธรัฐก็พบว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การระเบิดพลังแม่เหล็กไฟฟ้าของเส้นทางแห่งความตายจะเป็นแผนการของประเทศศัตรูที่พุ่งเป้ามายังพลตรีหลิงเซียว น่าเศร้าที่หน่วยข่าวกรองของสหพันธรัฐไม่อาจตรวจพบได้ทันก่อนหน้าสงคราม ราคาที่หน่วยข่าวกรองบกพร่องต่อหน้าที่คือความขมขื่นอย่างยิ่ง ทำให้สหพันธรัฐสูญเสียผู้ควบคุมหุ่นรบที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคตไป และยิ่งทำให้สองประเทศกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาต ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะยุติสงครามจนกว่าอีกฝ่ายจะมอดม้วย
การเสียชีวิตของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะเป็นเรื่องที่ทหารของสหพันธรัฐไม่อาจอภัยให้ได้!
…………………………………………….
[1] ไม้เด่นเกินไป มาจากสำนวนไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น หมายถึง ต้นไม้ที่เติบใหญ่เกินออกมาจากไม้ทั้งมวลในป่า สุดท้ายก็จะถูกลมพัดจนหักไป