I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 298 ราคาของโอกาส!
“พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าผมอยากนำพาพวกเพื่อนๆ เดินไปให้ไกลมากขึ้นก็จำเป็นต้องจัดสรรสมาชิกของหน่วยรบให้รับหน้าที่ที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบมากที่สุด?” หลิงหลานขมวดคิ้ว ดูท่าเธอจะยึดมั่นในความคิดมากเกินไปหน่อยแล้ว…
เวลานี้หลิงหลานเข้าใจเรื่องบางอย่างที่ก่อนหน้านี้เธอคิดไม่ออกแล้วว่า ‘ทำไมหลินจงชิงกับหานจี้จวินถึงเลือกสมัครสอบภาควิชาอื่นของโรงเรียน ถึงแม้ระดับการควบคุมหุ่นรบของพวกเขาจะไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเซี่ยอี๋กับลั่วล่างเท่าไหร่นัก แต่ควรรู้เอาไว้ว่าพวกเขาไปถึงระดับนักรบหุ่นรบชั้นสูงในโลกหุ่นรบแล้ว ที่แท้พวกเขารู้องค์ประกอบของหน่วยรบในอนาคตดีอยู่แล้ว ดังนั้นถึงได้ทำการตัดสินใจนานแล้วเพื่ออนาคตของหน่วยรบ ตรงกันข้ามเธอที่เป็นลูกพี่จนถึงตอนนี้ยังงงๆ อยู่นิดหน่อยเลย ถึงแม้ในจิตใต้สำนึกจะรู้ว่าพวกเขาทำเพื่อทีม แต่ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งเหมือนอย่างตอนนี้’
“นี่คือเรื่องจำเป็น ยกตัวอย่างเช่น รุ่นพี่ที่ทำอาวุธเล่มนี้ให้ลูก เขาคือตัวเลือกที่ดีเยี่ยมมาก ควรรู้เอาไว้ว่าคนที่สามารถสร้างอาวุธโดดเด่นแบบนี้ออกมาได้ เขาต้องเชี่ยวชาญด้านวัตถุดิบไปจนถึงขีดสุดแล้ว เป็นอัจฉริยะด้านการสร้างดัดแปลงแน่นอน เขาสามารถช่วยหน่วยรบของลูกได้อย่างมหาศาล พัฒนากำลังรบเพิ่มขึ้นได้เท่าตัวหรือมากกว่านั้น” หลิงเซียวตอบ “ถ้าหากเขายังไม่ได้เข้าร่วมหน่วยรบอื่นละก็ พ่อแนะนำให้ลูกลงมือเร็วหน่อย อัจฉริยะแบบนี้พบเจอได้ยากนะ”
“อืม ผมจะลองทบทวนดูดีๆ” หลิงหลานยังอยากฟังความเห็นของพวกฉีหลงเกี่ยวกับองค์ประกอบของหน่วยรบอยู่ ถึงอย่างไรต่อให้ขยายทีมรับคนใหม่เข้ามา หลิงหลานก็หวังว่าจะได้รับความเห็นชอบจากพวกเขาเหมือนกัน
เวลานี้หลิงหลานอดนึกถึงหลี่ซื่ออวี๋นักเรียนดีเด่นของภาควิชาแพทย์ทหารคนนั้นไม่ได้ ตอนแรกเธอแค่รู้สึกว่าทักษะการรักษาของอีกฝ่ายยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเลยประทับใจ อยากสร้างความสัมพันธ์ดีๆ กับอีกฝ่าย หวังว่าวันหน้าตอนที่สมาชิกทีมได้รับบาดเจ็บอีกก็จะมีแพทย์ทหารที่พวกเขาเชื่อใจสามารถฝากฝังได้ ตอนนี้ดูแล้วเธอจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน วางแผนดีๆ
หลิงหลานยังจำนักเรียนของภาควิชาแพทย์ทหารได้ โดยปกติแล้วพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมหน่วยรบ ทำตัวเป็นคนกลาง คาดว่านักเรียนดีเด่นหลี่ซื่ออวี๋ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน หลิงหลานตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นยังไง เธอจะต้องหลอกเขามา เอ้อ ไม่สิ บังคับเขามา ก็ไม่ถูกอีกล่ะ ควรจะเป็นแย่งชิงเขามาให้ได้! หลิงหลานลอบกำหมัดแน่น อัจฉริยะแบบนี้ไม่อาจให้เขาหลุดรอดไปจากฝ่ามือของเธอแน่นอน
หลี่ซื่ออวี๋ที่เดิมที่ไม่ค่อยมีความสำคัญในใจหลิงหลานมากนัก ตอนนี้กลับกลายเป็นบุคคลที่หลิงหลานต้องการจะได้มา เวลานี้เอง หลี่ซื่ออวี๋ที่ยังคงหมกมุ่นอยู่ท่ามกลางการวิจัยรักษาในศูนย์วิจัยแพทย์ทหารยังไม่รู้เลยว่า อนาคตของเขาถูกหลิงหลานตัดสินใจไปแล้วในตอนที่เขายังไม่รู้เรื่องเลย! มายืนไว้อาลัยให้เขากัน!
“ถ้าลูกอยากสร้างหน่วยรบจริงๆ ละก็ ต้องใคร่ครวญดูให้ดีจริงๆนะ” ตอนที่หลิงเซียวพูดคำว่า ‘อยากสร้างหน่วยรบจริงๆ ละก็’ เขาสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยียบอย่างไร้ที่สิ้นสุดพรั่งพรูออกมาจากในหุ่นรบของหลิงหลาน เขายิ้มเจื่อนๆ ทันที
ดูท่าลูกสาวของเขาไม่มีทางปล่อยพวกเด็กหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอแน่นอน เวลานี้หลิงเซียวไม่รู้ว่าเขาควรจะภาคภูมิใจหรือว่าเศร้าใจดี ลูกสาวของเขาที่เดิมทีควรจะน่ารักน่าทะนุถนอมประคองอยู่ในฝ่ามือ ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นสง่างามเย็นชาทรงอำนาจแบบนี้ บุคลิกดูเป็นผู้ใหญ่น่าเกรงขามององอาจมากกว่าตอนที่เขาใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนทหารเสียอีก…
ว่าไปแล้วภรรยาของเขาคลอดลูกสาวให้เขาจริงๆ หรือเปล่า? หลิงเซียวชักไม่แน่ใจเล็กน้อยแล้ว เขาเกิดความรู้สึกบุ่มบ่ามอยากรีบไปติดต่อภรรยาตัวเอง ยืนยันให้แน่ใจว่า ตอนนั้นเธอคลอดลูกสาวออกมาจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ใช่ภรรยาเขาอยากได้ลูกสาวมากๆ ดังนั้นเลยบังคับให้ลูกชายมาเป็นลูกสาว?
ความคิดนี้ถูกหลิงเซียวกำจัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพราะว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน เขาโง่เง่าเหลือเกินจริงๆ ที่คิดแบบนี้ กลับไปแล้วจะต้องถูกภรรยาของเขาไล่ออกจากห้องนอนครึ่งปีแน่ๆ….
“แน่นอนว่าสมาชิกของหน่วยรบมีอยู่สองแบบ หนึ่งคือสมาชิกถาวร คนเหล่านี้จำเป็นต้องผ่านการทดสอบ คู่ควรเป็นเพื่อนที่ลูกเชื่อใจ แล้วอีกประเภทคือคนที่มีพรสวรรค์อยู่บ้าง ทว่าไม่สามารถเชื่อใจได้ขนาดนั้น สามารถเลือกเซ็นสัญญาเข้าทีมชั่วคราว ก็คือรับสมาชิกหน่วยรบบางส่วนชั่วคราวในโรงเรียนทหารไม่กี่ปี หลังจากที่เรียนจบแล้วก็ยกเลิกสัญญาโดยอัตโนมัติ”
หลิงเซียวโยนพวกความคิดมั่วๆ ซั่วๆ ในใจทิ้งไปทันทีแล้วก็เอ่ยหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่นี้ต่อ บอกความรู้เกี่ยวกับหน่วยรบบางส่วนที่จำเป็นออกมาให้หมด “ปกติแล้วนอกจากสมาชิกถาวรที่จำเป็นหลายคนแล้ว หน่วยรบส่วนใหญ่ต่างเป็นสมาชิกที่เซ็นสัญญา เพราะว่าไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าอนาคตจะมีสมาชิกที่ดีกว่านี้หรือเปล่า อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าสมาชิกทีมที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันเชื่อใจซึ่งกันและกันอนาคตจะเลือกเข้ากองพลเดียวกัน มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาจะเลือกแตกต่างกัน นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อสมาชิกทีมมากนัก แต่สำหรับหัวหน้าหน่วยรบแล้ว การที่สมาชิกถาวรแยกตัวออกไปจะนำผลเสียอย่างใหญ่หลวงมาให้ นี่บ่งบอกว่าหัวหน้าคนนี้ไม่มีความสามารถในการปกครองอย่างยิ่งยวด สายตามองคนก็มีปัญหา จะส่งผลต่อความก้าวหน้าในอนาคตภายในกองทัพอย่างมาก แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อลูกมากนัก ถ้าลูกรู้สึกพอใจ อยากรับใครก็รับเลย ไม่ต้องกังวล”
หลิงหลานจะต้องไปที่กองพลของหลิงเซียวในอนาคตอยู่แล้ว ขอเพียงเธอไม่ได้ทำผิด เลื่อนขั้นตามลำดับย่อมไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน นอกจากนี้หลิงเซียวกับหลานลั่วเฟิ่งสองสามีภรรยาก็ตกลงกันอย่างรู้ใจว่าจะลดทอนตัวตนผู้ชายของหลิงหลานให้จางลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ทำให้เธอโดดเด่นมากเกินไปในกองพล ดังนั้นต่อให้หน่วยรบแตกกระจายออกในอนาคต ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่ออนาคตของหลิงหลานจริงๆ
“ปกติแล้วหน่วยรบมั่นคงอย่างแท้จริงก็หลังจากที่เข้าสู่กองพล ดังนั้นหัวหน้าที่ก่อตั้งหน่วยรบส่วนใหญ่จึงเลือกเซ็นสัญญาชั่วคราว พอเข้าสู่กองทัพแล้วค่อยสร้างหน่วยรบที่มั่นคงอีกครั้ง” หลิงเซียวบอกจุดสำคัญในการสร้างหน่วยรบออกมาทั้งหมด
หลิงหลานผงกศีรษะอย่างรับรู้ หลิงเซียวก็เอ่ยถามอีกว่า “ใช่แล้ว ภาควิชาที่พวกเพื่อนๆ ของลูกเลือกคือควบคุมหุ่นรบหมดเลยใช่ไหม?”
“อืม หลินจงชิงเลือกพลาธิการ หานจี้จวินเลือกควบคุมยานรบ ฉีหลง ลั่วล่างเซี่ยอี๋เลือกภาควิชาควบคุมหุ่นรบเหมือนกับผม” หลิงหลานได้ยินคำถามของหลิงเซียวก็รีบบอกภาควิชาที่พวกเพื่อนๆ เลือกออกมา
หลิงเซียวได้ยินแววตาก็เปล่งประกาย รู้สึกดีใจแทนลูกสาวตัวเอง เด็กๆ เหล่านี้อยากสร้างหน่วยรบที่สมบูรณ์แบบจริงๆ “ฉีหลง ลั่วล่าง เซี่ยอี๋มีความสามารถด้านการต่อสู้ดีเยี่ยมเลยใช่ไหม? นอกจากนี้พรสวรรค์ที่ตื่นขึ้นมาค่อนข้างเหมาะกับการควบคุมหุ่นรบด้วยหรือเปล่า?”
“ครับ เทียบกับหลินจงชิงและหานจี้จวินแล้ว ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ” หลิงหลานพยักหน้ากล่าว
หลิงเซียวผงกศีรษะกล่าวอย่างเบิกบานใจว่า “ดูท่าแบบนี้ หน่วยรบของลูกก็ยังขาดเสนาธิการวางแผน แพทย์ทหารรวมถึงช่างซ่อมบำรุงพัฒนาสินะ ปกติแล้วช่างพัฒนาที่มีระดับสูงมากจะถูกแย่งชิงมาก ถ้าเกิดหาคนที่โดดเด่นเป็นพิเศษไม่เจอ พ่อแนะนำให้หาช่างซ่อมบำรุงหุ่นรบระดับดีเยี่ยม นั่นจะมีประโยชน์มากกว่าช่างพัฒนาหุ่นรบทั่วไป ส่วนโควตาอีกหลายอันสามารถหาผู้ควบคุมหุ่นรบที่เก่งกาจมาอีกก็ได้”
“เสนาธิการไม่จำเป็นแล้ว วิชารองของหานจี้จวินก็คือภาควิชานี้ เดิมทีเขาก็เก่งด้านนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาตัดสินใจเลือกควบคุมยานรบเพื่ออนาคตของหน่วยรบ” หลิงหลานบอกสถานการณ์ของหานจี้จวินให้หลิงเซียวฟัง
หลิงเซียวพูดไม่ออก ไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายความโชคดีของหลิงหลานอย่างไรดี ไม่นึกเลยว่าในหมู่เพื่อนๆ ที่เติบโตมาด้วยกันจะมีอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมแบบนี้อยู่ด้วย หนึ่งคนสามารถดำรงสองตำแหน่ง หน่วยรบแบบนี้สามารถลดการเลี้ยงดูแนวหลังได้หนึ่งคน แรงกดดันก็จะเบาขึ้นเยอะ พูดได้ว่าหากเทียบกับหน่วยรบที่มีสิบสองคนเช่นเดียวกัน หน่วยรบของหลิงหลานย่อมแข็งแกร่งมากกว่าหน่วยรบอื่นๆ
“หลิงหลาน ต้องทะนุถนอมเพื่อนๆ เหล่านี้ไว้ให้ดีนะ พวกเขาไม่เลวเลยจริงๆ” หลิงเซียวกล่าวอย่างจริงจัง ในเมื่อบรรดาสมาชิกทีมอุทิศตนอย่างสุดกำลังเพื่อหน่วยรบ ในฐานะที่หลิงหลานเป็นหัวหน้าหน่วยรบก็ต้องอย่าทำให้พวกเขาผิดหวังต่อการอุทิศตนของพวกเขา
หลิงหลานได้ยินคำกล่าว มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย พยักหน้าหนักๆ กล่าวว่า “วางใจเถอะครับ คุณพ่อ พวกเขาคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม ผมจะต้องทะนุถนอมพวกเขาแน่นอน”
หลิงหลานกล่าวจบก็หรี่ตา ในใจวางแผนสำหรับเรื่องตัวเลือกช่างพัฒนาหุ่นรบของหน่วยรบตัวเอง ไม่ว่าจะพูดยังไง จีอู๋ปู้ซิวที่รู้จักกันในโลกหุ่นรบก็ไม่เลวมากๆ เลยจริงๆ กอปรกับอีกฝ่ายเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งอีกด้วย เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากที่สุด ตอนนั้นเธอแค่อยากทำดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าความคิดนี้ไม่เลวเลยจริงๆ แก้ปัญหาเรื่องสมาชิกแนวหลังที่สำคัญสุดขีดอีกคนของหน่วยรบเธอไปได้ทันที
…….
เวลานี้เอง จีอู๋ปู้ซิวที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการศึกษาวัตถุดิบพิมพ์เขียวต่างๆ นานาในห้องสมุดของเมืองซิ่นหยางภายในโลกหุ่นรบพลันรู้สึกถึงความหนาวเหน็บโจมตีใส่ร่าง เขาเงยหน้าด้วยความระแวดระวัง ลอบสังเกตบรรดาคนรสนิยมเดียวกันในห้องสมุดที่ก้มหน้าศึกษาพิมพ์เขียวในมืออย่างขยันขันแข็งเหมือนกับเขา ถึงอย่างไรเขาก็ล่วงเกินราชันสายฟ้ามาก่อน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายส่งคนมาที่เมืองซิ่นหยางเพื่อหาเรื่องเขาหรือเปล่า…
ทว่าเขามองซ้ายมองขวา ตั้งแต่ต้นจนจบไม่พบความผิดปกติอะไรเลย…หรือเขาช่วงนี้เขาจะเหนื่อยมากเกินไป ดังนั้นเลยรู้สึกไปเอง? จีอู๋ปู้ซิวตัดสินใจศึกษาพิมพ์เขียวในมือให้เสร็จแล้วค่อยไปพักผ่อนดีๆ สักพัก หลีกเลี่ยงไม่ให้ความหวาดระแวงแบบนี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพของเขา…
…….
หลิงหลานคิดถึงตรงนี้ก็อดหันหน้ามองไปยังสองคนที่ชมการประลองไม่ได้ สองคนนี้จะเป็นพรมหลิขิตของเธอเหมือนกันหรือเปล่า? หลิงหลานผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา เอ่ยถามหลิงเซียวผู้เป็นพ่อว่า “คุณพ่อ ไอดีของหุ่นรบสองตัวนี้คืออะไรครับ?”
“ทำไมถึงถามไอดีของพวกเขาล่ะ? หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลิงเซียวขมวดคิ้ว เขาอนุญาตให้พวกเขาชมการประลอง อยากให้โอกาสพวกเขา แต่ไม่อยากเห็นพวกเขารบกวนการเรียนรู้ของลูกสาวเขา
“เปล่าครับ ผมแค่คิดว่า พวกเขาจะเป็นพรหมลิขิตของผมหรือเปล่า ไม่แน่ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาเป็นสมาชิกหน่วยรบของผมในอนาคต” หลิงหลานเอ่ยอย่างสบายๆ “ไม่ใช่ว่าจะได้รับโอกาสง่ายดายขนาดนั้น บางทีควรให้พวกเขาจ่ายค่าตอบแทนบางอย่างด้วย…”
เอ่อ…นี่เป็นลูกสาวของเขาเหรอ? ชั่วช้าเจ้าเล่ห์มากเกินไปแล้วนะ? หลิงเซียวอดมองไปยังหุ่นรบไร้ความผิดสองตัวที่ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้ ทว่าในใจกลับยกนิ้วโป้งบ่งบอกว่าเจ๋งมากให้ลูกสาวตัวเองอย่างเฉียบขาด ‘ให้ตายสิ สมกับเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ ไม่มีทางยอมขาดทุนอย่างไร้เหตุผล’
“หุ่นรบสีดำชื่อว่าต่าชูเว่ยหลาย (ฝ่าฟันอนาคต) หุ่นรบระดับสูงชื่อว่า เนี่ยนเทียนโหยวเหริน (อ่านชะตา มนุษย์กำหนด) หลิงเซียวบอกไอดีของทั้งสองคนให้ลูกสาวตัวเองฟังโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว ใช้การกระทำมาสนับสนุนการตัดสินใจของลูกสาว
พอเห็นหุ่นรบสองตัวบนเวทีประลองหยุดการต่อสู้แล้วทยอยกันมองมาที่พวกเขาแวบหนึ่ง หลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นก็ใจกระตุก หรือว่าอีกฝ่ายจะไล่พวกเขาแล้ว? จ้าวจวิ้นพนมมือสวดมนต์ในห้องคนขับของหุ่นรบ ‘พระเจ้าครับ อย่าเด็ดขาดน้า!’
หุ่นรบสองตัวบนเวทีหันหน้ากลับไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายท่ามกลางความกังวลใจของพวกเขาสองคน ทันใดนั้นหุ่นรบระดับกลางก็ทะยานไปข้างหลัง เว้นระยะห่างกับหุ่นรบระดับราชันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าการประลองรอบใหม่กำลังจะเริ่มต้นแล้ว
“ตกใจหมดเลย ยังนึกว่าพวกเราจะถูกไล่ออกไปจริงๆ แล้วซะอีก” เวลานี้จ้าวจวิ้นค่อยวางมือลงรู้สึกเหมือนรอดพ้นจากภัยพิบัติมาและเอ่ยด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ฉันถึงยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่บ้าง” ไม่รู้ว่าทำไมในใจหลี่หลานเฟิงถึงมีสัมผัสถึงวิกฤติอย่างรุนแรงสายหนึ่งแผ่ขยายออกมา
————————–