I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 153 เทพีแห่งโชคลาภ
หลังจากนั้นพวกเขามองเห็นสะเก็ดไฟพวยพุ่งออกมาตรงจุดข้อต่อไหล่ขวาของหุ่นรบฮิงูเระตัวนั้น มีดคลื่นแม่เหล็กเล่มหนึ่งเสียบเข้าไปตรงนั้นเผยให้เห็นแค่ด้ามมีดเท่านั้น หลายคนเข้าใจทันทีว่าแสงสีขาวเมื่อสักครู่นี้คืออะไร ที่แท้หุ่นรบสหพันธรัฐได้ซัดมีดคลื่นแม่เหล็กในมือออกไปกลางอากาศในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานที่สุด ตำแหน่งที่เลือกก็คือตรงข้อต่อที่มีการป้องกันเปราะบางมากที่สุดของหุ่นรบ ทำการโจมตีทีเดียวสำเร็จ!
ท่วงท่าการต่อสู้เป็นเอกลักษณ์ของผู้ควบคุมหุ่นรบสหพันธรัฐทำให้พวกเขาได้เปิดโลกทัศน์อย่างไม่ต้องสงสัย และก็ทำให้พวกเขาไม่ได้ถูกจำกัดด้วยหลักคำสอนประสบการณ์คนรุ่นก่อนในตอนที่พวกเขาเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบในอนาคต พวกเขาที่กล้าคิดกล้าทำได้สร้างท่วงท่าการต่อสู้ที่แสนวิเศษรูปแบบของตัวเองในการบังคับหุ่นรบออกมานับไม่ถ้วน…
จนตอนนี้หุ่นรบสหพันธรัฐเข้าประชิดตัวหุ่นรบฮิงูเระได้สำเร็จตามที่หวังไว้ แต่ว่ามันไม่มีอาวุธแล้วเลยได้แต่อาศัยแขนจักรกลสองข้างที่หลงเหลืออยู่แค่อย่างเดียวกอดรัดหุ่นรบศัตรูเอาไว้แน่นๆ แล้วก็เห็นห้องคนขับดีดตัวออกไปตามสถานการณ์…
นอกจากหลินจงชิงแล้ว พวกฉีหลงต่างก็เป็นคนที่มาจากระบบทหารรัฐบาล ถึงแม้ว่าจะไม่เคยบังคับหุ่นรบจริงๆ มาก่อน แต่ก็ยังเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับหุ่นรบมาก รู้ว่าหุ่นรบสหพันธรัฐเลือกระเบิดตัวเองเพื่อมาจัดการคู่ต่อสู้คนสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม เวลาในการระเบิดตัวเอง 30 วินาทีสามารถทำให้ห้องคนขับพ้นจากรัศมีการระเบิดได้อย่างปลอดภัยเหรอ? อันที่จริงกลไกการระเบิดตัวเองของหุ่นรบคือใช้เพื่อตายไปด้วยกันกับศัตรู…
“ตูม!” “เคร้ง!” “ปัง!”
เสียงแรกมาจากเสียงระเบิดตัวเองของหุ่นรบสหพันธรัฐ บางทีพลังงานอาจจะระเบิดกระแทกอะไรบางอย่าง ปืนใหญ่พลังงานลำแสงบนแขนขวาของหุ่นรบฮิงูเระพลันระเบิดแตกกระจายออกมา แล้วหุ่นรบฮิงูเระก็เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงตามมาติดๆ
แน่นอนว่าห้องคนขับของฝ่ายตรงข้ามเองก็ดีดตัวออกมาก่อนหน้าการระเบิดขนาดใหญ่ เพียงแต่การระเบิดสองครั้งที่ตามมาได้เพิ่มอานุภาพของการระเบิดครั้งใหญ่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ฝ่ายตรงข้ามไม่มีเวลาหนีออกจากรัศมีการระเบิด และถูกเป่ากระเด็นอยู่ท่ามกลางการระเบิดทันที กลายเป็นถ่านควันโขมงร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว
พวกฉีหลงไม่ต้องตรวจสอบก็รู้ว่า ผู้ควบคุมหุ่นรบของฮิงูเระย่อมต้องตายไปแล้ว แค่มองขนาดของห้องคนขับที่หดลงเหลือครึ่งเดียวก็รู้แล้วว่าคนข้างในไม่มีชีวิตอยู่แล้วแน่นอน
โชคดีที่ห้องคนขับของหุ่นรบฮิงูเระส่งตัวออกมาค่อนข้างเร็ว นอกจากนี้ความเร็วในการบินยังเหนือกว่าขีดจำกัดในระดับหนึ่งด้วย พริบตาเดียวมันก็ออกห่างจากใจกลางระเบิดไปเกือบห้าร้อยเมตรแล้ว เพิ่งจะหลุดพ้นจากขอบเขตที่อันตรายที่สุด ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ มันก็ยังถูกแรงระเบิดที่หลงเหลือผลักให้ออกไปเกือบหนึ่งร้อยเมตรอีกครั้ง หลังจากนั้นถึงค่อยร่วงลงเป็นเส้นโค้งตามธรรมชาติไปสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
พวกฉีหลงรู้สึกเครียดอย่างยิ่งยวด หัวใจเด้งโลดขึ้นสูงมาก ภาวนาในใจเงียบๆ ว่าแรงระเบิดที่หลงเหลือเมื่อสักครู่นี้จะไม่ได้ทำลายออปติคัลคอมพิวเตอร์ด้านในห้องคนขับ….
คำภาวนาของพวกเขาได้ผล เมื่อห้องคนขับตกลงมาในความสูงระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นระดับความสูงที่พอดีที่สุด แรงขับเคลื่อนสะท้อนกลับของห้องคนขับก็ถูกเปิดใช้ตามเวลา ลดแรงโน้มถ่วงในการตกลงมาของห้องคนขับ
การที่ห้องคนขับดีดตัวออกมาหลังจากการระเบิดตัวเองเป็นสถานการณ์มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นการติดตั้งในลักษณะปลอบใจอย่างหนึ่ง เนื่องจากจะต้องเปิดใช้งานแรงสะท้อนที่ถูกต้องแม่นยำสำหรับรัศมีการระเบิดตัวเองและระดับความสูงที่ดีดตัวออกมา ทุกข้อจะขาดไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นต่อให้ดีดตัวออกไปแล้วก็เป็นเส้นทางแห่งความตายเหมือนกัน
โชคดีที่ห้องคนขับถูกเสี่ยวซื่อควบคุมไว้ ไม่เช่นนั้นหากอาศัยออปติคัลคอมพิวเตอร์ของสหพันธรัฐในตอนนี้ ยังไม่รู้จริงๆ ว่าจะได้ผลลัพธ์อะไร ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของสหพันธรัฐทำได้แค่จดจำข้อมูลบางอย่างไว้ทื่อๆ เท่านั้น ทำงานตามสูตรที่ตั้งค่าไว้แล้ว โดยที่ไม่สามารถพิจารณาตัวแปรอื่นๆ ได้เลย
เมื่อเห็นห้องคนขับตกลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัยภายใต้แรงสะท้อนกลับ พวกฉีหลงค่อยรู้สึกโล่งใจทันที พวกเขารีบวิ่งไปยังจุดที่ห้องคนขับตกลงมา ตรวจสอบสภาพของอีกฝ่าย ถ้าหากทำแบบนี้แล้วสามารถช่วยเหลือได้ เช่นนั้นการที่พวกเขารีบมาก็คุ้มค่ามากพอแล้ว
“ลูกพี่ ลูกพี่ พวกเราปลอดภัยแล้ว” การคำนวณที่แม่นยำของเสี่ยวซื่อทำให้ห้องคนขับร่วงลงสู่พื้นด้วยความปลอดภัย เขาตะโกนเรียกหลิงหลานด้วยความตื่นเต้น อยากให้ลูกพี่ชมเชยเขาสักหน่อย
อย่างไรก็ตาม ภายในห้องคนขับเงียบสนิท เสี่ยวซื่อค่อยสังเกตเห็นว่ามุมปากของลูกพี่กำลังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด “ลูกพี่ เธออย่าทำให้ฉันกลัวสิ รีบตื่นเร็วเข้า!” เขาตะโกนสุดชีวิต แต่หลิงหลานยังคงเงียบกริบ เสี่ยวซื่อนึกอะไรบางอย่างได้ เขารีบวิ่งจากออปติคัลคอมพิวเตอร์กลับเข้าไปในมิติการเรียนรู้เพื่อตามหาหลิงหลาน แต่กลับพบว่าหลิงหลานไม่ได้อยู่ที่นี่ ทันใดนั้น เขาก็ลนลานขึ้นมา เขารู้ว่าเหตุการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว
“ลูกพี่ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป ตอนนี้ต้องให้เธอกินยารักษา…” เสี่ยวซื่อตระหนักได้ว่า เขาเป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ที่ไร้รูปร่าง ไม่มีมือเท้ามาป้อนหลิงหลานเลย เวลานี้เสี่ยวซื่อเกลียดที่ทำไมมันเป็นแค่สิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่มีร่างจริงมากๆ
ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสี่ยวซื่อก็สัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้รอบๆ บริเวณ เขาสแกนออกไปด้วยความเคร่งเครียดก่อนจะเห็นร่างหลายคนที่ดูคุ้นเคย จากนั้นก็ยินดีอย่างบ้าคลั่งทันที ‘คราวนี้ลูกพี่มีทางรอดแล้ว! ที่แท้ก็เป็นพวกฉีหลงที่มาถึง’
ฉีหลงมองเห็นห้องคนขับกำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นจากที่ไกลๆ เขาส่งสัญญาณให้พวกหานจี้จวินสามคนที่ตามหลังมารออยู่ที่นี่ แล้วเข้าไปใกล้ๆ ห้องคนขับด้วยความระมัดระวัง อยากจะสำรวจสภาพการณ์ใกล้ๆ
เขาเพิ่งจะเดินไปถึงจุดที่อยู่ห่างจากห้องคนขับไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร ประตูห้องคนขับก็เปิดออกมาฉับพลัน ทำให้ฉีหลงสะดุ้งด้วยความตกใจ ตามต่อด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยินดี การที่ห้องคนขับเปิดออกมาจากด้านใน นั่นก็หมายความว่าคนด้านในยังมีชีวิตอยู่ ไม่อย่างนั้นมันไม่สามารถเปิดออกมาได้เอง แน่นอนว่าฉีหลงย่อมไม่รู้ว่าบนโลกนี้ยังมีเสี่ยวซื่อตัวตนที่น่าอัศจรรย์อยู่
ฉีหลงไม่ได้เลือกเข้าไปใกล้ หากแต่อดทนรอให้ผู้ควบคุมหุ่นรบด้านในออกมา คนแปลกหน้าเข้าไปใกล้อย่างไม่มีเหตุผลจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายมากโดยไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะในสนามรบ ทหารที่ผ่านสงครามนองเลือดมามีความรู้สึกไวอย่างยิ่งยวด หากมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ก็จะทำการโจมตีกลับ ถึงแม้ว่าฉีหลงมีใจพยายามช่วยเหลือผู้มีพระคุณ แต่เขาก็ไม่อยากทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่อย่างไม่มีเหตุผล เขาไม่ได้สูญเสียความระมัดระวังที่ควรมีไป แน่นอนว่าการซึมซับอิทธิพลของหลิงหลานในหลายปีที่ผ่านมานี้ก็เป็นสาเหตุเช่นกัน
ฉีหลงอดทนรออยู่หลายนาทีแต่ก็ไม่เห็นมีใครออกมาจากในห้องคนขับ ความจริงแล้วเสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้องคนขับได้กระโดดเร่าๆ ด้วยความร้อนใจแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้ละก็ เขาคงตะโกนเรียกพวกฉีหลงให้เข้ามานานแล้ว
การที่ฉีหลงไม่รุดไปข้างหน้าทำให้พวกหานจี้จวินที่อยู่ด้านหลังรู้สึกสงสัย หานจี้จวินรีบพาลั่วล่างกับหลินจงชิงมาอยู่ที่ข้างกายฉีหลง เวลานี้พวกเขาก็มองเห็นห้องคนขับที่เปิดออกเช่นกัน
“ฉีหลง คนด้านในได้รับบาดเจ็บก็เลยปีนออกมาไม่ได้หรือเปล่า?” หานจี้จวินคิดถึงความเป็นไปได้ข้อนี้
แววตาของฉีหลงเปล่งประกายขึ้นมา ลอบเอ่ยขึ้นลับๆ ว่าที่หานจี้จวินพูดมาก็มีเหตุผล ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขึ้นหน้าไปดูคนเดียว ให้พวกหานจี้จวินรออยู่ที่นี่ต่อไป เขาเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ก่อนจะเห็นว่าคราบเลือดสาดกระเซ็นในห้องคนขับ เดิมทีเขายังระวังตัวอยู่เล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้เขาทิ้งมันไปหมดแล้ว เขารีบเร่งฝีเท้าเดินไปที่หน้าประตูห้องคนขับแล้วสำรวจเข้าไปข้างใน
“จี้จวิน แย่แล้ว พวกนายรีบเข้ามาเร็ว!” เสียงของฉีหลงแฝงไปด้วยความโศกเศร้า
ในใจหานจี้จวินพลันตื่นตระหนกขึ้นมา หรือว่าผู้ควบคุมหุ่นรบด้านในเป็นญาติของฉีหลง? เขารีบพาลั่วล่างกับหลินจงชิงวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นร่างเด็กที่มีเลือดไหลออกจากมุมปากไม่หยุด นอนหมดสติอยู่ด้านใน เขาก็ตะโกนด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีว่า “ลูกพี่หลาน! นี่มันเป็นไปไม่ได้ จะเป็นเขาไปได้ยังไง…” นั่นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชานะ ลูกพี่หลานเพิ่งจะสิบขวบ ไม่มีทางที่จะบังคับหุ่นรบได้ หานจี้จวินรู้สึกว่าตอนนี้ข้อมูลเรื่องหุ่นรบที่เขาเคยได้รับมาเมื่อก่อนได้พังทลายลงไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
“ลูกพี่หลาน จะตายหรือเปล่า?…” ลั่วล่างเห็นสภาพย่ำแย่ของหลิงหลานก็รู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วร่าง ร่างกายสั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ส่วนหลินจงชิงยิ่งตกตะลึง หาสติสตังกลับมาไม่ได้ไปชั่วขณะ
“รีบป้อนยารักษาสิ…” หานจี้จวินเห็นคนอื่นๆ ตรงหน้าต่างตกใจไป ก็รีบเก็บงำความรู้สึกตื่นตะลึงทันทีก่อนจะเอ่ยสั่งการอย่างใจเย็น
“อ้อๆ…” พวกฉีหลงหายาออกมาจากในกระเป๋าเป้ด้วยความลนลาน อยากจะป้อนให้หลิงหลาน แต่ว่าเนื่องจากมือสั่นยาก็เลยถูกเทออกไปด้านนอก ไหลลงมาจากด้านข้างมุมปาก
“ฉันเอง!” หานจี้จวินผลักเจ้าพวกโง่ที่ปกติใจกล้าแต่ว่าตอนนี้กลับลนลานจนมือไม้สับสนออกไป เขาคว้ายาหลอดหนึ่งจากในมือของลั่วล่าง ส่วนมือซ้ายก็บีบปากของหลิงหลานให้เปิดออกก่อนจะกรอกยาลงไป
“เอามาอีก!” หานจี้จวินให้สัญญาณว่าจะกรอกยาต่อ หลังจากที่กรอกยาไปแล้วห้าหลอดก็ค่อยหยุด
ประสิทธิภาพของยาห้าหลอดไม่เลวเอามากๆ หลิงหลานที่เดิมทีใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด บัดนี้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดีขึ้น สภาพที่แต่เดิมยังกระอักเลือดออกมาไม่หยุดก็เริ่มดีขึ้นเช่นกัน สามนาทีให้หลัง หลิงหลานไม่ได้กระอักเลือดอีกต่อไปแล้ว
“พวกเราต้องรีบกลับค่ายที่พัก ไม่อย่างนั้นบาดแผลบนร่างกายลูกพี่จะไม่มีทางรักษา ถ้าเกิดผลเสียแอบแฝงไว้จะทำลายอนาคตของลูกพี่ได้!” เมื่อเห็นว่าหลิงหลานหลุดพ้นจากอันตรายถึงชีวิตแล้ว ความเยือกเย็นของฉีหลงก็กลับมา
คำพูดของฉีหลงย่อมได้รับความเห็นชอบจากทุกคน พวกเขายกหลิงหลานออกมาจากในห้องคนขับอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็หาวัสดุรอบๆ บริเวณเตรียมสร้างเปลหามง่ายๆ สักอันมายกหลิงหลานไป ถึงยังไงให้หลิงหลานนอนไม่ต้องขยับเขยื้อนจะดีกับสภาพของหลิงหลานในตอนนี้มากกว่า
ในตอนที่ค้นหาวัสดุ พวกเขาเจอปืนใหญ่พลังงานลำแสงที่ถูกหัวหน้าทีมจำใจทิ้งไว้ ปืนใหญ่พลังงานลำแสงมีขนาดใหญ่มากและหนักมาก หากคิดจะอาศัยพวกเขาสี่คนแบกเจ้านี่ไป นั่นคือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
หานจี้จวินครุ่นคิดแล้วก็ให้ฉีหลงและคนอื่นๆ แบกห้องคนขับของหลิงหลานมาที่ปืนใหญ่พลังงานลำแสง วางห้องคนขับไว้ตรงตำแหน่งแนวโจมตีของปืนใหญ่พลังงานลำแสงภายใต้แววตางุนงงของพวกฉีหลง หลังจากนั้นก็ยิงปืนใหญ่พลังงานออกไป หลอมละลายห้องคนขับของหลิงหลานจนหมด ไม่หลงเหลือร่องรอยเลยสักนิดเดียว
เวลานี้ฉีหลงกับพวกลั่วล่างถึงค่อยตระหนักสาเหตุที่หานจี้จวินทำแบบนี้ได้ การทำลายห้องคนขับก็คือการทำลายกล่องดำข้างใน ไม่มีใครสามารถได้รับรู้เรื่องราวจากข้างในว่าหลิงหลานสังหารหุ่นรบไพ่ราชาของฮิงูเระติดต่อกันได้สามตัว (พวกเขาไม่รู้ว่าเสี่ยวซื่อทำลายข้อมูลของกล่องดำไปหมดแล้ว) ความสามารถที่แท้จริงของหลิงหลานเลยสามารถปิดบังต่อไปได้ ไม่ได้ถูกผู้คนค้นพบ ควรรู้ไว้ว่าถ้าเกิดถูกคนพบเข้า ต่อไปหลิงหลานจะต้องเจอปัญหาหนักมากแน่นอน ถึงขนาดที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ พวกเขาต่างเข้าใจหลักการเรื่องไม้เด่นเกินไพรย่อมถูกลมพัดหักโค่น[1]ดี
ทั้งสี่คนทำลายของทุกอย่างที่สามารถเปิดเผยความสามารถของหลิงหลานเช่นนี้เอง จากนั้นก็ค่อยพาหลิงหลานที่สลบไสลกลับไปยังค่ายที่พัก
ตลอดทางของพวกเขาลำบากมาก มีหลายครั้งที่พวกเขาเกือบจะกลายเป็นอาหารของสัตว์อสูรระดับ F แล้ว เพียงแต่ ทุกครั้งที่ตกสู่ช่วงเวลาอับจนหนทาง จู่ๆ สัตว์อสูรนั้นก็หันหน้าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในชั่วพริบตา…มันทำให้พวกเขางุนงง ในขณะเดียวกันก็ดีใจที่พวกเขาได้รับความรักเมตตาของเทพีแห่งโชคลาภที่ทำให้เรื่องมหัศจรรย์อย่างการรอดชีวิตแปลกประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง
เสี่ยวซื่อที่อยู่ด้านข้างเบ้ปากทันที ไม่พอใจเทพีแห่งโชคลาภที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนแย่งชิงผลงานของเขาไป ‘ให้ตายสิ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันปลดปล่อยไอชั่วร้ายกระหายเลือดที่ปกปิดไว้บนตัวลูกพี่ออกมาข่มขู่ให้ไอ้เจ้าพวกนั้นกลัวจนวิ่งหนีไปละก็ พวกนายคงกลายเป็นมูลสัตว์ของสัตว์อสูรไปนานแล้ว…ยังจะมาเทพีแห่งโชคภาพอีก….’
…………………….