I'M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 34 โจมตีทีเดียวจอด
หลังจากที่จู่โจมอย่างฉับไว ความเร็วของฉีหลงก็เริ่มช้าลงเป็นคนแรก เนื่องจากการระเบิดพลังจากการทะลวงขีดจำกัดใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ลมหายใจของเขาค่อยๆ ไม่สม่ำเสมอกัน ถึงขนาดที่หายใจเข้าออกถี่กระชั้นขึ้นมาเช่นกัน
หลิงหลานรู้ว่าฉีหลงน่าจะอยู่ในสภาพม้าตีนปลายแล้ว ถ้าหากฉีหลงหมดสิ้นเรี่ยวแรงล้มลงไปละก็ อาศัยเธอเพียงคนเดียวย่อมไม่สามารถตีเสมอผู้คุมสอบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ต่อสู้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องหาโอกาสอัดผู้คุมสอบเลย
หลิงหลานขมวดคิ้วแน่น และเริ่มคิดวิธีว่าจะแก้ไขสภาพอับจนนี้อย่างไร ความจริงแล้วในใจเธอรู้สึกกลัดกลุ้มมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าจะมีการต่อสู้ที่ไม่คาดคิดแบบนี้ เธอคงพกอาวุธที่มีประโยชน์ติดตัวไว้บ้างแล้ว อย่างเช่นพวกอาวุธลับ ต่อให้แทงไม่โดน แต่รบกวนความสนใจของผู้คุมสอบได้ก็ยังดี
เพียงแต่น่าเสียดายที่ตัวเธอมีเพียงน้ำยาเสริมพลังที่ใช้เพิ่มพลังกาย นอกจากนี้ปริมาณก็มีไม่มาก มีเพียงแค่สามหลอดเท่านั้น ต่อให้อยากใช้มันเป็นอาวุธลับก็ไม่มีประสิทธิภาพอะไรเหมือนกัน นอกเสียจากจะโยนของจำนวนมากออกไปก็อาจจะสามารถสร้างความมึนงงให้ผู้คุมสอบได้ แต่อาศัยแค่ของสองสามอย่างนี้ย่อมไม่อาจทำให้ผู้คุมสอบรู้สึกสับสนได้แน่นอน
ควรจะทำอย่างไรดีนะ ให้ฉีหลงกินยาเพิ่มพลังกาย?
หลิงหลานพลันเกิดความคิดแล่นวาบขึ้นมาในใจทันที ดังนั้นความเร็วของเธอเลยช้าลงตามฉีหลง ลมหายใจก็ไม่สม่ำเสมอ หลังจากนั้นก็หอบหายใจอย่างหนักหน่วง เหงื่อบนหน้าผากเริ่มหลั่งลงมาเช่นกัน คล้ายกับบอกทุกคนว่า เรี่ยวแรงของเธอจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหว จะล้มลงไปในอีกวินาทีข้างหน้า
สภาพย่ำแย่ของหลิงหลานกับฉีหลงทำให้เสียงเชียร์ของพวกเพื่อนๆ ตัวน้อยเริ่มเบาลงจนกระทั่งหายไป สีหน้าของทุกคนต่างดูผิดหวังและไม่ยินยอม ความหวังที่อยากจะอัดผู้คุมสอบดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเป็นไปได้แล้วจริงๆ
หานจี้จวินกับลั่วล่างสบตากันเองแวบหนึ่ง ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างก็เห็นรอยยิ้มเจ็บปวดระคนกลัดกลุ้ม อันที่จริงผลสรุปนี้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในการคาดการณ์ของพวกเขา เพียงแต่ในใจกลับไม่ยินยอมเลย พวกเขาคาดหวังว่าฉีหลงกับหลิงหลานจะสร้างปาฏิหาริย์ให้พวกเขาได้
ไม่มีความหวังแล้วจริงๆ เหรอ
เวลานี้เองฉีหลงที่กระโจนเข้าไปโจมตีก็ได้เผชิญหน้ากับผู้คุมสอบและปล่อยกระบวนท่าใส่อีกครั้ง คราวนี้เนื่องจากเรี่ยวแรงของเขาทนต่อไปไม่ไหว ฉีหลงเลยถูกพลังป้องกันมหาศาลของผู้คุมสอบผลักให้ถอยหลังไปหลายก้าว
ฉีหลงถอยร่นไปหลายก้าวจนสูญเสียความมั่นใจ กำลังใจที่เดิมทีฝืนให้ตัวเองยืนหยัดต่อสู้ก็คลายออก เขาเริ่มยืนไม่มั่นคงราวกับว่ากำลังจะล้มลงไป หลิงหลานเห็นดังนั้นก็รีบพุ่งตัวขึ้นหน้าไปพยุงเขาไว้ จากนั้นก็กระทืบเท้าเบาๆ พาเขาออกห่างจากผู้คุมสอบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเว้นระยะห่างกับผู้คุมสอบ
“นายไม่เป็นไรใช่ไหม!” หลิงหลานที่หันหลังให้กับผู้คุมสอบเอ่ยถามขณะกุมมือของฉีหลงไว้ด้วยความร้อนใจ
สีหน้าของฉีหลงดูหวั่นไหว จิตใจสั่นสะท้าน ราวกับเพราะว่าความเป็นห่วงของหลิงหลานทำให้เขามีความเชื่อมั่นและความกล้าในการต่อสู้อีกครั้ง เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่พยักหน้าแรงๆ เพื่อบ่งบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
หลิงหลานหันตัวไปมองผู้คุมสอบแล้วเอ่ยอย่างตัดสินใจสู้ตายว่า “ถ้างั้นพวกเราก็ต้องต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้ให้ดีๆ” สภาพภายนอกของทั้งสองคนบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไม่สามารถสู้ต่อไปได้แล้ว
ฉีหลงกำหมัดขวาของตัวเอง เอ่ยด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวว่า “ได้!” เขากล่าวจบก็ใช้มือขวาเช็ดใบหน้าตัวเองแรงๆ เหมือนกับจะเช็ดเหงื่อออกไป และก็เหมือนกับจะลบความเหนื่อยล้า มอบความเชื่อมั่นให้ตัวเอง จิตใจที่มุ่งมั่นในการต่อสู้ภายในแววตาของเขาลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนเขายังกระฉับกระเฉงกว่าตอนแรกเสียอีก
ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่าจะแพ้ แต่เขาก็จะไม่หดหัว เพราะว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา ตัดสินชี้ขาดไม่รุ่งก็ร่วง
การกระทำของฉีหลงกับหลิงหลานทำให้ผู้คุมสอบพอใจสุดขีด ความห่วงใยรักปกป้องพวกพ้อง เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ต่อให้พ่ายแพ้ก็ยังมีความกล้าต่อสู้จนถึงที่สุด สิ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นของที่ทหารชั้นยอดควรมี และเด็กสองคนนี้ต่างก็มีพวกมัน นี่หาได้ยากมาก เขาดีใจที่ตัวเองสามารถหาหน่ออ่อนที่ดีเลิศขนาดนี้เจอ
ฉีหลงลงมือโจมตีเป็นคนแรก ถึงแม้ว่าหมัดที่ต่อยติดต่อกันหลายชุดจะมีความเร็วและพลัง แต่ผู้คุมสอบก็ยังหลบได้สบายอยู่ดี ไม่มีทางแล้ว ฉีหลงใช้กระบวนท่าต่อสู้ที่ตัวเองรู้ไม่กี่ท่านี้ซ้ำไปซ้ำมา ต่อให้ผู้คุมสอบไม่อยากจำ ร่างกายของเขาก็คุ้นชินกับวิธีการโจมตีของฉีหลงและรับมือได้อย่างคล่องแคล่วง่ายดายมาก
ผู้คุมสอบเพิ่งจะหลบการโจมตีของฉีหลง หลิงหลานที่อยู่ทางด้านนั้นก็พุ่งเข้ามาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ความสนใจของผู้คุมสอบอยู่ที่ตัวของหลิงหลานมาตั้งแต่ต้นแล้ว เมื่อเทียบกับฉีหลงแล้ว หลิงหลานเป็นตัวปัญหามากกว่า ถึงแม้ว่ากระบวนท่าต่อสู้ของหลิงหลานจะไม่ได้มากมายขนาดนั้น (เพิ่งจะเรียนทักษะการต่อสู้พื้นฐานไปหนึ่งชุด) แต่หลิงหลานฉลาดกว่าฉีหลงมาก เธอไม่เคยทำตามลำดับท่าเลย ทว่าเปลี่ยนกระบวนท่าไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ต่อสู้ นี่จึงทำให้ผู้คุมสอบจำเป็นต้องใช้ความคิดอยู่บ้าง
ผู้คุมสอบมองเห็นหลิงหลานชกมาหนึ่งหมัด มันยังคงเหมือนกับการโจมตีตามปกติของเธอที่โจมตีใส่จุดที่เขาเจ็บปวดที่สุดและก็รับมือได้ยากมากที่สุด จุดเหล่านี้ต่างก็เป็นมุมอับพื้นฐานในการป้องกันของมนุษย์ ป้องกันยากมาก ถ้าไม่หลบก็ใช้การโจมตีแทนการป้องกัน โจมตีกลับใส่อีกฝ่ายเพื่อบีบให้ฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนกระบวนท่า
ผู้คุมสอบต่อยไปที่หน้าอกของหลิงหลานหนึ่งหมัดโดยที่ไม่ใคร่ครวญเลยสักนิด เขามีแขนยาวและมือขนาดใหญ่ ต่อให้เป็นการโจมตีกลับ เขาก็ย่อมโจมตีหลิงหลานได้ก่อนแน่นอน และหลิงหลานที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนกระบวนท่าละทิ้งการโจมตีของตัวเองเหมือนกับที่เขาคาดหวังไว้แบบนั้นจริงๆ ถึงอย่างไรก็รู้ดีว่ามันเป็นการโจมตีที่ไร้ประโยชน์ ถ้ายังดึงดันโจมตีต่อไป นอกจากจะทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บแล้ว ยังไม่สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้ด้วย คนฉลาดย่อมไม่ทำเรื่องโง่เง่าแบบนี้
ในเวลานี้เอง เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น หลิงหลานไม่ได้หลบและยังคงโจมตีเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งขวางทางเขาที่กำลังโจมตีใส่หลิงหลาน เป็นฉีหลง!
แย่แล้ว! ผู้คุมสอบรู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว แต่เป็นเพราะว่าทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันจนไม่อาจเปลี่ยนท่าได้แล้ว เขารีบเก็บแรงที่มือก่อนจะรู้สึกได้ว่าฝ่ามือของตัวเองซัดใส่หน้าอกของฉีหลงอย่างหนักหน่วง
“อ๊าก!” ฉีหลงร้องโหยหวน ทั่วทั้งร่างถูกพลังสายนี้ซัดจนกระเด็นออกไป เขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่งขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ หลังจากนั้นร่างของเขาก็ร่วงลงมาที่พื้นและไม่ไหวติงอีก
“อ้า…ฉีหลง เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว!” พวกเพื่อนๆ ตัวน้อยที่ชมการต่อสู้ต่างพากันร้องตกใจ หานจี้จวินยิ่งตกตะลึงหน้าซีดเผือด
ผู้คุมสอบตกใจทันที หรือว่าเขาเก็บแรงช้าเกินไป? ความสนใจของเขาในตอนนี้ถูกฉีหลงดึงดูดไปแล้ว เขาเห็นฉีหลงนอนเหยียดอยู่บนพื้น ขณะที่กระอักเลือดออกมาจากมุมปากของเขาติดต่อกันไม่หยุด
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หรือว่าเขาโจมตีใส่ฉีหลงโดยที่เก็บพลังกลับไปไม่ทันจริงๆ? ทำร้ายอวัยวะภายในร่างกายของเขา? ความคิดของผู้คุมสอบสับสนยุ่งเหยิงไปหมด เขาไม่สนใจอย่างอื่นแล้ว ในสายตาของเขามีเพียงฉีหลงที่นอนกระอักเลือดอยู่บนพื้นเท่านั้น
โครม!
เสียงของกำปั้นอันทรงพลังที่อัดใส่กายเนื้อดังลั่นขึ้นมาทันใด ก่อนจะเห็นผู้คุมสอบถูกพลังมหาศาลซัดจนกระเด็นออกไปแล้วร่วงลงกับพื้นอย่างรุนแรง
ที่แท้หลิงหลานก็ไม่ได้ละทิ้งการโจมตีของตัวเอง เธอฉวยโอกาสตอนที่จิตใจของผู้คุมสอบสับสนวุ่นวาย และไม่ได้สนใจเธอเพื่อโจมตีทีเดียวจอด
หลิงหลานเป่าอาวุธที่ทำร้ายคนของตัวเอง ซึ่งก็คือกำปั้นขาวเนียนน้อยๆ ของเธอ และเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะคิกคักว่า “ภารกิจสำเร็จ อัดผู้คุมสอบได้แล้ว แต่ว่าผู้คุมสอบ คุณคงไม่ปรับพวกเราตกเพราะว่าอายจนโมโหหรอกใช่ไหมครับ”
………………………………………………..