I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 293 วางแผน!
ภายในบ้านพักของหลี่หลานเฟิงมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนสามคนอีกครั้ง นอกจากนี้สีหน้าก็ดูจริงจังสุดขีดด้วย พวกเขาก็คือจ้าวจวิ้น หานอวี้และเว่ยจี้สามคนนี่เอง
หลี่หลานเฟิงที่กำลังนั่งเปิดข้อมูลคลิปวิดีโอในห้องนั่งเล่นเห็นพวกเขามาเยี่ยมเยือนกะทันหันก็มองพวกเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เอ่ยถามว่า “ทำไมสีหน้าพวกนายสามคนดูแย่ขนาดนี้ล่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
จ้าวจวิ้นเอ่ยด้วยใบหน้าหมองหม่น “จากข้อมูลล่าสุดที่พวกเราได้รับมา ราชันสายฟ้าออกจากการกักตนแล้ว”
นิ้วมือของหลี่หลานเฟิงที่สไลด์หน้าจออยู่แข็งทื่อไปทันใด หลังจากนั้นก็เอ่ยพลางสไลด์นิ้วต่ออย่างเงียบเชียบ “เขาเลื่อนขั้นแล้วเหรอ?”
หานอวี้ยิ้มหยันเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เขากลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบอัจฉริยะคนแรกของโรงเรียนทหารเราที่อยู่ปีสี่ก็เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว ทุกคนต่างบอกว่าเขาจะเป็นนายพลหลิงเซียวคนต่อไป!”
“นี่เป็นเรื่องดี ตอนที่พวกเราสอบเข้ากองพลก็จะไม่เหมือนกับปีนี้ที่กองพลไม่เห็นเราอยู่ในสายตามากๆ ส่งแค่ลิ่วล้อตัวเล็กๆ มาจัดการ” หลี่หลานเฟิงตอบอย่างเฉยเมย
“หลี่หลานเฟิง เลิกดูได้แล้ว” หานอวี้เอามือข้างหนึ่งขวางหน้าจอในมือหลี่หลานเฟิง เขาจ้องหลี่หลานเฟิงและกล่าวว่า “นายไม่รู้หรือไงว่านี่หมายความว่าอะไร?”
หลี่หลานเฟิงวางหน้าจอแสดงผลขนาดเล็กในมือไว้ที่ด้านข้างด้วยความเสียใจ เงยหน้าตอบว่า “ฉันรู้ ราชันสายฟ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา ก็หมายความว่าเขากลายเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารอย่างแท้จริง พวกเราไม่สามารถต่อสู้ช่วงชิงกับเขาได้เลย”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ฉันกังวลว่าเขาจะฉวยโอกาสคิดปกครองโรงเรียน ถึงขนาดที่ควบรวมกลุ่มอำนาจทั้งหมดของโรงเรียน กลายเป็นราชาที่แท้จริงของโรงเรียนด้วย” เว่ยจี้ขมวดคิ้วกล่าว เวลานี้นิสัยที่เดิมทีสงบนิ่งราวกับสายน้ำของเขาหายไปแล้ว เห็นได้ว่าการที่ราชันสายฟ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้ทำร้ายเขาอย่างมหาศาล
“ไม่หรอก เขาเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชา ระดับขอบเขตยังไม่มั่นคง ราชันสายฟ้าไม่มีทางลงมือกับพวกเราเร็วขนาดนั้น” หลี่หลานเฟิงครุ่นคิดสักพักแล้วก็ปฏิเสธทันที
“ต้องมีสักวันที่ระดับขอบเขตของเขาจะมั่นคง พวกเราทุกคนต่างรู้ว่า ราชันสายฟ้าอยากเป็นราชาที่แท้จริงของโรงเรียนมานานมากแล้ว” หานอวี้เอ่ยด้วยความกังวล
“ราชาเหรอ…” หลี่หลานเฟิงเอ่ยเสียงนี้อย่างล่องลอยอยู่บ้าง ไอเย็นสายหนึ่งคล้ายกับปกคลุมร่างของพวกเขาสามคน แต่วินาทีถัดมาก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว พวกเขามองไปทางหลี่หลานเฟิงด้วยความตะลึงงัน อีกฝ่ายยังคงยิ้มที่มุมปาก กลิ่นอายอบอุ่นที่ตลบอบอวลรอบตัวไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ราวกับว่าความรู้สึกเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงความเข้าใจผิดของพวกเขาเท่านั้น
“อยากหยุดไม่ให้เขากลายเป็นราชาของโรงเรียน มีเพียงพวกเราต้องแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น” หลี่หลานเฟิงคล้ายกับไม่รู้สึกถึงความตกตะลึงของพวกเขาสามคน เขาเสนอความคิดของตัวเองออกมาตรงๆ
“ถึงแม้พวกเขาจะเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษแล้ว แต่นอกจากจ้าวจวิ้นแล้ว ฉันกับเว่ยจี้ต่างก็เป็นมือใหม่ของปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษ การจะทำให้ระดับขอบเขตนี้มั่นคงได้ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลื่อนขึ้นเลย มีเพียงจ้าวจวิ้นเท่านั้นที่มีความหวังว่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชา” หานอวี้มองไปทางจ้าวจวิ้นที่มีร่างกำยำทรงพลังด้วยสีหน้าคาดหวัง เขาหวังว่าได้รับข่าวดีจากปากของอีกฝ่าย
จ้าวจวิ้นส่ายหน้า “ฉันไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นไปได้ว่าจะเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาเลย ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ฉันได้แต่ทำให้ความสามารถปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษของตัวเองเสถียรขึ้นเท่านั้น
คำพูดของจ้าวจวิ้นทำให้หานอวี้และเว่ยจี้ทำหน้าผิดหวัง ผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาที่มีระดับขอบเขตมั่นคงสามารถต่อกรกับปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษห้าหกคนได้อย่างสบายๆ ต่อให้กลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋ของพวกเขาส่งหน่วยรบปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษขึ้นไป ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันสายฟ้าเช่นกัน…ยิ่งไปกว่านั้นข้างกายราชันสายฟ้ายังมีเพื่อนร่วมรบที่แข็งแกร่งทรงพลังอยู่ด้วย พวกเขาก็เป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับพิเศษเหมือนกัน
“ฉันไม่ได้บอกว่าการแข็งแกร่งขึ้นคือการเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาสักหน่อย นั่นเป็นเรื่องที่ไม่อาจร้องขอมาได้นะ” หลี่หลานเฟิงเห็นแบบนี้ก็รู้ว่าพวกเขาเข้าใจความหมายของเขาผิดไป เลยรีบเอ่ยปากอธิบาย
“ถ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาไม่ได้ พวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไงล่ะ?” ดวงหน้าของหานอวี้หม่นหมองลงฉับพลัน เขาเกลียดใบหน้าของหลี่หลานเฟิงที่เหมือนกับควบคุมทุกอย่างไว้แล้ว ราวกับยืนยันความโง่เง่าของพวกเขาทางอ้อมก็ไม่ปาน แต่น่าเศร้าที่ตอนนี้พวกเขาแยกจากแผนการที่หลี่หลานเฟิงวางไว้ไม่พ้น หานอวี้รู้สึกมาตลอดว่าทุกครั้งที่มาหาหลี่หลานเฟิง ใบหน้าหัวหน้ากลุ่มของตัวเองถูกหลี่หลานเฟิงตบอย่างรุนแรง
“ในเมื่อสู้คนเดียวไม่ได้ พวกเราก็ได้แต่ใช้จำนวนมาเอาชนะแล้ว” หลี่หลานเฟิงเหมือนไม่รู้สึกถึงความไม่พอใจของหานอวี้ เขายังคงเอ่ยคำแนะนำของเขาอย่างสงบนิ่ง
“จำนวน? เหลยถิงเป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียนเรานะ มีสมาชิกกลุ่มมากที่สุดในหมู่กลุ่มอำนาจทั้งหมด พวกเราจะใช้จำนวนอะไรมาคว้าชัยชนะได้?” หานอวี้ได้ยินคำกล่าว ใบหน้าก็ทะมึนมากยิ่งขึ้น หลี่หลานเฟิงคนนี้กำลังล้อเขาเล่นอยู่ใช่ไหม?
“เหลยถิงเป็นกลุ่มที่จำนวนคนเยอะมากที่สุดในหมู่กลุ่มอำนาจของโรงเรียนเราจริงๆ ไม่ว่ากลุ่มอำนาจไหนของพวกเราก็เทียบมันไม่ได้เลย แต่ถ้าเกิดกลุ่มอำนาจสองกลุ่มรวมตัวกันล่ะ? หรือว่ากลุ่มอำนาจสามหรือสี่กลุ่มรวมตัวกันล่ะ?” หลี่หลานเฟิงคิดว่าตอนนี้ไม่ควรต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นเวลาที่ร่วมมือกันต่อต้านเหลยถิง
คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้แววตาของหานอวี้และเว่ยจี่เปล่งประกาย หานอวี้ใจเต้นอย่างรุนแรง แต่ก็อดลังเลอยู่บ้างไม่ได้ “ไม่รู้ว่าเทียนจีกับศูนย์กลางโดฮาจะยอมร่วมมือหรือเปล่า” ถ้าหากพวกเขาสามกลุ่มอำนาจร่วมมือกัน ต่อให้ราชันสายฟ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาก็ไม่มีทางเขมือบพวกเขาลงได้เช่นกัน
“อยากให้โดฮาร่วมมือกับเรา ฉันมีวิธี ตอนนี้เทียนจีกำลังอยู่ในจุดตกต่ำที่สุด ถ้าพวกนายสองฝ่ายลงมือท้าประลองพร้อมกัน ฉันเชื่อว่าอันดับของพวกเขาจะต้องเลื่อนขึ้นมาแน่นอน พอพวกเรากลายเป็นกลุ่มอำนาจอันดับสอง มีโดฮาเป็นพันธมิตรแล้วร่วมมือกับกลุ่มอำนาจอื่นอีก ต่อให้ไม่มีเทียนจีก็ไม่ส่งผลอะไรต่อการเป็นปฏิปักษ์กับเหลยถิง” หลี่หลานเฟิงบอกแผนการของเขาให้หานอวี้ฟังด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ส่วนอู๋จี๋สามารถปีนขึ้นไปได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูหัวหน้าอย่างหานอวี้คนนี้ว่ามีความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่หรือเปล่า
สีหน้าของหานอวี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขากับเว่ยจี้สบตากันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของหลี่หลานเฟิงกำลังกวนตรงจุดที่เขารู้สึกคันซึ่งซ่อนลึกอยู่ภายในใจหานอวี้ เขาไม่กล้าต่อกรกับเหลยถิง แต่เขาจ้องตำแหน่งกลุ่มอำนาจอันดับสองของเทียนจีตาเป็นมันจนถึงทุกวันนี้ และตอนนี้เขาพบว่าเขามีโอกาสดีที่จะแย่งชิงตำแหน่งกลุ่มอำนาจอันดับสองมาได้จริงๆ ภายใต้การเตือนสติของหลี่หลานเฟิง…เขาใจเต้นแล้ว!
ในที่สุดหานอวี้ก็ลุกพรวดขึ้นมา ทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะชาตรงหน้าอย่างหนักหน่วง กัดฟันกล่าวว่า “จัดไป”
หานอวี้กับเว่ยจี้มีทางไปแล้วก็รีบบอกลาหลี่หลานเฟิง ส่วนจ้าวจวินคิดจะอยู่ต่ออีกสักพัก อ้างอิงจากคำพูดของเขาบอกว่า พวกหานอวี้กับเว่ยจี้ยุ่งกับการวางแผนจัดการเรื่องนี้ และเขารำคาญเรื่องนี้มากที่สุด ดังนั้นอย่ามาหาเขาเลย ขอเพียงพวกเขาปรึกษากันดีแล้วค่อยบอกเวลาและสถานที่ปฏิบัติการให้เขาฟังก็พอ
หานอวี้กับเว่ยจี้ก็ไม่อยากบังคับเขา รู้ว่าจ้าวจวิ้นเป็นชายอารมณ์หุนหันที่มีแต่กล้ามเนื้อไม่มีสมอง และพวกเขากลับไปหาพวกระดับสูงของกลุ่มหุ่นรบอู๋จี๋เพื้อปรึกษากันจริงๆ ว่าจะใช้โอกาสครั้งนี้ยังไงในการร่วมมือกับโดฮาโค่นล้มเทียนจีลงมาแล้วคว้าตำแหน่งกลุ่มอำนาจอันดับสอง ส่วนจ้าวจวิ้นกับหลี่หลานเฟิงเป็นผู้ร่วมงานที่มาจากภายนอก ไม่ค่อยเหมาะให้เข้าร่วมการประชุมกับพวกระดับสูงของอู๋จี๋จริงๆ
จ้าวจวิ้นส่งพวกเขาสองคนออกไปจากบ้านพักของหลี่หลานเฟิงแล้วกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง มองหลี่หลานเฟิงด้วยความจริงจังอยู่หลายวินาทีถึงค่อยเอ่ยถามว่า “นายหวังดีขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?” หลี่หลานเฟิงที่เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือมาตลอด ชอบวางกับดักใส่คนอื่นในที่ลับ จ้าวจวินไม่เชื่อว่าคราวนี้เขาจะให้คำแนะนำที่ดีขนาดนี้ไปอย่างมีน้ำใจจริงๆ
หลี่หลายเฟิงบิดขี้เกียจอย่างเนือยๆ ทีหนึ่ง ทอดมองไปด้วยสายตาตำหนิและตอบกลับว่า “ฉันใจดีมากๆ มาตลอดนะ!” เขาไม่มีทางยอมรับอยู่แล้วว่าตัวเองเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ
“มาตลอด?” จ้าวจวิ้นแสยะปากอย่างพูดไม่ออก คำพูดนี้หลอกลวงเอามากๆ
“เอาเถอะ ฉันมีความตั้งใจนิดหน่อยจริงๆ นั่นแหละ อยากรู้ว่าหลังจากที่ราชันสายฟ้าเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว แต่ไม่สามารถกลายเป็นราชาที่แท้จริงของโรงเรียนได้ เขาจะโมโหจนกระอักเลือดหรือเปล่า?” หลี่หลานเฟิงรู้สึกเหมือนกันว่าคำพูดของตัวเองไม่ค่อยน่าเชื่อถือก็เลยหัวเราะแล้วเอ่ยออกมาตรงๆ
“หลานเฟิง นายเกลียดราชันสายฟ้ามากเลยใช่ไหม?” หลังจากที่จ้าวจวิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เอ่ยปากถามขึ้นมา
รอยยิ้มของหลี่หลานเฟิงแข็งทื่อโดยพลัน เขามองกลับไปด้วยความงุนงง กล่าวว่า “จ้าวจวิ้น ทำไมนายถึงคิดแบบนี้ล่ะ?”
“ความจริงแล้ว ราชันสายฟ้ารวมกลุ่มอำนาจของโรงเรียนเป็นหนึ่งเดียวได้หรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยสักนิดเดียว วันนี้พวกเราสามารถเป็นผู้ร่วนงานของอู๋จี๋ แต่วันพรุ่งนี้อาจจะไม่ใช่ก็ได้ พวกเราไม่มีความขัดแย้งกับราชันสายฟ้าเลยสักนิดเดียว แต่แผนการที่นายวางทุกครั้งต่างสร้างอุปสรรคบนเส้นทางในการขึ้นเป็นราชาของราชันสายฟ้า…ฉันต้องสงสัยแบบนี้อยู่แล้ว”
จ้าวจวิ้นพูดอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมามาก เขาเหมือนกับหลี่หลานเฟิงที่มาจากดาวระดับสาม พูดได้ว่าความเป็นไปได้ในการสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งคือหนึ่งในร้อยล้าน ดังนั้นนอกจากพวกเขาแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นที่มาจากดาวของพวกเขาสอบเข้าได้เลย นี่จึงทำให้พวกเขาไม่มีความรู้สึกว่าอยู่กลุ่มอำนาจไหน มีหลายครั้งที่จ้าวจวินรู้สึกว่าหลี่หลานเฟิงกำลังเล่นเกมในโลกมนุษย์ เขาใช้วิธีการที่เฉลียวฉลาดสุดขีดมาปลุกปั่นความขัดแย้งของกลุ่มอำนาจใหญ่หลายแห่ง ก็เหมือนกับเมื่อสักครู่นี้ หวังเป็นพิเศษว่าพวกเขาจะต่อสู้กันขึ้นมา
คำพูดของจ้าวจวิ้นทำให้หลี่หลานเฟิงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันไม่มีความเห็นต่อราชันสายฟ้าเลยสักนิดเดียว เพียงแต่นายจินตนาการดูสิ ราชันสายฟ้าที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในมือแล้ว แต่เป็นเพราะปลาตัวเล็กๆ ที่มาจากดาวระดับสามอย่างพวกเรา ทำให้เส้นทางในการขึ้นเป็นราชามหาอำนาจของเขาเปลี่ยนเป็นยากลำบาก ถึงขนาดที่ไม่อาจทำได้สำเร็จ นี่มันน่าสนใจมากเลยใช่หรือเปล่า?”
“นาย…” จ้าวจวิ้นมองหลี่หลานเฟิงอย่างประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าหลี่หลานเฟิงจะมีความคิดแบบนี้
“ฉันแค่อยากพิสูจน์ว่า ต่อให้พวกเรามาจากดาวระดับสามก็ยังสามารถทำให้โรงเรียนแห่งนี้เกิดพายุฝนนองเลือดได้…” ต่อให้ตอนนี้ฉันยังอ่อนแอ แต่ก็ยังขวางหมอนั่น ไม่ให้ขึ้นเป็นราชามหาอำนาจได้…หลี่หลานเฟิงซ่อนความคิดที่แท้จริงของตัวเองเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจอย่างชาญฉลาดท่ามกลางรอยยิ้มน้อยๆ ความลับบางอย่างไม่อาจบอกคนอื่นได้
จ้าวจวิ้นได้ยินคำกล่าวก็ได้แต่ส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ คำพูดนายโน้มน้าวได้มาก ฉันก็อยากเห็นเหมือนกัน ราชันสายฟ้าคนนั้นจะกำจัดอุปสรรคนับหมื่นขึ้นสู่จุดสูงสุดของโรงเรียนทหารได้หรือเปล่า” ดูละครก็เป็นเรื่องที่เขาชอบทำมากที่สุด
ถึงแม้ใบหน้าของหลี่หลานเฟิงกำลังยิ้มอยู่ ทว่าสองตากลับว่างเปล่า มีเพียงความเย็นชาอย่างไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น
“ฉันยังมีข้อสงสัยอีกอย่าง ในเมื่ออยากเป็นพันธมิตรกับกลุ่มอื่นๆ ต่อกรกับราชันสายฟ้า ทำไมนายอยากให้อู๋จี๋ไปท้าประลองกับเทียนจีด้วยล่ะ เห็นชัดๆ ว่ามันไม่สมควร” จ้าวจวิ้นเอ่ยถามข้อสงสัยอย่างรวดเร็ว เขาไม่ใช่คนที่สมองทึบอย่างที่พวกหานอวี้คิดกัน เรื่องที่ควรเข้าใจ เขาเข้าใจมากกว่าพวกหานอวี้เสียอีก
“เทียบกับราชันสายฟ้าแล้ว นายเกลียดเทียนจีมากกว่า” จ้าวจวิ้นที่เข้าใจหลี่หลานเฟิงมากเกินไปเอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “ดังนั้นต่อให้เวลาไม่เหมาะสม นายก็ยังยุยงให้พวกหานอวี้ลงมือกับเทียนจี นี่เป็นเพราะอะไร?”
“หรือว่านายไม่เคยได้ยินโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อน” หลี่หลานเฟิงได้ยินจ้าวจวิ้นถามคำถามนี้ รอยยิ้มของเขาก็หายไปในที่สุด
“เรื่องซือหมิงอี้ถูกฆ่าเหรอ?” จ้าวจวิ้นนึกเรื่องนี้ได้ทันที
“ในเมื่อเทียนจีมีรองหัวหน้าที่ต่ำช้าไร้ยางอายขนาดนี้ก็เป็นเวลาที่พวกเขาควรชดใช้แล้ว” หลี่หลานเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา เวลานี้บนตัวเขาไม่มีกลิ่นอายอบอุ่นเลยสักนิดอีกต่อไปแล้ว เห็นได้ว่าเขาเกลียดชังเรื่องแบบนี้เข้ากระดูกดำ…
—————————–