I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ - ตอนที่ 301 ความจริงของการควบคุม!
เมื่อเห็นหลิงหลานได้สติกลับมา หลิงเซียวถึงค่อยกล่าวต่อว่า “อีกอย่างหนึ่ง อยากทำให้หุ่นรบแสดงพลังรบมากกว่านี้ จำเป็นต้องอาศัยกระบวนท่าแพรวพราวพวกนั้นถึงจะทำได้เหรอ? หลิงหลานลูกเคยคิดถึงปัญหาข้อนี้ไหม?”
หลิงหลานได้ยินคำพูดก็มึนงงแล้ว ระดับความยากของการควบคุมหุ่นรบยิ่งสูงก็จะทำให้ศัตรูรับมือได้ยากขึ้น นี่คือ มาตรฐานที่ทุกคนในโลกหุ่นรบยอมรับกัน แต่ตอนนี้หลิงเซียวกำลังบอกว่า ความจริงเหมือนกับไม่ได้เป็นเช่นนี้ หรือว่าที่ทั่วทั้งโลกหุ่นรบรู้มาต่างผิดหมดเลยเหรอ? หรือว่าพ่อของเธออยากหลอกลวง?
หลิงหลานตัดความเป็นไปได้ที่ว่าพ่อของเธอจะผิดออกไปทันที ถ้าหากความเข้าใจต่อหุ่นรบของพ่อเธอผิดพลาดละก็ ถ้าอย่างนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะของเขามาได้ยังไงกันล่ะ? พอคิดว่าผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะของสหพันธรัฐมีน้อยมากๆ หลิงหลานก็อดคิดไม่ได้ว่า ‘ความจริงแล้วความเข้าใจอย่างเป็นทางการที่โลกหุ่นรบมีต่อการควบคุมหุ่นรบผิดพลาดหรือเปล่า ดังนั้นคนที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะถึงได้มีน้อยขนาดนั้น และคุณพ่อบังเอิญเข้าใจถูกพอดี ดังนั้นถึงได้ทำลายสถิติอายุในการเลื่อนขั้นของเมื่อก่อน กลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่อายุน้อยที่สุดของสหพันธรัฐ…’
หลิงหลานคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว จิตใจของเธอก็สั่นสะท้าน นี่หมายความว่าเธอกำลังจะสัมผัสถึงความจริงของการควบคุมหุ่นรบที่แท้จริงน่ะสิ? มิน่าล่ะ ถึงบอกว่าความจริงมักจะอยู่ในมือคนจำนวนน้อย
เมื่อเห็นดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานส่องประกายพราวพร่าง หลิงเซียวก็รู้ว่าลูกสาวของเขาเข้าใจแล้ว เขากล่าวต่อว่า “ลูกน่าจะเคยได้ยินคำว่า ทำให้สั้นๆ ง่ายๆ มาก่อนใช่ไหม? การควบคุมหุ่นรบก็สามารถใช้สี่คำนี้มาสื่อได้”
“หมายความว่า ความจริงแล้วการควบคุมที่เรียบง่ายที่สุดถึงจะมีอานุภาพมากที่สุดเหรอครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วถาม
“อืม ลูกพูดไม่ค่อยครบ ควรจะพูดว่า มีเพียงควบคุมหุ่นรบให้เหมือนแขนขาตัวเอง ใช้แรงให้น้อยที่สุดแสดงอานุภาพของหุ่นรบที่มากที่สุด นี่ถึงจะเป็นสิ่งที้ผู้ควบคุมต้องทำอย่างแท้จริง” หลิงเซียวเอ่ยการรู้แจ้งของเขาออกมา “ทักษะพิเศษที่ทรงพลังแต่ในขณะเดียวกันก็ใช้แรงมหาศาลพวกนั้นไม่ใช้ว่าไม่จำเป็นเลย แต่ว่าในช่วยเวลาความเป็นความตาย หรือว่าช่วงเวลาวิกฤติ ไม่จำเป็นต้องใช้มันออกมาเพื่อสิ้นเปลืองพลังของหุ่นรบ ในเมื่อสามารถใช้การควบคุมพื้นฐานที่เรียบง่ายที่สุดจัดการคู่ต่อสู้ แล้วทำไมต้องสิ้นเปลืองแรงมากขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
ตอนแรกที่เขาคลานออกมาจากหลุมดำ เผชิญหน้ากับศัตรูที่เต็มไปทั่วทั้งท้องฟ้ง เขาได้แต่ใช้ทักษะระดับสุดยอดที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจถึงจะสามารถขู่ขวัญกองทัพศัตรูได้ ความเป็นจริงบีบให้หลิงเซียวใช้กระบวนท่าตระการตาที่มีเฉพาะผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ แต่การกินพลังงานอย่างรุนแรงนั้นก็ทำให้หลิงเซียวลอบเจ็บปวดใจ ถึงแม้ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะสามารถเติมแหล่งพลังงานจากในอวกาศได้โดยอัตโนมัติ แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ หลังจากที่ปล่อยการโจมตีแบบกลุ่มที่อานุภาพมหาศาลไปสองครั้ง แหล่งพลังงานของหุ่นรบขั้นเทวะก็ลดฮวบลงจนถึงขั้นแจ้งเตือนสีแดง… แต่สหพันธรัฐก็ได้รับชัยชนะในตอนสุดท้ายเพราะเหตุนี้ การที่หลิงเซียวสิ้นเปลืองพลังไปก็คุ้มค่าอยู่
แต่ก็มีเพียงเหตุการณ์ที่เกี่ยวพันถึงสถานการณ์โดยรวมเช่นนี้เท่านั้นถึงต้องการการควบคุมแบบนี้ ถ้าหากเจอศัตรูกลุ่มเล็กๆ ละก็ หลิงเซียวไม่มีทางเลือกเช่นนี้เป็นอันขาด ควรรู้เอาไว้ว่า สำหรับผู้ควบคุมหุ่นรบแล้ว เมื่อแหล่งพลังงานของหุ่นรบหมดลง หรือว่าถูกทำลายโดยตรง มันก็หมายถึงการเสียชีวิต นี่ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่เก่งกาจควรทำเลย ในขณะที่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่เก่งกาจคนหนึ่งจัดการฝ่ายตรงข้าม จะต้องพยายามปกป้องตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ควรรู้เอาไว้ว่า ชีวิตมีแค่ครั้งเดียว มีเพียงเก็บชีวิตต่อไปได้ถึงจะสังหารศัตรูได้มากขึ้น
ผู้กล้าเพียงชั่วขณะ หลิงเซียวไม่ยอมรับ เจิดจ้าเพียงช่วงเวลาหนึ่ง หลิงเซียวคิดว่ามันไม่คุ้มค่า มีเพียงอยู่ต่อไปนานๆ ถึงจะเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบที่เก่งกา แน่นอนว่าการหลบหนีไม่ได้รวมอยู่ในนั้นนะ
ดังนั้นการที่หลิงหลานแสวงหาอานุภาพและความสงยงามตระการตามาเกินไปทำให้หลิงเซียวมองเห็นปัญหาของหลิงหลาน นี่ก็คือปัญหาทั่วไปของผู้ควบคุมหุ่นรบสหพันธรัฐ ทุกคนต่างคิดว่ามีเพียงกระบวนท่าที่มีอานุภาพมากที่สุดเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของผู้ควบคุมหุ่นรบ ความจริงแล้ว ความคิดแบบนี้คือความคิดที่ผิด ควรรู้เอาไว้ว่า ทหารที่สามารถเอาชีวิตรอดในสนามรบตอนสุดท้ายมักจะเป็นพวกผู้ควบคุมหุ่นรบที่ดูเหมือนมีความสามารถธรรมดาแต่ว่าพื้นฐานกลับแน่นปึก สุดท้ายก็เติบโตเป็นผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ในขณะเดียวกันพวกผู้ควบคุมหุ่นรบอัจฉริยะที่ทำให้คนตกตะลึง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะครอบครองทักษะระดับสูงที่สวยงามมากมายนับไม่ถ้วน ทว่าพวกเขาร่วงโรยในสนามรบเร็ว เมื่อไล่หาสาเหตุแล้ว ไม่ใช่แค่คนเดียวที่แหล่งพลังงานหมดหรือว่าหุ่นรบถูกทำลาย สุดท้ายก็ถูกศัตรูโค่นล้ม เสียชีวิตท่ามกลางอวกาศ
คำพูดของหลิงเซียวทำให้หลิงหลานเริ่มใคร่ครวญอย่างลึกซึ้ง จริงๆ ด้วย ไม่ว่าเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากแค่ไหร การปกป้องตัวเองถึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การแสวงหาความกล้าหาญและความรุ่งโรจน์แค่ชั่วขณะนั้นขัดกับความคิดของหลิงหลานในตอนแรก หลิงหลานอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระและมั่นคงเท่านั้น ไม่ได้คิดจะให้ตัวเองกลายเป็นวีรบุรุษที่ถูก แกะสลักอยู่บนป้ายจารึกวีรบุรุษหรอกนะ
หลิงหลานที่คิดเข้าใจแล้วก็เอ่ยกับคุณพ่อหลิงเซียวด้วยความจริงจังว่า “เข้าใจแล้วครับ ต่อไปผมจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง ขอบคุณคุณพ่อที่สั่งสอนครับ” การควบคุมหุ่นรบเพื่อให้ตัวเองรอดชีวิตต่อไปได้ถึงจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ และมีความคุ้มค่า
ถึงแม้คุณพ่อหลิงเซียวจะเอ่ยแค่คำพูดประโยคสั้นๆ แต่คำพูดนี้แฝงไปด้วยความรู้แจ้งด้านการควบคุมหุ่นรบเกือบสามสิบปีของหลิงเซียวอย่างชัดเจน เป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่งยวด หลิงหลานสัมผัสได้ถึงความรักของพ่ออย่างรุนแรงจากในนั้นด้วย ทำให้หลิงหลานรู้สึกตื้นตันใจ เพียงแต่ความเย็นชาตลอดมาทำให้เธอทำท่ากระตือรือร้นมากเกินไปออกมาไม่ได้ ได้แต่เปลี่ยนเป็นเอ่ยขอบคุณเท่านั้น
“ดี ในเมื่อเข้าใจแล้ว งั้นก็แสดงการควบคุมพื้นฐานของลูกให้พ่อดูหน่อย หวังว่าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังมากเกินไปนะ” หลิงเซียวย่อมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกขอบคุณของหลิงหลาน เขายิ้มแย้มตรงมุมปาก แต่น้ำเสียงกลับยังคงเข้มงวดมาก ในตแนนี้เขาเลือกที่จะเป็นอาจารย์ที่เข้มงวด ไม่ใช่คุณพ่อที่อ่อนโยนเพื่อทำให้ลูกสาวใช้ชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัย
“ครับ คุณพ่อ!” ในขณะที่หลิงหลานตอบกลับก็ใช้ชุดซ่อมบำรุงระดับสูงกับตัวหุ่นรบโดยไม่ลังเล หลังจากที่ซ่อมแซมเสร็จแล้ว บนหน้าจอของหุ่นรบแสดงให้เห็นว่าฟื้นกลับอยู่ในสภาพ 100% รวมถึงระบบควบคุมของแขนขวาที่ถูกหลิงเซียวทำลายก็กลับมาเป็นปกติแล้ว พอกุมแขนขวาของหุ่นรบพบว่าไม่มีปัญหาเรื่องการควบคุมเลยสักนิดเดียว หลิงหลานก็พอใจอย่างยิ่งยวด
โชคดีว่าที่นี่คือโลกหุ่นรบ สามารถปรับสภาพของหุ่นรบให้กลับมาสมบูรณ์มากที่สุดได้ไนช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เสียเวลาในทำการประลองต่อ ถ้าหากเป็นโลกจริงละก็ อยากจะซ่อมแซมหุ่นรบ ฟื้นฟูพลังรบ ต่อให้ช่างซ่อมเก่งสักแค่ไหรก็ได้ใช้เวลาหลายชั่วโมง
หลิงหลานถอนหายใจต่อความสะดวกสบายของโลกหุ่นรบ เธอบังคับหุ่นรบให้เก็บปู้หุ่ยที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาแล้วห้อยกลับไปที่ด้านหลัง จากนั้นก็แสดงท่วงท่าเรียบง่ายสุดขีดและทำให้คนรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดออกมา
………..
หลี่หลานเฟิงกับจ้าวจวิ้นที่ชมอยู่ด้านข้างเห็นหุ่นรบระดับกลางเปลี่ยนแปลงท่วงท่าโจมตีจากตอนแรกที่เป็นทักษะของนักรบหุ่นรบชั้นสูงที่งดงามตระการตามาเป็นธรรมดาแทนฉับพลัน
“หลานเฟิง นี่มันการท่วงท่าประเมินพื้นฐานก่อนเข้าไปในโลกหุ่นรบใช่หรือเปล่า?” จ้าวจวิ้นเห็นท่วงท่าที่อยู่ในความทรงจำอันไกลโพ้นแต่กลับสลักความประทับใจไว้ก็อดเอ่ยถามอย่างตื่นตะลึงไม่ได้
หลี่หลานเฟิงตอบกลับอย่างเฉียบขาดว่า “ใช่แล้ว!” ท่วงท่าการประเมินพื้นฐานเป็นท่วงท่าในการควบคุมหุ่นรบที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด นั่นเป็นสิ่งที่เขากับหุ่นรบกระต่ายฝึกฝนด้วยกัน ถึงขนาดที่มีหลายครั้งพวกเขาสองคนแข่งขันแลกเปลี่ยนความรู้ ดูว่าใครทำได้เร็วและก็สมบูรณ์แบบมากกว่ากัน ไม่นึกเลยว่าหลายปีให้หลัง ท่วงท่าการประเมินพื้นฐานที่แทบจะไม่เห็นในโลกหุ่นรบจะปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในเวลานี้ ทำให้เขาคล้ายกับหวนกลับไปเมื่อตอนนั้นที่แอบมองหุ่นรบกระต่ายฝึกฝน…
ในขณะที่หลี่หลานเฟิงกำลังใจลอยอยู่นั้น หุ่นรบระดับกลางก็เคลื่อนไหวแล้ว ท่าทีมันใช้คือวิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 ซึ่งเป็นท่าพื้นฐานที่สุดของหุ่นรบ นี่คือทักษะการวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างหนึ่งของหุ่นรบ ในขณะเดียวกันก็มั่นคงสุดขีด สามารถรับรองร่างกายทำท่วงท่าการโจมตีพื้นฐานใดๆ ก็ตาม เพียงแต่ช่วงหลังมีการวิ่งตัดสลับกันที่ดียิ่งกว่ารวมถึงวิชาหลบเป็นตัว Z ที่มีระดับความยากสูงกว่า ดังนั้นผู้ควบคุมหุ่นรบเกือบทุกคนต่างรังเกียจวิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 ที่ดูป่าเถื่อนไม่งดงาม ความสามารถด้านความเร็วและการหลบก็สู้ทักษะการควบคุมอีกสองอันไม่ได้ จึงทำให้วิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 ที่เป็นท่าพื้นฐานที่สุดนี้ถูกทอดทิ้งไป
พอถึงช่วงหลังยิ่งมีพวกทักษะการทะยานพุ่งหลบด้วยความเร็วสูงมากขึ้นอย่าง หมุนวนรูป 8 ธารแสงมายา หมุนวนแกมม่า เงาแสงพาดผ่าน ฯลฯ โผล่ขึ้นมา วิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 ที่เป็นท่าพื้นฐานที่สุดเช่นนี้จึงหายไปจากนักรบหุ่นรบชั้นสูงไปโดยสิ้นเชิง
“เป็นไปไม่ได้ ความเร็วของเขาจะไวขนาดนั้นได้ยังไง?” จ้าวจวิ้นพลันอุทานขึ้นมา เรียกสติหลี่หลานเฟิงที่กำลังใจลอย เขาจ้องมองไป เป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ถึงแม้ท่าที่หุ่นรบระดับกลางใช้คือวิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 ที่เป็นท่าพื้นฐานที่สุด แต่ความเร็วนั้นไม่ได้ช้าไปว่าวิ่งตัดสลับรวมถึงวิชาหลบเป็นตัว Z ที่พวกเขาใช้กันในตอนนี้เลย ถึงขนาดที่พูดได้ว่ายังสูงกว่านิดหน่อย นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่จ้าวจวิ้นร้องตกใจ
“โจมตีแล้ว นี่เป็นทักษะโจมตีเฉียบพลันที่เรียบง่ายมากที่สุด” จากนั้นก็เห็นหุ่นรบระดับกลางที่วิ่งวนผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันจู่ๆ ก็เข้าไปใกล้อีกฝ่ายฉับพลัน สองหมัดโจมตีใส่ส่วนศีรษะของฝ่ายตรงข้ามอย่างหมดจดและมีประสิทธิภาพ ไม่มีกาเสแสร้งเลยสักนิดเดียว
“ใช้การโจมตีเรียบง่ายขนาดนี้ เขาจะโจมตีโดนอีกฝ่ายได้ยังไง?” จ้าวจวิ้นเอ่ยอย่างเดือดดาล เห็นได้ชัดว่าสามารถทำการเคลื่อนไหวโจมตีที่ซับซ้อนยิ่งกว่านี้ได้ ทำไมถึงไม่ใช้ ตรงกันข้ามกลับใช้วิธีการโจมตีที่เห็นได้ชัดไว้ไร้ประสิทธิภาพแบบนี้?
อย่างที่คิดเอาไว้เลย หุ่นรบระดับราชันยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาสกัดสองหมัดของหุ่นรบระดับกลาง และตอนนี้เอง กำปั้นสองข้างของหุ่นรบระดับกลางหดกลับมาในขณะที่กำลังจะสัมผัสกับอีกฝ่าย จากนั้นขาสองข้างก็ดีดตัวขึ้นมาฉับพลันก่อนจะถีบเข้าไปอย่างดุดัน…ดูท่าการโจมตีสองหมัดที่ดูเหมือนไม่ได้เสแสร้ง แต่ความจริงแล้วก็คือการแสร้งทำ กระบวนท่าสังหารที่แท้จริงของหุ่นรบระดับหลางมาจากสองเท้าของเขา
“นี่เป็นท่ากระโดดถีบพื้นฐานนี่นา! แม่งเอ๊ย เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?” จ้าวจวิ้นอดกุมศีรษะร้องไห้โฮไม่ได้ เขาอยากดูการประลองชี้แนะ ไม่ได้อยากดูหุ่นรบระดับกลางใช้ท่าประเมินพื้นฐานออกมาทีละท่านะ นั่นเป็นการโจมตีจริงๆ เหรอ?”
หลี่หลานเฟิงที่เดิมทีมีการตอบรับคำถามของจ้าวจวิ้นมาตลอด เวลานี้กลับเงียบไปอย่างผิดปกติ ภายในห้องคนขับ ของเขา ดวงหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ…
“นี่เป็นท่าการโจมตีที่หุ่นรบกระต่ายคุ้นชินมากที่สุด และเป็นท่าที่เขาสร้างขึ้นมาเอง พอมีอะไรที่จัดการไม่ได้ เขาก็จะใช้ท่านี้ด้วยความเคยชิน…” กระบวนท่าคุ้นเคยที่ห่างเหินไปเจ็ดปีปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง ทำให้เขาตื่นเต้นขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก
……
หลิงเซียวประหลาดใจกับลูกถีบที่ไม่คาดฝันของหลิงหลานอยู่บ้าง เนื่องจากวิชากระโดดถีบนี้ไม่ใช่ทักษะการโจมตี หากแต่เป็นการเอาวิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 มารวมกับทักษะพื้นฐานเปลี่ยนทิศทางและความเร็ว นับตั้งแต่ที่ไม่มีคนใช้วิชาวิ่งสองขาที่เป็นรูป 八 วิชากระโดดถีบนี้ก็ถูกผู้ควบคุมหุ่นรบลืมเลือนไป
หลิงเซียวไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่หลิงหลานใช้วิชากระโดดถีบ แต่เขาไม่นึกว่าหลิงหลานทำการดัดแปลงมัน เอาวิชากระโดดถีบมาหลอมรวมเข้าไปในการโจมตี ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ ถึงขนาดที่ตื่นเต้นยินดี นี่หมายความว่าลูกสาวของเขาเชี่ยวชาญการควบคุมพื้นฐานสุดขีดแล้ว ไม่อย่างนั้นก็คงไม่สามารถพัฒนาการเคลื่อนไหวพื้นฐานเหล่านี้มาเปลี่ยนเป็นทักษะโจมตีได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนว่า หลิงหลานจดจำมรดกของเขาไว้ขึ้นใจเลย เรียนรู้พื้นฐานได้อย่างมั่นคง
“ไม่เลว!” หลิงเซียวมอบคำชมให้ลูกสาวตัวเองโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว ส่วนสองมือก็เข้าไปหาสองเท้าของหลิงหลานฉับพลัน